UX/UI คืออะไร? พื้นฐานที่มือใหม่ต้องรู้ในการออกแบบเว็บไซต์

เมื่อพูดถึงเว็บไซต์ที่ดี ไม่ใช่แค่สวยงาม แต่ต้องใช้งานง่ายและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้ การออกแบบ UX/UI ที่ดีสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ ดึงดูดลูกค้า เพิ่มยอดขาย และลดอัตราการออกจากเว็บไซต์
สำหรับมือใหม่ที่อยากเข้าใจว่า UX/UI คืออะไร และ ต้องเริ่มออกแบบเว็บไซต์อย่างไรให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจพื้นฐานสำคัญ พร้อมกรณีศึกษาของเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ปรับ UX/UI และสามารถเพิ่มยอดขายได้สำเร็จ
UX/UI คืออะไร และแตกต่างกันอย่างไร?
UX (User Experience) คืออะไร?
UX หรือ ประสบการณ์ผู้ใช้ หมายถึงความรู้สึกของผู้ใช้เมื่อเข้ามาใช้งานเว็บไซต์ เช่น
-
เว็บไซต์ใช้งานง่ายหรือไม่?
-
ผู้ใช้หาสิ่งที่ต้องการได้เร็วแค่ไหน?
-
ระบบโหลดเร็วหรือช้า?
-
ระบบตอบสนองได้ดีแค่ไหน?
ตัวอย่าง UX ที่ดี: เว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ที่จัดหมวดหมู่สินค้าชัดเจนและมีปุ่มสั่งซื้อง่ายๆ
UI (User Interface) คืออะไร?
UI หรือ ส่วนติดต่อผู้ใช้ หมายถึงการออกแบบองค์ประกอบที่ผู้ใช้มองเห็น เช่น
-
สี ฟอนต์ และองค์ประกอบกราฟิก
-
ปุ่ม "ซื้อเลย" หรือ "สมัครสมาชิก"
-
ไอคอน เมนู และภาพประกอบ
ตัวอย่าง UI ที่ดี: ปุ่ม Call to Action (CTA) เช่น “ซื้อเลย” มีขนาดใหญ่และสีโดดเด่นเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้กดคลิก
UX และ UI แตกต่างกันอย่างไร?
-
UX เน้นการสร้างประสบการณ์ที่ดี เช่น ระบบสั่งซื้อที่ง่าย ไม่ซับซ้อน
-
UI เน้นการออกแบบอินเทอร์เฟซให้ดึงดูดสายตา
สรุปง่ายๆ: UX คือ "การใช้งาน" ส่วน UI คือ "การออกแบบ" ทั้งสองสิ่งต้องทำงานร่วมกันเพื่อให้เว็บไซต์ออกมาสมบูรณ์แบบ
องค์ประกอบหลักของ UX/UI ที่ส่งผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้
1 ความง่ายในการใช้งาน (Usability)
เว็บไซต์ที่ดีต้องใช้งานง่าย ผู้ใช้ควรหาสิ่งที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่าง: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีแถบค้นหาสินค้าอยู่ด้านบนสุดของหน้าเว็บ
2 ออกแบบให้รองรับมือถือ (Mobile-First Design)
มากกว่า 60% ของผู้ใช้เข้าเว็บผ่านมือถือ การออกแบบต้องรองรับทุกขนาดหน้าจอ
ตัวอย่าง: เว็บขายเสื้อผ้าที่ทำให้ปุ่ม “สั่งซื้อ” กดง่ายบนมือถือ
3 ความเร็วในการโหลด (Page Speed)
หากเว็บไซต์โหลดช้ากว่า 3 วินาที ผู้ใช้จะออกจากเว็บทันที
ตัวอย่าง: เว็บที่ลดขนาดรูปภาพและใช้เทคนิค Lazy Load ทำให้โหลดเร็วขึ้น
4 การออกแบบสีและฟอนต์ (Visual Hierarchy)
-
สีแดง กระตุ้นการตัดสินใจ เหมาะกับปุ่ม "ซื้อเลย"
-
สีฟ้า ให้ความรู้สึกมั่นใจและปลอดภัย
ตัวอย่าง: Amazon ใช้สีเหลือง-ดำในการออกแบบ UI เพื่อกระตุ้นการซื้อ
วิธีออกแบบ UX/UI ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย
1 ศึกษาพฤติกรรมของผู้ใช้ (User Research)
ก่อนออกแบบ ต้องรู้ว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของเว็บไซต์เป็นใคร
-
พวกเขาใช้มือถือหรือเดสก์ท็อปเป็นหลัก?
-
ชอบเว็บที่มีสีสันสดใส หรือโทนเรียบง่าย?
ตัวอย่าง: เว็บขายอุปกรณ์เกมมิ่งมักใช้โทนสีดำ-แดงที่ดูดุดัน
2 ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย (Website Navigation)
-
เมนูควรเข้าใจง่าย เช่น “สินค้า” “เกี่ยวกับเรา” “ติดต่อเรา”
-
ปุ่ม Call-to-Action (CTA) เช่น "ซื้อเลย" ควรเด่นชัด
ตัวอย่าง: Shopee มีปุ่ม "ซื้อเลย" สีส้มที่โดดเด่น ทำให้ลูกค้ากดสั่งซื้อได้ง่าย
3 ทำ A/B Testing และปรับปรุง UX/UI อย่างต่อเนื่อง
A/B Testing คือการทดลองใช้ดีไซน์ 2 แบบเพื่อดูว่าอันไหนช่วยให้ผู้ใช้โต้ตอบกับเว็บไซต์ได้ดีขึ้น
ตัวอย่าง: เปลี่ยนปุ่ม "ซื้อเลย" จากสีเทาเป็นสีแดง แล้วพบว่ายอดขายเพิ่มขึ้น 15%
กรณีศึกษา: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่เปลี่ยน UX/UI แล้วเพิ่มยอดขาย
ปัญหาของเว็บไซต์เดิม:
-
ปุ่ม “ซื้อเลย” มีขนาดเล็กและไม่ชัดเจน
-
เมนูสินค้าหายาก ทำให้ลูกค้าละทิ้งการซื้อ
-
เว็บไซต์โหลดช้า ทำให้ลูกค้าไม่รอ
การปรับปรุง UX/UI :
- เพิ่มขนาดปุ่ม “ซื้อเลย” และเปลี่ยนเป็นสีแดง
- ปรับเมนูสินค้าให้ใช้งานง่ายขึ้น
- ลดขนาดรูปภาพเพื่อให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้น
ผลลัพธ์หลังปรับ UX/UI :
-
ยอดขายเพิ่มขึ้น 35% ภายใน 3 เดือน
-
ลูกค้าใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์เพิ่มขึ้น 40%
-
อัตราการออกจากหน้าเว็บลดลง 25%
สรุป:
UX/UI ที่ดีสามารถช่วยให้เว็บไซต์ของคุณ
- ใช้งานง่าย และทำให้ผู้ใช้พึงพอใจ
- ลดอัตราการออกจากเว็บไซต์
- เพิ่มยอดขายและ Conversion Rate
การออกแบบ UX/UI ไม่ใช่แค่เรื่องของดีไซน์ แต่เป็น เครื่องมือสำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ ถ้าคุณต้องการเว็บไซต์ที่ประสบความสำเร็จ อย่าละเลย UX/UI และปรับปรุงให้ดีขึ้นอยู่เสมอ


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








