ซอฟต์แวร์บริหารเอกสาร: ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มความสะดวกในการทำงาน

ทำไมธุรกิจต้องใช้ซอฟต์แวร์บริหารเอกสาร
การจัดการเอกสารเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นเอกสารบัญชี สัญญาทางกฎหมาย หรือข้อมูลโครงการ หากยังใช้การเก็บเอกสารแบบแมนนวล หรือบันทึกไฟล์กระจัดกระจายไว้ในคอมพิวเตอร์ อาจส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น
-
การสูญหายของเอกสาร
-
การเข้าถึงข้อมูลล่าช้า
-
ความยุ่งยากในการทำงานร่วมกัน
ซอฟต์แวร์บริหารเอกสารช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บและเข้าถึงไฟล์ได้ง่ายขึ้น ลดข้อผิดพลาด ลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ซอฟต์แวร์เหล่านี้ช่วยให้สามารถ:
-
จัดเก็บเอกสารทั้งหมดในระบบคลาวด์ ป้องกันการสูญหาย
-
ค้นหาเอกสารได้ง่ายด้วยฟังก์ชันค้นหาอัจฉริยะ
-
อนุญาตให้หลายคนเข้าถึงและแก้ไขไฟล์เดียวกันได้พร้อมกัน
-
เพิ่มความปลอดภัยของข้อมูล ลดความเสี่ยงจากการใช้เอกสารกระดาษ
บทความนี้จะแนะนำซอฟต์แวร์บริหารเอกสารที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่า พร้อมกรณีศึกษาจากบริษัทก่อสร้างที่ใช้ระบบนี้เพื่อจัดการเอกสารโครงการ
กรณีศึกษา: บริษัทก่อสร้างใช้ซอฟต์แวร์จัดการเอกสารเพื่อเก็บข้อมูลโครงการ
ปัญหาของบริษัทก่อสร้าง:
บริษัทก่อสร้างขนาดกลางแห่งหนึ่งใช้เอกสารกระดาษและจัดเก็บไฟล์โครงการในคอมพิวเตอร์แยกกัน ส่งผลให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น
-
เอกสารสูญหายเมื่อไฟล์ถูกลบโดยไม่ได้ตั้งใจ
-
การค้นหาไฟล์โครงการใช้เวลานาน
-
พนักงานในไซต์งานเข้าถึงเอกสารได้ยาก
วิธีแก้ปัญหา:
บริษัทเลือกใช้ Google Workspace ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์บริหารเอกสารบนคลาวด์ที่ช่วยให้สามารถ
-
จัดเก็บเอกสารทั้งหมดใน Google Drive
-
ให้วิศวกรและผู้จัดการโครงการเข้าถึงและแก้ไขไฟล์ได้จากทุกที่
-
ใช้ Google Docs และ Google Sheets ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์
ผลลัพธ์ที่ได้:
-
ลดเวลาค้นหาเอกสารลง 50 เปอร์เซ็นต์
-
ลดปัญหาข้อมูลสูญหาย 80 เปอร์เซ็นต์
-
ประหยัดค่าใช้จ่ายด้านเอกสารและการพิมพ์ลง 30 เปอร์เซ็นต์
ประโยชน์ของซอฟต์แวร์บริหารเอกสาร
1. จัดเก็บเอกสารให้เป็นระบบ ป้องกันการสูญหาย
-
เอกสารทั้งหมดถูกจัดเก็บไว้ในระบบคลาวด์ ไม่ต้องกังวลเรื่องไฟล์หาย
-
ระบบช่วยสำรองข้อมูลอัตโนมัติ
ตัวอย่าง: บริษัทกฎหมายใช้ Zoho Docs เพื่อจัดเก็บสัญญาและเอกสารลูกค้าอย่างเป็นระเบียบ
2. ค้นหาเอกสารได้เร็วขึ้น ลดเวลาการทำงาน
-
ระบบมีฟังก์ชันค้นหาขั้นสูง ทำให้สามารถค้นหาไฟล์ที่ต้องการได้ง่าย
-
ไม่ต้องเสียเวลาหาเอกสารจากแฟ้มกระดาษหรือไฟล์ที่กระจัดกระจาย
ตัวอย่าง: บริษัทบัญชีใช้ Dropbox Business เพื่อติดตามไฟล์ทางการเงินของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
3. ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ลดข้อผิดพลาด
-
สามารถแชร์ไฟล์และแก้ไขเอกสารร่วมกันได้โดยไม่ต้องส่งอีเมลกลับไปกลับมา
-
ลดข้อผิดพลาดจากการใช้เอกสารเวอร์ชันเก่า
ตัวอย่าง: ทีมออกแบบใช้ Google Docs เพื่อให้สมาชิกสามารถแสดงความคิดเห็นและแก้ไขเอกสารพร้อมกันได้
4. เพิ่มความปลอดภัยในการจัดเก็บข้อมูล
-
สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเอกสารได้ เช่น ให้ผู้จัดการสามารถแก้ไข แต่ให้พนักงานทั่วไปดูอย่างเดียว
-
มีระบบสำรองข้อมูล ป้องกันข้อมูลสูญหาย
ตัวอย่าง: บริษัทที่ปรึกษาใช้ Zoho Docs เพื่อรักษาความลับของข้อมูลลูกค้าและตั้งค่าการเข้าถึงเอกสารให้ปลอดภัย
แนะนำซอฟต์แวร์บริหารเอกสารที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่า
1. Google Workspace (เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด ใช้งานง่าย เชื่อถือได้)
-
ราคา: เริ่มต้นที่ 6 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อผู้ใช้
-
จุดเด่น:
-
เก็บไฟล์ใน Google Drive และแชร์ให้ทีมได้ง่าย
-
ใช้ Google Docs และ Google Sheets ทำงานร่วมกันได้แบบเรียลไทม์
-
ค้นหาไฟล์ได้ง่ายด้วย AI อัจฉริยะ
เหมาะกับ: บริษัทที่ต้องการระบบจัดเก็บไฟล์แบบครบวงจรและต้องการทำงานร่วมกันแบบออนไลน์
2. Dropbox Business (เหมาะกับองค์กรที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่)
-
ราคา: เริ่มต้นที่ 12.50 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อผู้ใช้
-
จุดเด่น:
-
มีพื้นที่เก็บไฟล์ขนาดใหญ่ รองรับไฟล์ภาพและวิดีโอ
-
ระบบจัดการเอกสารและการแชร์ไฟล์ที่ปลอดภัย
-
รองรับการซิงค์ไฟล์อัตโนมัติ
เหมาะกับ: บริษัทที่ต้องการระบบสำรองข้อมูลและพื้นที่จัดเก็บไฟล์ขนาดใหญ่
3. Zoho Docs (เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการระบบจัดเก็บเอกสารที่ปลอดภัยและเป็นระบบ)
-
ราคา: ฟรีสำหรับแพ็กเกจพื้นฐาน แพ็กเกจพรีเมียมเริ่มต้นที่ 5 ดอลลาร์ต่อเดือนต่อผู้ใช้
-
จุดเด่น:
-
รองรับการจัดการเอกสารแบบครบวงจร
-
สามารถกำหนดสิทธิ์การเข้าถึงเอกสารได้
-
รองรับการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์
เหมาะกับ: ธุรกิจที่ต้องการจัดเก็บเอกสารอย่างเป็นระบบและต้องการความปลอดภัยสูง
วิธีเลือกซอฟต์แวร์บริหารเอกสารให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ
-
เลือกแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่าย
-
ถ้าทีมงานของคุณคุ้นเคยกับ Google → เลือก Google Workspace
-
ถ้าธุรกิจของคุณต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลเยอะ → เลือก Dropbox Business
-
ถ้าคุณต้องการระบบที่รองรับความปลอดภัยสูง → เลือก Zoho Docs
-
ดูฟีเจอร์ที่จำเป็น
-
ถ้าต้องการทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ → Google Workspace หรือ Zoho Docs
-
ถ้าต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลขนาดใหญ่ → Dropbox Business
-
คำนึงถึงงบประมาณ
-
Google Workspace และ Zoho Docs มีแพ็กเกจที่คุ้มค่ากับธุรกิจขนาดเล็ก
-
Dropbox Business มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าแต่เหมาะกับองค์กรที่ต้องการพื้นที่เก็บข้อมูลมาก
สรุป
ซอฟต์แวร์บริหารเอกสารช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดเก็บ ค้นหา และแชร์เอกสารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดต้นทุนและเพิ่มความสะดวกในการทำงาน ธุรกิจของคุณอาจได้รับประโยชน์จาก Google Workspace, Dropbox Business หรือ Zoho Docs ซึ่งเป็นตัวเลือกที่คุ้มค่าและช่วยให้การทำงานเป็นระบบมากขึ้น


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








