Shopping Cart: การอัปเดตรายการสินค้าแบบเรียลไทม์และฟีเจอร์ตะกร้าสินค้าที่คงอยู่

Shopping Cart หรือ ตะกร้าสินค้าออนไลน์ เป็นหนึ่งในฟีเจอร์สำคัญที่สุดของ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ และ แอปพลิเคชันช้อปปิ้ง เพราะช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเพิ่มสินค้าเก็บไว้ก่อนตัดสินใจซื้อจริง และยังคงสถานะสินค้าเหล่านั้นเอาไว้แม้ว่าจะออกจากเว็บไซต์หรือแอปไปแล้ว
สองฟีเจอร์หลักที่สำคัญ ได้แก่
-
Real-Time Updates (การอัปเดตรายการสินค้าแบบเรียลไทม์)
-
Persistent Cart (ตะกร้าสินค้าที่คงอยู่แม้จะออกจากระบบ)
บทความนี้จะอธิบายความสำคัญของ Shopping Cart พร้อมตัวอย่างจากแพลตฟอร์มชื่อดัง เพื่อช่วยให้เข้าใจว่าการจัดการตะกร้าสินค้าที่ดีช่วยเพิ่มยอดขายและประสบการณ์ของผู้ใช้อย่างไร
Shopping Cart คืออะไร?
Shopping Cart คือ ฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานเก็บสินค้าไว้ชั่วคราวระหว่างการเลือกซื้อ ก่อนจะตัดสินใจชำระเงินในขั้นตอนสุดท้าย
ตัวอย่างการใช้งานจริง:
-
เพิ่มรองเท้าหนึ่งคู่ลงในตะกร้าบน Shopee และไปเลือกสินค้าอื่นต่อ
-
เลือกหนังสือสองเล่มไว้ในตะกร้าของ Lazada ก่อนตัดสินใจจ่ายเงิน
-
เก็บไอเทมใน Amazon ไว้ในตะกร้า และระบบยังคงจำไว้แม้ว่าจะออกจากเว็บไซต์ไปหลายวัน
1. Real-Time Updates คืออะไร?
Real-Time Updates คือ การอัปเดตรายการสินค้าในตะกร้าแบบทันที โดยไม่ต้องโหลดหน้าเว็บใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ
-
เพิ่มสินค้า
-
ลบสินค้า
-
เปลี่ยนจำนวนสินค้า
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ใช้ Real-Time Updates:
-
Shopee & Lazada – เมื่อเพิ่มหรือลบสินค้า จำนวนเงินในตะกร้าจะเปลี่ยนทันที
-
Amazon – เปลี่ยนจำนวนชิ้นในตะกร้า ราคาทั้งหมดจะอัปเดตทันที
-
Apple Store Online – เมื่อเลือกอุปกรณ์เสริมเพิ่มเติม เช่น เคส iPhone ตะกร้าจะอัปเดตราคาโดยไม่ต้องรีเฟรชหน้า
ทำไม Real-Time Updates สำคัญ?
-
ทำให้การซื้อขายรวดเร็วและราบรื่น
-
ลดความสับสนของผู้ใช้
-
ช่วยลดโอกาสที่ผู้ใช้ออกจากระบบกลางคัน (Cart Abandonment)
2. Persistent Cart คืออะไร?
Persistent Cart คือ การทำให้ข้อมูลในตะกร้ายังคงอยู่ แม้ว่าผู้ใช้ออกจากเว็บไซต์ หรือแอปไปแล้ว
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ใช้ Persistent Cart:
-
Shopee – เก็บรายการสินค้าที่เลือกไว้ในตะกร้าแม้จะล็อกเอาต์หรือปิดแอป
-
Lazada – แม้จะเปิดแอปใหม่ในวันถัดไป ตะกร้าก็ยังแสดงสินค้าเดิม
ทำไม Persistent Cart สำคัญ?
-
ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ต้องเลือกสินค้าใหม่ทุกครั้งที่กลับมา
-
เพิ่มโอกาสที่ผู้ใช้จะกลับมาตัดสินใจซื้อในภายหลัง
-
ช่วยลดความหงุดหงิดจากการต้องเริ่มเลือกสินค้าใหม่ทั้งหมด
ตัวอย่างการทำงานของ Real-Time Updates และ Persistent Cart
ประโยชน์ของ Shopping Cart ที่ออกแบบดี
1. เพิ่มโอกาสในการปิดการขาย (Conversion Rate)
-
หากตะกร้าเก็บข้อมูลไว้อย่างถูกต้อง ผู้ใช้มีแนวโน้มตัดสินใจซื้อสูงขึ้น
2. ลดปัญหา Cart Abandonment (การทิ้งตะกร้า)
-
ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่าต้องเริ่มใหม่ทุกครั้งที่กลับเข้ามา
3. เพิ่มประสบการณ์ใช้งานที่ดี (User Experience)
-
การอัปเดตตะกร้าแบบ Real-Time และตะกร้าที่คงอยู่ ทำให้การช้อปปิ้งราบรื่นมากขึ้น
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Shopping Cart
1. ทำไมตะกร้าบางเว็บถึงหายหลังปิดเบราว์เซอร์?
คำตอบ:
-
เว็บเหล่านั้นอาจไม่ได้ตั้งค่า Persistent Cart หรือเก็บตะกร้าสินค้าไว้แค่ใน Session เท่านั้น
2. Real-Time Updates จำเป็นสำหรับทุกเว็บหรือไม่?
คำตอบ:
-
สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซขนาดกลางถึงใหญ่ ถือว่าสำคัญมาก เพื่อให้ผู้ใช้รู้สึกว่าการช้อปปิ้ง “ลื่นไหล” และทันสมัย
3. Persistent Cart เก็บข้อมูลไว้นานเท่าไหร่?
คำตอบ:
-
ขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละแพลตฟอร์ม บางที่เก็บไว้หลายสัปดาห์ หรือจนกว่าผู้ใช้จะลบสินค้าออกเอง
สรุป
Shopping Cart ที่ดีควรมีทั้ง Real-Time Updates เพื่อการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็ว และ Persistent Cart เพื่อเก็บรายการสินค้าให้คงอยู่แม้ผู้ใช้ออกจากระบบ ตัวอย่างจาก Shopee, Lazada, Amazon และ Apple Store Online แสดงให้เห็นว่าการจัดการตะกร้าสินค้าอย่างถูกต้องช่วยเพิ่มยอดขายและทำให้ประสบการณ์การช้อปปิ้งดียิ่งขึ้น


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








