แชร์ประสบการณ์การรับคนบกพร่องทางการได้ยินเข้าฝึกงาน

1 mins read

Published

22 August, 2022

Language

Thai

Written by

Share

แชร์ประสบการณ์การรับคนบกพร่องทางการได้ยินเข้าฝึกงาน

       บทความนี้ตั้งใจเขียนขึ้นมาเพื่อแชร์ประสบการณ์การรับผู้พิการเข้าฝึกงาน หรือการทำงานกับผู้พิการในบริษัท Startup จากประสบการณ์ที่ได้ก็พบว่าไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องใช้ความพยายามและความอดทนสูงแต่ไม่ยากจนเกินไป เมื่อเดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมาทางบริษัทได้รับบาสซึ่งเป็นผู้พิการทางหูเข้ามาฝึกงานในตำแหน่งกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ ต้องบอกก่อนเลยว่าตั้งแต่ทำงานมาเราไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานกับคนพิการมาก่อนเลย ตอนแรกรับน้องเข้ามาเพราะเอ็นดูและคิดว่าไม่น่ามีอะไรมากค่ะ น้องไม่ได้ยินก็พิมพ์คุยเอา บาสอายุ 25 ปี ไม่เคยฝึกงานที่ไหนมาก่อนและไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนเลย นางบอกเคยออกแบบ Sticker Line ให้เพื่อนบ้านครั้งหนึ่ง

       เราถามน้องว่าอยากจะฝึกนานเท่าไหร่น้องบอกว่าขอฝึก 2 ปี เราก็ตกใจทำไมนาน ก็บอกว่าฝึกซัก 2 เดือนแล้วถ้าทำงานได้เข้ากันได้เราก็จะรับเค้าเป็นพนักงานประจำ

        Project แรกหรืองานแรกของบาสที่เรา Assign ให้ทำคืองานออกแบบ Price List  ให้พี่วินหน้าปากซอยมหาดเล็กหลวง 1 ค่ะ อันนี้เป็นงาน CSR ของบริษัท งานนั้นผ่านไปได้ด้วยดี นั่งทำงานติดกัน น้องทำงานค่อนข้างไว มีแก้เยอะหน่อยเพราะสื่อสารกันไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็ค่อยๆทำไป พี่วินก็ดีใจได้มี Price List ราคาที่เป็นทั้งภาษาไทยภาษาอังกฤษให้ลูกค้าดู

การรับผู้พิการเข้าฝึกงาน

       งานที่สองที่ให้น้องทำจะเป็นการจัด Session Knowledge sharing เป็นการสอนภาษามือให้คนในบริษัท อันนี้ส่วนตัวชอบมากสนุก ฮา พนักงานในบริษัทก็มาจอยหลายคนน่ารักมาก อยากจะจัดอีก 

ภาษามือ

       คุณพ่อน้องเล่าว่า เคยถามน้องว่าทำงานเป็นยังไงบ้างแล้วได้ทำงานกับโอปอไหมเป็นยังไง น้องบอกกับคุณพ่อว่าได้ทำงานกับโอปอ โอปอเป็นเพื่อนเค้า คุณพ่อก็พยามอธิบายว่าโอปอเป็นเจ้านายนะไม่ใช่เพื่อน น้องก็บอกไม่ใช่เป็นเพื่อนกัน แล้วเดินหนีคุณพ่อไปเลย ฟังแล้วก็ดีใจแล้วก็ขำ แต่ทำให้เราคิดออกว่าจริงๆน้องไม่เข้าใจซะด้วยซ้ำว่ามีความสัมพันธ์ประเภทเจ้านายลูกน้องอยู่บนโลกคือชีวิตเค้าที่ผ่านมามีมุมมองที่ต่างจากเรามาก มีโลกของเค้าที่เราไม่เข้าใจเลย

 

        ต่อมาก็เริ่มให้งานน้องเพิ่มขึ้นมีงานออกแบบกราฟฟิกของบทความต่างๆ Website Cover และ Post ผลงานน้องออกมาเต็ม 10 ให้ 5 แต่เราก็โพสต์ลงใน Social Account ของบริษัท ก็ค่อย ๆ แนะนำให้น้องหา Reference บ้างให้ไปดูตัวอย่างกราฟฟิกสวย ๆ จะได้มีแรงบันดาลใจ ผ่านไปไม่นานเราเริ่มปล่อย ปล่อยบาสให้อยู่กับน้องในทีมอีกคนถึงจุด ๆ นึงลูกน้องในทีมบอกว่าชีจะองค์ลงแล้วนะ ทำงานกับบาสเหมือนให้เลี้ยงเด็ก สั่งงานอะไรไปต้องตาม เช้า สาย บ่าย เย็น งานที่ได้ก็ใช้ไม่ได้ซะเยอะ หัวจะปวด เราก็เข้าไปช่วยดูบาสช่วยสื่อสารจนพบว่าจริง ๆ มันมีปัญหานึงซึ่งเราตกใจมากและมองว่าเป็นปัญหาใหญ่เลยคือน้องไม่สามารถสื่อสารภาษาไทยได้ 100 % คือถ้าเป็นคำที่เฉพาะเจาะจงเค้าจะไม่เข้าใจเลยหรือแม้แต่คำที่พูดกันทั่วไปแต่เป็นคำแสลง พอเป็นแบบนี้เริ่มเข้าใจว่าทำไมเวลาสั่งงานเค้าทำออกมาไม่ตรงกับที่สั่งหลายรอบ และเริ่มเข้าใจว่าทำไมสื่อสารกันยาก อันนี้เราก็ต้องมาคิดว่าเราจะทำยังไงดีให้แก้ปัญหาตรงนี้ได้ ก็คิดออกมา 2 อย่างคือ ให้น้องเขียนไดอารี่ในการทำงานแต่ละวันแบบสั้นๆ ซัก 5 บรรทัดจะได้ฝึกเขียน กับ ให้น้องหาข่าวหรือบทความที่เกี่ยวกับ IT หรือ Graphic Design มาอ่านวันละ 1 บทความแต่อันนี้น้องไม่ค่อยทำเท่าไหร่ เขียนไดอารี่ก็ต้องคอยตามอยู่บ้าง

       จริง ๆ แล้วมีอีกเหตุผลที่เป็นปัญหาในการทำงานคือเนื่องจากน้องไม่เคยฝึกงานหรือทำงานมาก่อน และน้องมีสังคมค่อนข้างเล็กมีเพื่อนไม่กี่คนซึ่งเป็นคนพิการด้วยกัน ทำให้น้องไม่มีความเข้าใจว่าการฝึกงานหรือทำงานต้องทำตัวอย่างไร เช่น ไม่รู้มาก่อนว่าในวันทำงานเราจะต้องทำงาน 8 ชั่วโมงและมีพักเที่ยง 1 ชั่วโมงเท่านั้น ถ้าป่วยต้องลา คือเคยให้ Feedback การทำงานน้องแล้วบอกว่าให้ลองแพลนมาว่าใน 1 สัปดาห์เราแบ่งเป็นช่วงเวลาเอาไว้ทำงานอะไรบ้างน้องก็แบ่งเป็นช่วงทำงาน Graphic อ่านบทความ เขียนไดอารี่ แล้วก็มีช่วงเวลาพัก 3 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง 55555 คือถ้าเป็นพนักงานในบริษัทคนอื่นเราก็จะไม่สนใจใครจะทำอะไรทำขอให้งานที่ได้รับมอบหมายเสร็จภายในเวลาที่กำหนดพอ แต่พอบาสออกแพลนมาแบบนี้ก็อืมมม เดี่ยวก่อนนะ ให้งานเสร็จตรงตามที่สั่งในเวลาที่กำหนดก่อนค่อยออกแผนแบบนี้ละกัน ก็ต้องอธิบายให้ฟังว่าควรวางแผนแบบไหน Update งานระหว่างวันยังไง คือไม่ใช่คุยรอบเดียวนะคะ มีอยู่ช่วงนึงคุยทุกวัน มีต้องสั่งห้ามดูการ์ตูนในเวลาทำงานถ้างานไม่เสร็จ เวลาประชุมต้องเข้าตรงเวลา ข้าวไม่เอามาทานตอนประชุมเพราะน้องต้องพิมพ์คุยแล้วมันทำให้ช้า ประชุม 1 ชั่วโมงจะไม่พอเอา อืมม ก็ Challenging อยู่พอสมควร  

       ที่บริษัทเราจะมีการให้ Feedback การทำงาน ครั้งแรกที่ต้องให้ Feedback น้องเรากับน้องอีกคนในทีมก็คุยกันอยู่นานว่าจะ Feedback ยังไงดีพูดตรงๆเหมือนคนอื่นดีไหม กลัวน้องเสียใจ เอ็นดู แต่สุดท้ายตัดสินใจว่าเราไม่ควร treat น้องแตกต่างจากคนอื่นเพราะว่าเค้าหูหนวกถ้าทำแบบนั้นจะทำให้น้องไม่สามารถทำงานกับคนอื่นได้และไม่ได้เรียนรู้ว่าชีวิตการทำงานจริงๆเป็นอย่างไร ในการ Feedback การทำงานช่วงแรกๆ น้องก็จะตอบครับๆ เข้าใจครับ แต่พอต้อง Feedback เรื่องเดิมๆหลายๆครั้งเราเริ่มสงสัยว่าเข้าใจจริงป่าว ให้น้องทวนว่าเข้าใจว่าอะไร จึงพบว่าจริงๆนางไม่เข้าใจ ในใจก็คือที่บอกๆไปเกือบร้อยรอบก่อนหน้านี้คืออะไร 555555


        มีครั้งนึงตอนให้ Feedback น้องตลกมาก เราก็แจ้งน้องว่ามีจุดไหนที่อยากให้ปรับบ้างแล้วให้น้องไปทำแผนมาว่าจะปรับยังไงในเวลาเท่าไหร่ แล้วมาคุยกันอีกที พอนัดคุยเราก็ถามว่าแผนของบาสเป็นยังไงน้องตอบว่าตอนนี้คิดไม่ออกเพราะว่ากำลังงอนอยู่ 55555 งงไปเลย ขำด้วย แต่ตรงนี้ก็ทำให้เห็นทัศนคติของบาสต่ออาการงอนที่มีกับเรา นางช่างไร้เดียงสา แต่บางทีก็น่า…..5555



       ตอนช่วงที่ peak มากๆ น้องในทีมเริ่มบอกว่าไม่น่าจะทำงานกับบาสไหวแล้วแบบนี้ซึ่งเราก็เข้าใจ ถ้าเราเป็นน้องเราก็คงไม่ไหวเหมือนกัน ถึงเราจะสงสารเราก็จะไปบังคับลูกน้องไม่ได้ว่าเธอต้องดูบาสไปเรื่อยๆไม่ว่าจะปวดหัวแค่ไหนก็ตาม เลยตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากคุณพ่อ จริงๆต้องขอบคุณคุณพ่อน้องมากๆที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี คุยกันหลายครั้งมาก เคยมีแจ้งคุณพ่อไปว่าถ้าวันไหนน้องที่ทำงานกับบาสเค้าทนไม่ไหวเราก็คงต้องบอกน้องไปตามตรงว่าคงให้ฝึกได้แค่นี้ซึ่งเราก็มองว่าตรงนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องดีก็ได้น้องอาจจะเสียใจในตอนแรกแต่ก็อาจจะทำให้เค้าฮึบสู้ขึ้นมา แล้วถ้าพร้อมเมื่อไหร่ให้ขอกลับมาฝึกใหม่ได้ คุณพ่อก็บอกว่าฝากไปบอกน้องที่ทำงานด้วยว่าขอบคุณมากเลยขอให้อดทนอีกนิดนึงเดี่ยวที่บ้านจะช่วยกันนวดให้ 5555 คุณพ่อจะช่วยคุยกับน้องให้เอง ซึ่งตรงก็ได้ผลดีมาก

       ก็โชคดีที่น้องๆในบริษัทที่ทำงานกับบาสเป็นคนใจดีมาก นางอดทนและมีความพยาพยามสุดๆ graphic บางชิ้นกว่าจะออกมาได้ต้องคุยอยู่เป็นครึ่งวัน ข้ามวันก็มี 5555 ทุกคนน่ารักมาก ช่วยกันสื่อสาร หาตัวอย่างให้ดู ค่อยๆคุยจนบาสเข้าใจ ตรงนี้ต้องถือว่าบาสโชคดีได้เพื่อนร่วมงานที่ดีเป็นคนมีเมตตา นางพยามทำงานกับบาสอย่างสุดความสามารถ search google ก็หลายรอบว่าต้องสื่อสารยังไงจนนางพบว่าจริงๆแล้วคนหูหนวกส่วนใหญ่ไม่สามารถอ่านภาษาไทยได้มากนัก ระดับบาสคือถือว่าดีมากแล้ว อันนี้พูดตรงๆว่าเราก็ตกใจทำไมกระทรวงศึกษาถึงปล่อยให้เป็นแบบนี้ 5555 แล้วพวกเราก็คิดว่าถ้ามีโอกาสสามารถช่วยเหลือตรงนี้ได้ก็อยากจะช่วยเพราะทักษะในการสื่อสารจำเป็นต่อการทำงานมาก มีน้องที่บริษัทอีกคนก็แชร์ว่าคนตาบอดสามารถอ่านออกได้มากกว่าคนหูหนวกอีกคือตรงนี้ก็น่าสนใจว่าเป็นเพราะอะไร แต่ว่าน่าจะจริงแน่นอนเพราะตอนเรียนมหาวิทยาลัยเคยมีอาจารย์ผู้สอนเป็นผู้พิการทางสายตาซึ่งอาจารย์ก็เก่งมากและมีเพื่อนร่วมรุ่นคนนึงก็เป็นผู้พิการทางสายตาเค้าก็เล่นเฟสบุ๊คพิมพ์คุยอะไรได้ปกติเลย

 

       ปัจจุบันนี้บาสก็ยังฝึกงานอยู่ที่บริษัท เซนน่า แล็บ ฝึกมาเกือบ 5 เดือนแล้ว ก็มีการประเมินการทำงานของน้องอยู่บ่อยๆ บาสปรับตัวและพัฒนาตัวเองขึ้นมาก คุณพ่อน้องบอกว่าเดี่ยวนี้น้องเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากตื่นเช้ามาก็รีบแต่งตัวจะไปทำงานกลัวจะสาย 5 เดือนที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ใหม่ที่ดีมากๆ ทำให้ความคิดเรากว้างขึ้น ได้มีโอกาสมองในมุมมองใหม่ๆที่แตกต่าง ได้เห็นความน่ารักที่หายากของคนในองค์กร เห็นความพยายามของบาส คิดว่าอีกไม่นานน้องน่าจะพร้อมที่จะเริ่มทำงานเป็นพนักงานประจำที่บริษัทของเราเป็นพนักงานที่เป็นคนพิการคนแรกของเซนน่า แล็บ 


อาจเป็นรูปภาพของ 6 คน และ ผู้คนกำลังยืน

Written by
Senna Labs
Senna Labs

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
30 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
30 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
30 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy