Order Tracking: การติดตามคำสั่งซื้อ ตั้งแต่กำลังดำเนินการจนถึงจัดส่งถึงมือ

Order Tracking หรือ ระบบติดตามคำสั่งซื้อ เป็นฟีเจอร์สำคัญใน แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ และ บริการขนส่งสินค้า ที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถ ติดตามสถานะคำสั่งซื้อของตนเองได้แบบเรียลไทม์ ตั้งแต่ขั้นตอนที่ร้านค้ากำลังเตรียมสินค้าไปจนถึงการส่งมอบถึงปลายทาง
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่มีระบบ Order Tracking ดีเยี่ยม:
-
Shopee & Lazada – อัปเดตสถานะคำสั่งซื้อครบทุกขั้นตอน พร้อมหมายเลขติดตามพัสดุ
-
Amazon – ระบบติดตามสถานะพัสดุแบบละเอียด พร้อมแผนที่แสดงตำแหน่งการจัดส่ง
-
GrabExpress & LINE MAN – ติดตามตำแหน่งคนขับแบบเรียลไทม์
ในบทความนี้ เราจะอธิบายความสำคัญของ Order Tracking พร้อมตัวอย่างจากแพลตฟอร์มชื่อดัง เพื่อทำให้เข้าใจว่าระบบนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจและประสบการณ์ที่ดีให้กับผู้ใช้อย่างไร
Order Tracking คืออะไร?
Order Tracking คือ ระบบที่แสดงสถานะการดำเนินการของคำสั่งซื้อสินค้า ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงส่งมอบสินค้าให้ลูกค้า เช่น
-
สถานะ: กำลังเตรียมสินค้า (Processing)
-
สถานะ: กำลังส่งออก (Shipped)
-
สถานะ: อยู่ระหว่างการจัดส่ง (Out for delivery)
-
สถานะ: ส่งสำเร็จ (Delivered)
ตัวอย่างการทำงานจริง:
-
สั่งซื้อมือถือจาก Shopee → ระบบแจ้งว่า “ร้านค้ากำลังแพ็กสินค้า” → “สินค้าถูกส่งออกแล้ว” → “กำลังนำส่ง” → “จัดส่งสำเร็จ”
ขั้นตอนพื้นฐานของ Order Tracking
1. Order Confirmed (ยืนยันคำสั่งซื้อแล้ว)
-
ระบบยืนยันว่าคำสั่งซื้อได้รับแล้ว และกำลังเตรียมสินค้า
ตัวอย่าง: Lazada ส่งอีเมลยืนยันออร์เดอร์พร้อมเลขอ้างอิง
2. Processing (กำลังดำเนินการ/แพ็กสินค้า)
-
ร้านค้ากำลังเตรียมสินค้าสำหรับการจัดส่ง
ตัวอย่าง: Shopee แสดงว่า “ร้านค้ากำลังจัดเตรียมสินค้า” ในหน้ารายการสั่งซื้อ
3. Shipped (ส่งสินค้าออกจากคลังแล้ว)
-
สินค้าถูกส่งต่อให้บริษัทขนส่งเรียบร้อยแล้ว
ตัวอย่าง: Amazon ส่งอีเมลแจ้งเตือนพร้อมหมายเลขติดตาม (Tracking Number)
4. Out for Delivery (กำลังนำส่ง)
- สินค้ากำลังถูกขนส่งโดยพนักงานจัดส่ง และกำลังไปถึงลูกค้า
ตัวอย่าง: GrabExpress ให้ผู้ใช้ดูตำแหน่งของคนขับแบบเรียลไทม์ผ่านแอป
5. Delivered (ส่งมอบสำเร็จ)
-
สินค้าถูกส่งถึงปลายทางแล้ว พร้อมมีลายเซ็นหรือตัวบันทึกยืนยันการรับสินค้า
ตัวอย่าง: Shopee แสดงสถานะ “จัดส่งสำเร็จ” และขอให้ลูกค้ารีวิวสินค้า
ตัวอย่างแพลตฟอร์มที่มี Order Tracking ดีเยี่ยม
ข้อดีของการมีระบบ Order Tracking ที่ดี
-
เพิ่มความมั่นใจให้ลูกค้า
-
ลูกค้ารู้ว่าสินค้าของตนอยู่ที่ไหนและจะมาถึงเมื่อไหร่
-
ลดปริมาณคำถามหรือติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า
-
ลูกค้าสามารถตรวจสอบสถานะเองได้ ลดภาระฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์
-
ช่วยสร้างความโปร่งใสในการดำเนินงาน
-
ระบบติดตามที่แม่นยำช่วยให้ลูกค้ารู้สึกไว้วางใจในแพลตฟอร์ม
-
เพิ่มโอกาสให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ
-
ประสบการณ์ที่ดีจากการติดตามสินค้าทำให้ลูกค้าพอใจและกลับมาซื้อซ้ำในอนาคต
องค์ประกอบของระบบ Order Tracking ที่ดี
-
การแจ้งเตือนแบบ Real-Time: ส่งอีเมลหรือ Push Notification เมื่อสถานะเปลี่ยน
-
หมายเลขติดตามที่ใช้งานง่าย: สามารถคลิกดูสถานะจากผู้ให้บริการขนส่งได้ทันที
-
แผนที่ติดตาม (Live Tracking Map): ดูตำแหน่งสินค้าแบบเรียลไทม์ (เช่น GrabExpress)
-
สถานะการจัดส่งที่ชัดเจนและเข้าใจง่าย: ไม่ใช้ภาษาทางเทคนิคเกินไป
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ Order Tracking
1. ทำไมสถานะคำสั่งซื้อไม่อัปเดต?
คำตอบ:
-
อาจเกิดจากร้านค้าหรือบริษัทขนส่งยังไม่ได้อัปเดตข้อมูลในระบบ
2. หมายเลขติดตาม (Tracking Number) ใช้งานอย่างไร?
คำตอบ:
-
กรอกหมายเลขติดตามในเว็บไซต์ของบริษัทขนส่งเพื่อดูตำแหน่งพัสดุ เช่น Kerry, Flash Express
3. จะทำอย่างไรถ้าสถานะ “จัดส่งสำเร็จ” แต่ยังไม่ได้รับสินค้า?
คำตอบ:
-
ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าของแพลตฟอร์มทันที เช่น Shopee หรือ Lazada เพื่อทำเรื่องสอบสวน
สรุป
Order Tracking เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้ลูกค้ารู้ว่าคำสั่งซื้อของตนอยู่ที่ขั้นตอนใดตั้งแต่ Processing จนถึง Delivery ตัวอย่างจาก Shopee, Lazada, Amazon, GrabExpress และ LINE MAN แสดงให้เห็นว่าการมีระบบติดตามคำสั่งซื้อที่ดีช่วยสร้างความมั่นใจ เพิ่มความพึงพอใจ และเสริมสร้างความน่าเชื่อถือให้กับแพลตฟอร์มอย่างมาก


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








