Scalable & Repeatable: แนวคิดการทำ startup ให้มีกำไรและยั่งยืน
ในการทำธุรกิจ สิ่งที่ผู้ประกอบการ Startup ต่างต้องการก็คือ Growth หรือการเติบโตของธุรกิจ แต่ถ้าธุรกิจของเราไม่สามารถขยายตัว (Scalable) เพื่อพัฒนาและไม่เกิดการบริโภคอย่างต่อเนื่อง (Repeatable) สุดท้ายแล้วก็คงยากที่จะอยู่รอด ยกตัวอย่างธุรกิจที่เติบโตจนมีมูลค่าสูง เช่น Facebook, Airbnb ,Google และอื่น ๆ ซึ่งแรกเริ่มผู้ใช้อาจจะไม่มากเท่าปัจจุบัน แต่พอขยายไปยังทั่วโลก ฐานลูกค้าก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว รวมถึงมูลค่าของธุรกิจก็เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน ดังนั้น หลักการ Scalable & Repeatable เป็นแนวคิดที่สำคัญมาก
แล้วแบบไหนถึงจะเรียกได้ว่า Scalable และ Repeatable ?
Scalable
ในการทำธุรกิจ การสร้างกำไรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การที่ธุรกิจจะเติบโตได้เจ้าของธุรกิจควรเสาะหาช่องทางและสร้างแผนในการเพิ่มรายได้เพื่อต่อยอดการขยายตัวในอนาคต
Scaling (การขยายตัว) สามารถมองได้ 2 มุมมอง
- Scale Up (Vertical Scale) พูดง่าย ๆ ก็คือการพัฒนาของเดิมให้ดียิ่งขึ้น เติมเต็มช่องว่างที่เราสามารถทำกำไรได้ เพื่อให้ผู้ใช้เกิดความพึงพอใจและมี capability ในการบริโภคมากขึ้น
- Scale Out (Horizontal Scale) คือการเพิ่ม/ขยายจำนวนเพื่อให้รองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่าง จากกรณีศึกษา บริษัท Grab ซึ่งเริ่มต้นจากการเป็น ride-hailing application ที่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางของผู้ใช้ Grab สามารถ scale up ธุรกิจโดยการเพิ่มบริการและฟีเจอร์ต่าง ๆ เช่น บริการส่งพัสดุ ส่งอาหาร ซื้อของสดจากซุปเปอร์มาร์เกต จ่ายเงินด้วยบัตรเครดิต และอื่น ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ส่งผลให้เกิด transaction เพิ่มขึ้น มีรายได้เพิ่มขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็มีการ scale out เพื่อขยายฐานลูกค้าไปในตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศไทย มาเลเซีย เวียดนาม และอื่น ๆ ทำให้ Grab เป็นบริษัทที่เติบโตได้อย่างรวดเร็ว
หรือถ้านำแนวคิดนี้มาปรับใช้กับธุรกิจที่มีขนาดเล็กลงมา เช่น การเปิดร้านอาหาร ก็สามารถ scale up โดยการเพิ่มเมนู เพิ่มผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการ ขยายร้านให้ใหญ่ขึ้นเพื่อจะได้เพิ่ม capability ในการสร้างกำไร และยังสามารถ scale out โดยการเพิ่มสาขาออกไปเพื่อขยายฐานผู้บริโภค ได้เช่นกัน
(Image: sg.news.yahoo.com)
Repeatable
แน่นอนว่าถ้าเราลงทุนขยายธุรกิจขึ้นเรื่อย ๆ แต่สุดท้ายแล้วไม่เกิดการบริโภคหรือใช้บริการซ้ำธุรกิจเราก็คงถึงทางตันและไปไม่รอด ดังนั้น ก่อนเริ่มเราจะต้องคำนึงว่าผู้ใช้จะยอมเสียเงิน ยอมใช้บริการของเราต่อไปเรื่อย ๆ ได้หรือไม่
ลองสังเกตว่าทำไมธุรกิจที่ผู้บริโภค มี loyalty สูง ถึงเป็นธุรกิจที่มีมูลค่ามาก เพราะว่าจำ transaction ที่เกิดขึ้นเรื่อย ๆ มัน repeatable นั่นเอง ยกตัวอย่างเช่น Apple ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ทุกปีแต่ก็ยังมีคนทั่วโลกให้ความสนใจและพร้อมสนับสนุนเทคโนโลยีใหม่ ๆ หน้าที่ของเจ้าของธุรกิจก็จะต้องทำให้มั่นใจว่า การวางแผนโมเดลธุรกิจจะต้องเกิดการบริโภคซ้ำด้วย
ยกตัวอย่าง บริษัทที่นำโมเดล repeatable มาปรับใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าง IKEA ซึ่งมีการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายและละเอียดมากยิ่งขึ้น และยังเพิ่มการบริการต่าง ๆ (Service) ที่จำเป็นต่อผู้บริโภคเพื่อเพิ่มความพึงพอใจและนำมาสู่การบริโภคซ้ำในอนาคต
การจะเริ่มต้น Startup แล้วจะประสบความสำเร็จเลยมันไม่ง่าย ต้องอาศัยทั้งเวลาและประสบการณ์ แต่ถ้านำหลักการ Scalable และการ Repeatable มาเป็นแนวทางในการวางแผนธุรกิจในระยะยาว ธุรกิจของคุณก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน
อ้างอิง: