ทำไมการนำ AI มาใช้ในบริษัทมักล้มเหลว
Share

ทุกวันนี้คำว่า “AI” กลายเป็นคำฮิตที่ใครๆ ก็พูดถึง หลายบริษัทรีบเอา AI มาใส่ในระบบหรือแอปพลิเคชันของตัวเองโดยคาดหวังว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างแทนมนุษย์ได้
แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ หลายโปรเจกต์ AI ล้มเหลว หรือใช้งานจริงไม่คุ้มค่า เพราะอะไร? เพราะเรามักจะเข้าใจ AI ผิดตั้งแต่ต้น
ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ AI
1. AI คืออัจฉริยะที่ทำได้ทุกอย่าง
หลายคนคิดว่า AI เหมือนพนักงานเก่งที่รู้ทุกเรื่อง เช่น แค่ใส่ AI เข้าไปในระบบขาย มันจะปิดการขายแทนเซลส์ได้เลย
ตัวอย่างจริง: บริษัทหนึ่งติดตั้ง AI chatbot โดยคาดว่าจะช่วยตอบทุกคำถามลูกค้าได้ทันที แต่ผลคือ ลูกค้าถามคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้งานสินค้า AI ตอบไม่ได้ → ลูกค้าไม่พอใจ สุดท้ายต้องใช้คนเข้ามาช่วย
ความจริง: AI ไม่ได้เข้าใจธุรกิจของคุณเอง มันเป็นแค่ “เครื่องมือ” ที่ต้องถูกสอน และกำหนดขอบเขตหน้าที่ให้ชัด
2. AI จะเวิร์กเพราะทุกคนก็ใช้กัน
หลายองค์กรลงทุนกับ AI เพราะไม่อยาก “ตกเทรนด์” แต่ไม่ได้กำหนดเป้าหมายเลยว่าจะเอามาใช้เพื่ออะไร
ตัวอย่างจริง: ฝ่าย HR ลงทุนซื้อระบบ AI วิเคราะห์ CV ผู้สมัคร แต่ไม่เคยกำหนดชัดเจนว่าต้องการลดเวลาคัดกรองกี่เปอร์เซ็นต์ หรืออยากได้คุณภาพผู้สมัครที่ดีขึ้นอย่างไร → สุดท้ายใช้ไปแล้วก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์จริงหรือเปล่า
ความจริง: ถ้าไม่มีเป้าหมายชัดเจน เราจะไม่สามารถวัดผลได้เลยว่า AI คุ้มค่าหรือไม่
3. AI จะช่วยได้โดยไม่ต้องมีระบบที่ดีมาก่อน
หลายบริษัทเอา AI มาใส่ในกระบวนการที่ยังไม่มีมาตรฐานหรือขั้นตอนที่แน่นอน (SOP) หวังว่า AI จะมาช่วยจัดระเบียบให้
ตัวอย่างจริง: ฝ่ายบริการลูกค้าไม่มีคู่มือการตอบคำถามชัดเจน แต่ไปให้ AI ช่วยตอบ ผลคือ AI ตอบไม่ตรงกันบ้าง ตอบผิดบ้าง เพราะมันไม่รู้ว่า “คำตอบมาตรฐานของบริษัทคืออะไร”
ความจริง: ถ้าองค์กรยังไม่มี SOP หรือ Process ที่มั่นคง การใช้ AI จะยิ่งทำให้สับสนมากกว่าเดิม
วิธีที่ถูกต้องในการใช้ AI ในธุรกิจ
-
เริ่มจากการทำความเข้าใจ Process ของตัวเองก่อน
-
วาด Process Mapping ให้เห็นว่าใครทำอะไร ขั้นตอนไหน
-
มี SOP ที่เป็นมาตรฐาน เช่น การปิดงบสิ้นเดือนต้องผ่านกี่ขั้นตอน
-
-
หาว่า AI ช่วยตรงไหนได้จริง
เลือกงานที่ซ้ำซ้อน ใช้เวลามาก แต่ไม่ต้องใช้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์
ตัวอย่าง:
-
-
ฝ่ายขาย → ให้ AI สรุปรายงานยอดขายประจำสัปดาห์
-
ฝ่ายบุคคล → ให้ AI สรุป Feedback พนักงานจากแบบสอบถาม
-
ฝ่ายการตลาด → ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลเพื่อหาเทรนด์
-
-
กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้
-
เช่น ลดเวลาทำรายงานจาก 3 วันเหลือ 3 ชั่วโมง
-
ลดงานซ้ำซ้อนลง 40%
-
ตัวอย่าง: บริษัทหนึ่งตั้งเป้าให้ AI ลดปริมาณตั๋ว Support ที่พนักงานต้องรับเองลงอย่างน้อย 30% และสามารถวัดผลได้จริงใน 3 เดือน
-
-
เริ่มเล็ก แล้วค่อยขยาย
-
เริ่มจากโครงการเล็กๆ ที่แก้ปัญหาหนึ่งอย่าง
-
เมื่อได้ผลจริง ค่อยต่อยอดไปยังขั้นตอนอื่น
-
ตัวอย่าง: บริษัทด้านโลจิสติกส์ เริ่มจากให้ AI สรุปรายงานเส้นทางการขนส่ง → เห็นผลชัดว่าลดเวลางาน Paperwork ได้ จึงขยายไปใช้ AI ช่วยวิเคราะห์เส้นทางที่ประหยัดต้นทุน
-
สรุป
AI ไม่ใช่เวทมนตร์ที่จะทำให้บริษัทเก่งขึ้นทันที มันเป็นเพียง “เครื่องมือ” ที่ช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น แต่ความสำเร็จของการใช้ AI ขึ้นอยู่กับว่า…
-
เรามี Process และ SOP ที่ชัดเจน หรือไม่
-
เรารู้ว่า AI จะช่วยตรงไหนได้จริง หรือยัง
-
เรากำหนด ผลลัพธ์ที่วัดได้ ตั้งแต่แรกหรือไม่
เพราะสุดท้าย AI ไม่ได้มาแทนคน แต่มาเป็น “ผู้ช่วย” ที่ทำให้คนในองค์กร ทำงานได้ดีกว่าเดิม
Download Template : AI Readiness Checklist

Share

Keep me postedto follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Related articles
Explore all


