การปรับปรุงโครงสร้าง URL เพื่อการทำ SEO ที่มีประสิทธิภาพ
ในการทำ SEO ให้มีประสิทธิภาพนั้น การปรับปรุงโครงสร้าง URL เป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่ไม่ควรมองข้าม URL ที่มีโครงสร้างกระชับและชัดเจนช่วยให้ทั้งผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจเนื้อหาของหน้าเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้มีโอกาสในการจัดอันดับที่สูงขึ้นในเครื่องมือค้นหาและช่วยเพิ่มประสบการณ์ผู้ใช้ โดยเฉพาะกับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหรือร้านค้าที่มีผลิตภัณฑ์จำนวนมาก ซึ่งการปรับโครงสร้าง URL ให้เหมาะสมสามารถช่วยเพิ่มการค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้นอีกด้วย
โครงสร้าง URL ที่เหมาะสมควรเป็นอย่างไร?
URL ที่มีโครงสร้างเหมาะสมคือ URL ที่สั้น กระชับ ใช้คำสำคัญที่เกี่ยวข้อง และไม่มีอักขระพิเศษที่ไม่จำเป็น การใช้ URL ที่เข้าใจง่ายจะทำให้ผู้ใช้สามารถคาดเดาเนื้อหาภายในหน้าเว็บนั้นๆ ได้เพียงแค่มอง URL ซึ่งยังส่งผลดีต่อการแชร์ลิงก์ในช่องทางต่างๆ รวมถึงมีประโยชน์ในการทำ SEO เพราะช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาของหน้าได้ดียิ่งขึ้น
หลักการสำคัญในการปรับปรุงโครงสร้าง URL
-
ใช้คำที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของหน้าเว็บ:
ควรเลือกใช้คำหลัก (keywords) ที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บเพื่อให้เครื่องมือค้นหาสามารถเข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น เช่น หากเป็นหน้าเกี่ยวกับสินค้าสุขภาพ คำว่า "สุขภาพ" หรือ "ผลิตภัณฑ์สุขภาพ" ควรถูกนำมาใช้ใน URL -
ทำให้ URL สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย:
URL ที่สั้นและกระชับจะดูเป็นระเบียบและง่ายต่อการอ่าน เช่น แทนที่จะใช้ URL ยาวๆ ที่ประกอบด้วยพารามิเตอร์ต่างๆ ควรใช้คำหลักที่สื่อถึงเนื้อหาของหน้าเว็บโดยตรง -
ใช้ขีดกลางเพื่อคั่นคำ:
Google แนะนำให้ใช้ขีดกลาง (-) แทนขีดล่าง (_) ในการคั่นคำใน URL เนื่องจาก Google จะอ่านขีดกลางเป็นการแบ่งคำ ทำให้ URL ดูเรียบง่ายและสื่อถึงเนื้อหาได้อย่างชัดเจน -
หลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษรพิเศษและตัวเลขที่ไม่จำเป็น:
การใช้ตัวอักษรพิเศษ เช่น ?, &, %, หรือการใส่ตัวเลขที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา จะทำให้ URL ดูยุ่งยากและซับซ้อน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ตัวอักษรพิเศษที่ไม่จำเป็น -
ทำให้ URL สอดคล้องกับโครงสร้างเว็บไซต์:
ควรจัดโครงสร้าง URL ให้สอดคล้องกับโครงสร้างเนื้อหาในเว็บไซต์ โดยใช้หมวดหมู่หรือประเภทของเนื้อหาในการแบ่งระดับ URL เช่น “/สินค้า/สุขภาพ/อาหารเสริม” เพื่อให้ผู้ใช้สามารถเข้าใจการจัดลำดับเนื้อหาในเว็บไซต์ได้ง่ายขึ้น
กรณีศึกษา: ร้านขายสินค้าสุขภาพออนไลน์ที่ปรับโครงสร้าง URL เพื่อเพิ่มการมองเห็น
ร้านค้าสุขภาพออนไลน์รายหนึ่งได้ดำเนินการปรับโครงสร้าง URL ของเว็บไซต์เพื่อตอบโจทย์การค้นหาของลูกค้า จากเดิมที่ใช้ URL ที่ยาวและซับซ้อน ซึ่งมีตัวเลขและพารามิเตอร์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหา ร้านค้าได้ทำการปรับโครงสร้าง URL ใหม่ให้สั้นลงและใช้คำที่สื่อถึงเนื้อหาโดยตรง เช่น จากเดิมที่มี URL เช่น www.example.com/product?id=12345&category=health ได้เปลี่ยนเป็น www.example.com/สุขภาพ/วิตามินซี ซึ่งเข้าใจง่ายและสื่อถึงเนื้อหาภายในหน้าเพจได้ชัดเจน
ผลจากการปรับปรุงนี้ทำให้ร้านค้ามีการมองเห็นในผลการค้นหาสูงขึ้น ลูกค้าสามารถค้นหาผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น ส่งผลให้ยอดเข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น และท้ายที่สุด ยอดขายของร้านก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เทคนิคในการปรับโครงสร้าง URL ให้เหมาะสมกับ SEO
-
การใช้คีย์เวิร์ดใน URL อย่างเหมาะสม:
เลือกใช้คีย์เวิร์ดที่สอดคล้องกับเนื้อหาในหน้าเว็บเพื่อให้ URL มีประสิทธิภาพในการทำ SEO ควรใส่คีย์เวิร์ดไว้ในส่วนของ URL ที่สำคัญ เช่นในชื่อเพจหรือชื่อหมวดหมู่ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานและเครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาภายในได้ง่ายขึ้น -
ลดการใช้คำที่ไม่จำเป็น:
URL ที่ยาวหรือประกอบด้วยคำที่ไม่จำเป็นอาจทำให้ URL ดูยุ่งยากและทำให้ผู้ใช้ไม่สามารถคาดเดาเนื้อหาของหน้าเว็บได้ง่าย ควรใช้คำที่สำคัญและมีความหมายเท่านั้น -
ใช้โครงสร้าง URL แบบมีหมวดหมู่:
สำหรับเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาหรือผลิตภัณฑ์หลากหลาย ควรจัดหมวดหมู่ URL อย่างเป็นระบบ เช่น /สินค้า/สุขภาพ/อาหารเสริม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ และเป็นประโยชน์ต่อการนำทางในเว็บไซต์ -
ใช้ URL แบบคงที่ (Static URL):
Static URL หรือ URL แบบคงที่ คือ URL ที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อมีการโหลดหน้าเว็บหรือเปลี่ยนพารามิเตอร์ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ Dynamic URL ที่มีเครื่องหมายพิเศษ เช่น ? หรือ = ซึ่งอาจทำให้ URL ซับซ้อนและทำให้ Google เข้าใจเนื้อหาได้ยาก -
ทดสอบและตรวจสอบ URL ด้วยเครื่องมือ SEO:
การใช้เครื่องมือ SEO เช่น Google Search Console เพื่อทดสอบและตรวจสอบว่า URL ที่ปรับปรุงนั้นมีประสิทธิภาพหรือไม่ เช่น ตรวจสอบว่า URL สามารถทำงานได้และไม่มีการเปลี่ยนแปลงหลังจากการคลิก
ประโยชน์ของโครงสร้าง URL ที่เหมาะสมต่อ SEO และการใช้งาน
-
ช่วยเพิ่มการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา:
URL ที่มีโครงสร้างที่ดีช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา โดยเฉพาะอย่างยิ่ง URL ที่มีคีย์เวิร์ดสำคัญและสื่อถึงเนื้อหาของหน้าเพจโดยตรง -
สร้างประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น:
URL ที่กระชับและเข้าใจง่ายช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำทางและคาดเดาเนื้อหาได้จาก URL ซึ่งทำให้ผู้ใช้รู้สึกสะดวกและประทับใจเมื่อเข้าชมเว็บไซต์ -
เพิ่มโอกาสในการแชร์ URL บนโซเชียลมีเดีย:
URL ที่สั้นและชัดเจนมีโอกาสถูกแชร์ในช่องทางโซเชียลมีเดียได้ง่ายขึ้น เนื่องจากทำให้ผู้ใช้มั่นใจว่า URL นั้นเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่ตนเองสนใจ -
ลดอัตราการเด้งออกจากหน้าเว็บ (Bounce Rate):
การมี URL ที่เข้าใจง่ายช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกมั่นใจในการเข้าชมหน้าเว็บมากขึ้น ลดโอกาสในการเด้งออกจากหน้าเว็บเนื่องจากสับสนหรือไม่เข้าใจเนื้อหาของหน้าเพจ
ข้อสรุป:
การปรับโครงสร้าง URL ที่เหมาะสมเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำ SEO URL ที่กระชับและสื่อถึงเนื้อหาได้ชัดเจนไม่เพียงแต่ช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจโครงสร้างของเว็บไซต์ได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้อย่างง่ายดาย ด้วยการเลือกใช้คำสำคัญใน URL, ลดการใช้ตัวอักษรพิเศษที่ไม่จำเป็น, และจัดโครงสร้าง URL อย่างเป็นระบบ ธุรกิจสามารถเพิ่มโอกาสในการจัดอันดับในผลการค้นหาและสร้างประสบการณ์ผู้ใช้ที่ดี