22Aug, 2023
Language blog :
Thai
Share blog : 
22 August, 2023
Thai

Hybrid Application คืออะไร

By

2 mins read
Hybrid Application คืออะไร

Hybrid Application คือแอปพลิเคชันมือถือที่มีการพัฒนามารองรับแพลตฟอร์ม Android, iOS และ Windows ซึ่งไม่เหมือนกับ Native Application ที่ถูกพัฒนามาแบบภาษาเฉพาะให้รองรับระบบปฏิบัติการที่แตกต่างกันเพื่อให้สามารถใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์ม ตัวอย่างภาษาที่ใช้พัฒนา Native Application ที่ใช้พัฒนาระบบปฏิบัติการ iOS คือภาษา Swift หรือ Objective-C ส่วนระบบปฏิบัติการ Android นั้นจะใช้ภาษา Kotlin หรือ Java ในการพัฒนา ซึ่งต่างกับ Hybrid Application ที่จะใช้ HTML, JavaScript, CSS, Dart และอื่น ๆ

ข้อดีของ Hybrid Application

Hybrid application

แหล่งอ้างอิงจากรูป Click

1.     ใช้เพียง Framework เดียว : พัฒนาครั้งเดียวสามารถใช้ได้ทุกแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็น Android, iOS, Windows ซึ่งทีมนักพัฒนาขององค์กรคุณเพียง 1 ทีม ก็เพียงพอต่อการพัฒนา Application จากปกติที่จะมีทีมนักพัฒนา 1 ทีม ต่อ 1 แพลตฟอร์ม

2.    เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ไม่ซับซ้อน : การพัฒนาแอปพลิเคชันแบบ Hybrid จะต้องคำนึงถึง แพลตฟอร์มที่ใช้งาน ดังนั้นการพัฒนาจะมีความซับซ้อนมากเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เมื่อแอปพลิเคชันยิ่งมีความซับซ้อนมากขึ้นยิ่งทำให้ประสิทธิภาพของแอปพลิเคชันลดลง

3.    ค่าใช้จ่ายไม่สูง : ดังที่กล่าวในข้อที่ 1 เมื่อเราใช้นักพัฒนาน้อย ค่าใช้จ่ายในการพัฒนาจะยิ่งต่ำลง

4.    ใช้เวลาพัฒนาน้อย : การที่สามารถพัฒนาแอปพลิเคชันได้ใน Framework ตัวเดียว ซึ่งรอบรับ Platform Android, iOS, Windows จะช่วยลดเวลาในการพัฒนาได้อย่างมาก และเมื่อเกิดบัคขึ้น นักพัฒนาก็สามารถแก้ได้ภายในครั้งเดียว ซึ่งจะไม่เหมือนฝั่ง Native Application ที่ต้องไปแก้บัคสองรอบหรือมากกว่านั้น ซึ่งจะทำให้ใช้ระยะเวลาแก้บัคมากขึ้นเช่นกัน

 

ข้อเสียของ Hybrid Application

1.    ไม่เหมาะกับแอปพลิเคชันที่ซับซ้อน : ประสิทธิภาพในการทำงานของ Hybrid Application ในการทำงานหนัก ๆ เช่นงาน Graphic ที่ต้องการการ Render ที่สูงจะด้อยกว่า Native Application

2.     ไม่สามารถใช้งานร่วมกับ Native Feature อื่นได้โดยตรง : libs ของฝั่ง Native จะไม่สามารถใช้งานได้โดยตรง แต่ถ้าอยากใช้ก็อาจจะต้องทำ Bridging ลงไปหา Native เอง
libs ที่ใช้งานจะขึ้นอยู่กับนักพัฒนา Framework เหล่านั้นเลยว่าจะพัฒนา libs ให้ Framework ในส่วนไหนบ้าง

3.     โค้ดมีความซับซ้อนสูง : การที่ Hybrid Application จะเข้าถึงฟังก์ชันของ Native ได้ ต้องเข้าถึงผ่าน Plug-In ซึ่ง การใช้ Plug-In ที่เยอะมาก ๆ หมายถึงความซับซ้อนของโค้ด (Code Complexity) ก็จะสูงขึ้นด้วยเช่นกัน

 

 

ใครที่ควรใช้ Hybrid Application

Hybrid Application ไม่ได้ตอบโจทย์กับทุกธุรกิจ เพราะในปัจจุบันแอปพลิเคชันบางอย่างก็มีความซับซ้อนอย่างมาก เมื่อทำในรูปแบบ Hybrid Application มักจะเกิดปัญหาการ Render UI และฟังก์ชันบางอย่าง หรือ libs บางตัวยังไม่ตอบโจทย์กับการใช้งานในปัจจุบัน ดังนั้นแอปพลิเคชันที่มักถูกพัฒนาในปัจจุบันจะมีดังนี้

1. Social แอปพลิเคชัน

2. แอปพลิเคชันเกี่ยวกับอีเมลหรือการส่งข้อความ

3. แอปพลิเคชันเกี่ยวกับการเก็บข้อมูลต่าง ๆ

4. แอปพลิเคชันเกี่ยวกับกิจกรรมหรืองาน event ต่าง ๆ

5. แอปพลิเคชันการจดโน้ตหรือบันทึก

6. แอปพลิเคชันโปรโมทสินค้าต่าง ๆ (E-Commerce)

 

6 ขั้นตอนในการพัฒนา Hybrid Application

1. การวางแผน (Planning): การทำ Application ขึ้นมาสักอย่างจะต้องมีการวางแผนก่อนว่าจะให้แอปพลิเคชันทำงานไปในทิศทางใดให้ตอบโจทย์กับผู้ใช้งานจริง ซึ่งถ้าผู้วางแผนทำขั้นตอนนี้ออกมาได้ดี จะยิ่งทำให้ลดระยะเวลาในการแก้ไขหรือปรับปรุงหน้า UI และ Flow การทำงานในการพัฒนาในขั้นตอนอื่น ๆ อย่างมาก

2. การออกแบบและดีไซน์ หน้า UI Interface: หน้า UI ของ Hybrid Application จะแตกต่างกับ Native Application เพราะจะต้อง Render หน้า UI ต่าง ๆ ให้รองรับทั้ง Android และ iOS ดังนั้นการทำในส่วนนี้จะต้องใช้ระยะเวลามากขึ้นพอสมควร เพื่อให้ Developer พัฒนาแอปพลิเคชันได้รวดเร็วและทำให้ผู้ใช้งานใช้งานง่ายขึ้น

3. การพัฒนา (Development): การพัฒนา Hybrid Application จะต้องตรงตาม Requirement ของลูกค้าให้ได้มากที่สุด และการเขียนโค้ดไม่ควรมีความซับซ้อนมาก เพื่อให้ผู้พัฒนาคนอื่นที่มาแก้ไขหรือปรับปรุงโค้ดอ่านและเข้าใจได้รวดเร็ว

4. การทดสอบ (Testing): ในส่วนการทดสอบจะใช้เวลาค่อนข้างมาก เนื่องจาก Hybrid Application นั้นต้องมีการทดสอบหลายแพลตฟอร์ม และจะมีผลกับผู้ใช้งานมากที่สุด เนื่องจาก Flow บางอย่างที่ผู้ใช้งานมักเจอมักอยู่นอกเหนือจากที่ผู้วางแผนหรือผู้ออกแบบคิดไว้ ดังนั้นเมื่อทำการทดสอบให้ครอบคลุมการใช้งานในรูปแบบต่าง ๆ และมีการแก้ไขจะยิ่งทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานแอปพลิเคชันดียิ่งขึ้น

5. การนำ Application ขึ้นใช้งานจริง (Deployment): เมื่อมีการพัฒนาและทดสอบจนสมบูรณ์แล้ว ต้องมีการ Deploy Application ขึ้นใช้งานจริง ไปที่ Play Store (Android), App Store (iOS)

6. การปรับปรุงระบบ (Maintenance): ในขั้นตอนสุดท้ายนี้ จะเป็นการปรับปรุงหรือแก้ไขบัคที่อาจเกิดขึ้นภายหลังจากนำ Application ขึ้นใช้งานจริงแล้ว ซึ่งมักจะเป็นการแก้ไขบัคที่เกิดขึ้นจากผู้ใช้งานที่มีการ Feedback กลับมา

สรุปได้ว่า Hybrid Application คือทางเลือกที่ดีในการพัฒนา Application เพื่อให้บริการแก่ผู้บริโภคทั่วไป เนื่องจากใช้งานได้ทุกแพลตฟอร์มจึงทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ดี App รูปแบบนี้ก็อาจมีข้อจำกัดบางประการเรื่องประสิทธิภาพอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาหาก App ที่พัฒนาออกมาตอบโจทย์ผู้ใช้งานอย่างไรก็มีผู้ใช้งานจำนวนมากแน่นอน

 

แหล่งอ้างอิง

·        https://codecontrol.io/en/blog/the-pros-and-cons-of-hybrid-mobile-app-technology

·        https://www.turing.com/resources/hybrid-mobile-app-development

·        https://shorturl.at/qyP27

·        https://www.techosquare.com/blog/hybrid-app-development

·        https://shorturl.at/cvFGJ

Written by
Senna Labs
Senna Labs

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

26
July, 2024
ความสำคัญของ UX ในการทำ Digital Product
26 July, 2024
ความสำคัญของ UX ในการทำ Digital Product
ทุกวันนี้มี Digital Product ใหม่เกิดขึ้นแทบทุกวัน และเจ้าของธุรกิจเหล่านั้นก็เริ่มหันมาให้ ความสนใจกับการออกแบบ UX (User Experience) มากขึ้น เพราะประสบการณ์ที่ผู้ใช้งานจะได้รับ ระหว่างการใช้งาน Digital Product ของเราจะมีบทบาทสำคัญลำดับต้นๆ เพราะนั้นคือตัวตัดสินว่า ผู้ใช้นี้จะอยู่หรือไปต่อกับ Product ของเราหรือไม่นั้นเอง ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทาง Digital ได้รับการอธิบายว่าเป็นกระบวนการในการเปลี่ยนแปลงองค์กรจากระบบแบบดั้งเดิมที่ใช้กระดาษเป็นรูปแบบ Digital เป็นขั้นตอนล่าสุดในวิวัฒนาการของเทคโนโลยีสารสนเทศ และมีศักยภาพในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบธุรกิจขององค์กร ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน ประสบการณ์ของลูกค้า และความได้เปรียบในการแข่งขัน แน่นอนว่าผู้ใช้ใหม่ๆ ล้วนเติบโตควบคู่มาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบ Digital ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการ

By

2 mins read
Thai
26
July, 2024
Digital Product Development Process : กระบวนการสร้างดิจิทัลโปรดัก
26 July, 2024
Digital Product Development Process : กระบวนการสร้างดิจิทัลโปรดัก
ในปัจจุบันองค์กรต่างๆมีความต้องการที่จะทำ digital transformation หรือทำ software ต่างๆขึ้นมาไม่ว่าจะเป็น software ที่ใช้ในองค์กรหรือใช้กับลูกค้าขององค์กร จุดประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพในองค์กรให้ก้าวหน้าหรือเท่าเทียมกับคู่แข่ง แต่หลายๆครั้งในการทำ digital product หรือ software ในองค์กรนั้นยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ซึ่งในประเทศไทยปัจจุบันสาเหตุอาจเกิดจากการขาดบุคลากรที่มีความสามารถเพียงพอหรือขาดความเข้าใจที่ถูกต้องในการทำ digital product จริงๆแล้วการทำ digital product ไม่ได้มีวิธีการที่ตายตัวสามารถเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับองค์กรของตัวเองมาปรับใช้ได้ ส่วนสำคัญในการทำ

By

3 mins read
Thai
26
July, 2024
แอปดีต่อใจ
26 July, 2024
แอปดีต่อใจ
ในวันที่ปัญหาหรือความไม่สะสบายใจเริ่มสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เรารู้สึกหมดแพชชั่นที่จะลงมือทำสิ่งต่างๆ แต่บางครั้งอาการกเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่อารมณ์ชั่ววูบเท่านั้น ถ้าหากเรารู้จักวิธีฮีลใจตัวเอง ความรู้สึกด้านลบของเราก็จะลดลง ถูกแทนที่ด้วยพลังบวก และเติมแพชชั่นอย่างเต็มเปี่ยม มาดูกันดีกว่าว่า 5 แอปที่ดีต่อใจเรามีอะไรกันบ้าง มาดูกันเลย PictureThis แอปพลิเคชันที่เพียงแค่ถ่ายรูปต้นไม้หรือดอกไม้ที่คุณอยากรู้จัก แล้วอัพโหลดเข้าไปในระบบ ระบบก็จะทำการค้นหาข้อมูลและบอกชื่ออย่างเป็นทางการของพันธุ์ไม้นั้น ๆ ในทันที มีทั้งข้อมูลลักษณะเฉพาะของต้นไม้ อีกทั้งยังมีวิธีการดูแลรักษาเพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันว่าต้นไม้แต่ละสายพันธุ์ก็ต้องการการดูแลที่แตกต่างกันไป ยิ่งไปกว่านั่นแอปพลิเคชันนี้ยังช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นกับต้นไม้ให้กับคนรักต้นไม้ทราบได้ว่าตอนนี้ต้นไม้ของเรากำลังมีปัญหาอะไรยู่ ต้นไม้ของเราจะได้อยู่กันไปยาวๆ นอกจากนั่นยังสามารถแชร์ข้อมูลพิกัดที่เราพบต้นไม้ให้กับเพื่อน ๆ ที่รักต้นไม้ได้อีกด้วย เพราะในแอปพลิเคชันนี้มีชุมชนของคนรักต้นไม้จากทั่วโลกมารวมไว้ด้วยกัน “คืนที่ดาวเต็มฟ้าฉันจินตนาการถึงหน้าเธอ ละเมอไปไกล มองไม่เห็นเป็นดาว” ถ้าเราไม่รู้แล้วว่าดาวที่เห็นบนท้องฟ้าเป็นดาวอะไร เราขอแนะนำแอปพลิเคชันนี้เลย แอป Sky

By

4 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.