Product Categories: การจัดหมวดหมู่สินค้าเพื่อการค้นหาที่ง่ายและสะดวกขึ้น

Product Categories หรือ การจัดหมวดหมู่สินค้า เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ค้นหาและเลือกซื้อสินค้าหรือบริการได้ง่ายขึ้น โดยการจัดเรียงสินค้าออกเป็นกลุ่มตามลักษณะหรือประเภทของสินค้า
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ใช้ Product Categories
• Shopee & Lazada – มีหมวดหมู่สินค้าหลัก เช่น แฟชั่น, เครื่องใช้ไฟฟ้า, สุขภาพและความงาม
• Amazon & eBay – แบ่งสินค้าออกเป็นหมวดหมู่ย่อย เช่น โทรศัพท์มือถือ > อุปกรณ์เสริม > เคสโทรศัพท์
• Netflix & Spotify – ใช้หมวดหมู่เพื่อจัดกลุ่มคอนเทนต์ เช่น ภาพยนตร์แอ็กชัน, เพลย์ลิสต์เพลงป๊อป
ในบทความนี้ เราจะอธิบายความสำคัญของ Product Categories พร้อมตัวอย่างจากแพลตฟอร์มชื่อดัง เพื่อให้เข้าใจว่าการจัดหมวดหมู่สินค้ามีผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้อย่างไร
Product Categories คืออะไร?
Product Categories คือ การจัดเรียงสินค้าออกเป็นหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้องกัน เพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหาสินค้าได้เร็วขึ้น หมวดหมู่อาจแบ่งตามลักษณะของสินค้า เช่น ประเภทสินค้า, แบรนด์, ราคา, หรือการใช้งาน
ตัวอย่างการใช้งานจริง:
Shopee & Lazada: มีหมวดหมู่ “มือถือ & แท็บเล็ต” และหมวดย่อย “iPhone”, “Samsung”, “เคสโทรศัพท์”
Netflix & Disney+: ใช้หมวดหมู่เพื่อแนะนำหนัง เช่น “แอ็กชัน”, “โรแมนติก”, “สารคดี”
Spotify & Apple Music: ใช้หมวดหมู่เพลง เช่น “เพลงฮิต 2024”, “เพลงออกกำลังกาย”, “เพลงชิว ๆ”
ประเภทของการจัดหมวดหมู่สินค้า
1. Hierarchical Categories (หมวดหมู่แบบลำดับชั้น)
การจัดหมวดหมู่แบบ หมวดหลัก > หมวดย่อย
ตัวอย่าง:
Shopee & Lazada
• หมวดหลัก: เครื่องใช้ไฟฟ้า
• หมวดย่อย: โทรศัพท์มือถือ, แล็ปท็อป, เครื่องเสียง, กล้องถ่ายรูป
Amazon & eBay
• หมวดหลัก: เสื้อผ้า & เครื่องแต่งกาย
• หมวดย่อย: เสื้อยืด, กางเกงยีนส์, รองเท้าผ้าใบ
2. Tag-Based Categories (หมวดหมู่ตามแท็กหรือคีย์เวิร์ด)
ใช้แท็ก (Tags) เพื่อจัดกลุ่มสินค้าตามคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
ตัวอย่าง:
Netflix & Disney+
• ใช้แท็ก “หนังแนวผจญภัย”, “หนังที่ได้รับรางวัล”, “หนังสำหรับครอบครัว”
Spotify & YouTube Music
• เพลย์ลิสต์แท็ก “เพลงฮิต 2024”, “เพลงฝนตก”, “เพลงอินดี้”
3. Seasonal & Trending Categories (หมวดหมู่ตามเทศกาลและแนวโน้มตลาด)
หมวดหมู่ที่เปลี่ยนแปลงตามช่วงเวลา เทรนด์ หรือเทศกาล
ตัวอย่าง:
Shopee & Lazada
• หมวดหมู่ “สินค้าโปรโมชัน 11.11”, “ของขวัญปีใหม่”, “Back to School”
Netflix & Disney+
• หมวดหมู่ “หนังฮาโลวีน”, “หนังคริสต์มาส”, “ซีรีส์ที่คนดูมากที่สุดตอนนี้”
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่ใช้ Product Categories
1. Shopee & Lazada – แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์
หมวดหมู่หลัก:
-
- มือถือ & อุปกรณ์เสริม
- เสื้อผ้าแฟชั่น
- ของใช้ในบ้าน
หมวดย่อย:
-
- เสื้อยืด, กางเกงยีนส์, กระเป๋าแฟชั่น
ทำไมสำคัญ?
• ช่วยให้ผู้ซื้อหา หมวดหมู่ที่ต้องการได้เร็วขึ้น
• แนะนำสินค้าเพิ่มเติมในหมวดหมู่ที่เกี่ยวข้อง
2. Netflix & Disney+ – แพลตฟอร์มสตรีมมิง
หมวดหมู่หลัก:
-
- หนังแอ็กชัน, หนังตลก, หนังรักโรแมนติก
ซีรีส์เกาหลี, ซีรีส์อเมริกัน
- หนังแอ็กชัน, หนังตลก, หนังรักโรแมนติก
หมวดย่อย:
-
- หนังที่ได้รับรางวัล, หนังสำหรับครอบครัว
ทำไมสำคัญ?
• แนะนำคอนเทนต์ที่ตรงกับรสนิยมของผู้ใช้
• เพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้ ค้นพบเนื้อหาใหม่ ๆ
3. Spotify & Apple Music – แพลตฟอร์มเพลง
หมวดหมู่หลัก:
-
- เพลงป๊อป, เพลงร็อค, เพลงฮิปฮอป
เพลงคลาสสิค
- เพลงป๊อป, เพลงร็อค, เพลงฮิปฮอป
หมวดย่อย:
-
- เพลงออกกำลังกาย, เพลงทำงาน, เพลงดนตรีบรรเลง
ทำไมสำคัญ?
ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาเพลงตามอารมณ์หรือกิจกรรม
ข้อดีของการมี Product Categories ที่ดี
-
ช่วยให้การค้นหาสินค้าง่ายขึ้น
• ลดเวลาค้นหา ผู้ใช้สามารถเข้าถึงสินค้าได้โดยตรง -
เพิ่มโอกาสในการขาย
• ระบบสามารถแนะนำสินค้าในหมวดหมู่เดียวกันเพื่อเพิ่มยอดขาย -
ปรับแต่งประสบการณ์ให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละกลุ่ม
• ผู้ใช้ที่สนใจสินค้าในหมวดหนึ่ง มักจะสนใจสินค้าที่เกี่ยวข้อง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Product Categories
1. ทำไมบางแพลตฟอร์มถึงมีหมวดหมู่เยอะมาก?
คำตอบ:
เพราะต้องการให้ผู้ใช้ค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น และช่วยให้แพลตฟอร์มแนะนำสินค้าได้แม่นยำ
2. สามารถจัดหมวดหมู่ตามพฤติกรรมผู้ใช้ได้หรือไม่?
คำตอบ:
ได้! หลายแพลตฟอร์มใช้ AI แนะนำหมวดหมู่ที่ตรงกับพฤติกรรม เช่น Netflix & Spotify
3. หมวดหมู่ควรมีจำนวนเท่าไหร่ถึงจะเหมาะสม?
คำตอบ:
ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า ถ้าหมวดหมู่มากเกินไป อาจทำให้ผู้ใช้สับสน ควรจัดให้ง่ายต่อการนำทาง
สรุป
Product Categories เป็นฟีเจอร์สำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาสินค้าและบริการได้ง่ายขึ้น โดยแบ่งหมวดหมู่ตามประเภทสินค้า, แท็ก, เทรนด์ หรือเทศกาล ตัวอย่างจาก Shopee, Lazada, Netflix, Spotify และ Apple Music แสดงให้เห็นว่าการจัดหมวดหมู่ที่ดีช่วยให้ผู้ใช้เข้าถึงสินค้าได้รวดเร็วขึ้น และทำให้แพลตฟอร์มสามารถแนะนำสินค้าที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








