hand lt
hand lt
hand lt
22Nov, 2024
Language blog :
Thai
Share blog : 
22 November, 2024
Thai

ตรวจสอบความปลอดภัยด้วย SSL Certificate เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

By

2 mins read
ตรวจสอบความปลอดภัยด้วย SSL Certificate เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์

ในปัจจุบัน ความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ไม่อาจมองข้ามได้ โดยเฉพาะในเว็บไซต์ที่มีการเก็บข้อมูลส่วนตัวหรือข้อมูลการทำธุรกรรม เช่น ธุรกิจออนไลน์ บริการทางการเงิน หรือแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่มีความอ่อนไหว การใช้ SSL Certificate เป็นวิธีหนึ่งในการป้องกันข้อมูลเหล่านี้ โดย SSL (Secure Sockets Layer) ช่วยเข้ารหัสข้อมูลระหว่างผู้ใช้งานและเซิร์ฟเวอร์ ช่วยให้การสื่อสารปลอดภัย นอกจากนี้ การมี SSL Certificate ยังส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์ใน Google อีกด้วย

บทความนี้จะอธิบายว่า SSL Certificate คืออะไร ทำไมจึงมีความสำคัญต่อ SEO และเว็บไซต์ รวมถึงวิธีการตรวจสอบและปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีความปลอดภัยด้วย SSL Certificate เพื่อช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไม่เพียงปลอดภัย แต่ยังได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหา

SSL Certificate คืออะไร?

SSL (Secure Sockets Layer) Certificate เป็นโปรโตคอลที่ใช้ในการเข้ารหัสข้อมูลระหว่างเบราว์เซอร์ของผู้ใช้และเซิร์ฟเวอร์ของเว็บไซต์ SSL Certificate ช่วยปกป้องข้อมูลที่ส่งระหว่างผู้ใช้งานกับเว็บไซต์ไม่ให้ถูกดักจับหรือแทรกแซงโดยบุคคลที่สาม โดยเว็บไซต์ที่มี SSL Certificate จะขึ้นต้นด้วย https:// แทนที่จะเป็น http:// โดยตัว "s" ที่เพิ่มเข้ามาแสดงถึง "secure" หรือความปลอดภัย

ทำไม SSL Certificate จึงสำคัญ?

การใช้ SSL Certificate มีความสำคัญอย่างมากสำหรับเว็บไซต์ในหลาย ๆ ด้าน ทั้งในแง่ของการปกป้องข้อมูลผู้ใช้ ความน่าเชื่อถือ และ SEO

  1. เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล: การเข้ารหัสข้อมูลด้วย SSL ช่วยป้องกันข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลสำคัญที่ผู้ใช้กรอก เช่น รหัสผ่าน ข้อมูลบัตรเครดิต หรือข้อมูลที่อ่อนไหว ไม่ให้ถูกดักจับระหว่างทาง

  2. เพิ่มความน่าเชื่อถือ: ผู้ใช้มักจะเชื่อถือเว็บไซต์ที่มี SSL Certificate มากกว่า โดยเฉพาะในเว็บไซต์ที่ต้องมีการกรอกข้อมูลส่วนตัว หรือทำธุรกรรมทางการเงิน

  3. ช่วยเพิ่มอันดับ SEO: Google ประกาศชัดเจนว่าเว็บไซต์ที่มี SSL Certificate จะได้รับการจัดอันดับที่ดีกว่าเว็บไซต์ที่ไม่มี SSL Certificate นั่นหมายความว่าการติดตั้ง SSL ไม่เพียงช่วยเพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหาด้วย

กรณีศึกษา: เว็บไซต์ด้านการเงินที่ปรับใช้ SSL Certificate เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

บริษัทด้านการเงินแห่งหนึ่งได้ตัดสินใจติดตั้ง SSL Certificate เพื่อเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน เช่น ข้อมูลการเงิน ข้อมูลส่วนตัว และรหัสผ่านของลูกค้า หลังจากที่มีการติดตั้ง SSL Certificate ผลที่ได้คือความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์เพิ่มขึ้น และผู้ใช้รู้สึกมั่นใจในการทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์มากขึ้น นอกจากนี้ การจัดอันดับเว็บไซต์ใน Google ก็ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจาก Google ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในการใช้งานของผู้ใช้

วิธีการตรวจสอบและติดตั้ง SSL Certificate บนเว็บไซต์

การตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณมี SSL Certificate หรือไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ หากเว็บไซต์ของคุณยังไม่มี SSL Certificate ก็สามารถติดตั้งได้หลากหลายวิธี ซึ่งสามารถเลือกวิธีที่เหมาะสมกับเว็บไซต์และงบประมาณ

1. วิธีตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของคุณมี SSL Certificate หรือไม่

การตรวจสอบว่าเว็บไซต์มี SSL Certificate หรือไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ โดยการสังเกตจาก URL ของเว็บไซต์และสัญลักษณ์ที่แสดงบนเบราว์เซอร์

  • สังเกตที่ URL: หากเว็บไซต์ของคุณมี SSL Certificate จะขึ้นต้นด้วย https:// แทนที่จะเป็น http://

  • สัญลักษณ์รูปแม่กุญแจ: ในเบราว์เซอร์จะมีสัญลักษณ์รูปแม่กุญแจที่อยู่ด้านหน้าของ URL แสดงให้เห็นว่าเว็บไซต์นั้นมีการเข้ารหัสข้อมูล

  • ใช้เครื่องมือออนไลน์ในการตรวจสอบ: มีเครื่องมือฟรีหลายตัวที่ช่วยตรวจสอบ SSL Certificate เช่น SSL Checker หรือ Qualys SSL Labs เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของ SSL Certificate

2. การติดตั้ง SSL Certificate บนเว็บไซต์

การติดตั้ง SSL Certificate สามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณของคุณ

  • ใช้ SSL Certificate ฟรีจาก Let’s Encrypt: Let’s Encrypt เป็นผู้ให้บริการ SSL ฟรีที่ได้รับการยอมรับจาก Google และเบราว์เซอร์ต่าง ๆ วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและไม่มีค่าใช้จ่าย เหมาะสำหรับเว็บไซต์ขนาดเล็กหรือเว็บไซต์ที่ไม่ได้เก็บข้อมูลสำคัญ

  • ใช้ SSL Certificate จากผู้ให้บริการเชิงพาณิชย์: หากคุณต้องการเพิ่มระดับความปลอดภัยหรือมีงบประมาณสูงขึ้น คุณสามารถเลือกใช้ SSL จากผู้ให้บริการเชิงพาณิชย์ เช่น DigiCert, Comodo, หรือ GlobalSign ซึ่งมีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน ตั้งแต่แบบ Domain Validation (DV), Organization Validation (OV) จนถึง Extended Validation (EV) ซึ่งเป็น SSL ที่มีระดับความปลอดภัยสูงสุด

  • ติดตั้ง SSL Certificate ผ่านผู้ให้บริการโฮสติ้ง: ผู้ให้บริการโฮสติ้งส่วนใหญ่มักมี SSL Certificate ให้เลือกใช้งาน หรือติดตั้งให้โดยไม่ต้องทำเอง ซึ่งเป็นวิธีที่สะดวกและง่ายสำหรับผู้ที่ต้องการให้เว็บไซต์มีความปลอดภัย

3. การตั้งค่า SSL Redirect ให้เป็น https://

หลังจากติดตั้ง SSL Certificate บนเว็บไซต์แล้ว ควรทำการตั้งค่า Redirect ให้ URL ของเว็บไซต์เปลี่ยนจาก http:// เป็น https:// โดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้ทุกคนเข้าถึงเว็บไซต์ในแบบที่มีการเข้ารหัสอยู่เสมอ

  • การใช้ .htaccess ในการ Redirect: หากใช้เว็บเซิร์ฟเวอร์ Apache สามารถใช้ไฟล์ .htaccess เพื่อกำหนดให้ผู้ใช้ถูกนำไปยัง https:// โดยอัตโนมัติ

  • การตั้งค่า Redirect ใน WordPress: สำหรับเว็บไซต์ที่ใช้ WordPress มีปลั๊กอินอย่าง Really Simple SSL ที่ช่วยตั้งค่า Redirect จาก http:// ไปยัง https:// โดยไม่ต้องแก้ไขโค้ดด้วยตนเอง

ประโยชน์ของการใช้ SSL Certificate ในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

การใช้ SSL Certificate ไม่เพียงช่วยเพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล แต่ยังมีประโยชน์ด้าน SEO ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา และเพิ่มความน่าเชื่อถือของเว็บไซต์อีกด้วย

  1. เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้: SSL Certificate ช่วยเข้ารหัสข้อมูลและป้องกันการถูกดักจับจากบุคคลที่สาม ทำให้ผู้ใช้รู้สึกปลอดภัยและมั่นใจในการใช้งานเว็บไซต์

  2. สร้างความน่าเชื่อถือในสายตาผู้ใช้: เว็บไซต์ที่มี SSL Certificate มักจะได้รับความน่าเชื่อถือจากผู้ใช้มากกว่า โดยเฉพาะในเว็บไซต์ที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลการเงินและการซื้อขาย

  3. เพิ่มโอกาสในการจัดอันดับใน Google: Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่มี SSL Certificate ทำให้เว็บไซต์เหล่านั้นมีโอกาสได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในการค้นหา

  4. ลดอัตราการออกจากหน้าเว็บ (Bounce Rate): เว็บไซต์ที่มี SSL Certificate ช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ใช้ ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น ลดโอกาสที่จะออกจากหน้าเว็บอย่างรวดเร็ว

แนวทางปฏิบัติที่ดีสำหรับ SSL Certificate

การใช้ SSL Certificate อย่างถูกต้องจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับเว็บไซต์ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้นควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้:

  • ต่ออายุ SSL Certificate อย่างสม่ำเสมอ: SSL Certificate มีอายุการใช้งานที่จำกัด ดังนั้นควรตรวจสอบวันหมดอายุและต่ออายุ SSL Certificate อย่างสม่ำเสมอ

  • เลือกใช้ SSL ที่เหมาะสมกับเว็บไซต์: สำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่หรือมีการเก็บข้อมูลสำคัญ อาจเลือกใช้ SSL ที่มีการรับรองในระดับสูง เช่น OV หรือ EV SSL

  • ตรวจสอบ SSL Certificate บนหน้าเว็บทั้งหมด: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าหน้าเว็บทั้งหมดของคุณมีการ Redirect ไปยัง https:// อย่างถูกต้อง

ข้อสรุป

SSL Certificate ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันข้อมูลผู้ใช้และเพิ่มความปลอดภัยให้กับเว็บไซต์ แต่ยังมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นใน Google การใช้ SSL Certificate อย่างเหมาะสม การตรวจสอบสถานะ SSL อย่างสม่ำเสมอ และการต่ออายุ SSL Certificate จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณไม่เพียงแต่ปลอดภัย แต่ยังมีประสิทธิภาพในการค้นหาอย่างสูงสุด

 

Written by
Kant Kant Sunthad
Kant Kant Sunthad

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

10
December, 2024
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
10 December, 2024
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
10
December, 2024
Preview email ด้วย Letter Opener
10 December, 2024
Preview email ด้วย Letter Opener
Letter Opener เป็น gem ของ ที่ใช้แสดงรูปแบบของอีเมลที่เราต้องการจะส่ง ก่อนที่จะส่งจริง เพื่อให้ง่ายและไวต่อการทดสอบ Let's Get started... Installation เพิ่ม Gem ใน Gemfile จากนั้นรัน `bundle install` # Gemfile group :development do gem "letter_opener" gem "letter_opener_web", "~> 1.0" end กำหนดการส่งอีเมลโดยใช้ letter_opener (กรณี Production จะใช้เป็น :smtp) # config/environments/development.rb config.action_mailer.delivery_method

By

3 mins read
Thai
10
December, 2024
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
10 December, 2024
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.