วิเคราะห์ธุรกิจคู่แข่งด้วย Competitor Analysis

Business
1 mins read
1 mins read

Published

26 October, 2020

Language

Thai

Written by

Share

วิเคราะห์ธุรกิจคู่แข่งด้วย Competitor Analysis

ธุรกิจคือสงคราม

คำพูดที่ว่า “ธุรกิจคือสงคราม” ดูจะเป็นคำพูดที่ยากที่จะปฏิเสธ เนื่องด้วยสินค้าหรือบริการในแต่ละประเภทไม่ได้ถูกผูกขาดทางการค้า แต่ยังคงมีบริษัท ห้างร้านอื่น ๆ มากหน้าหลายตาที่ขายสินค้า หรือให้บริการสิ่งเดียวกันกับธุรกิจของคุณ ดังนั้นแล้วทุกธุรกิจย่อมต้องมีการแข่งขันเพื่อที่จะอยู่รอดต่อไปในตลาดได้

การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis) ถือเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่งของการพัฒนาธุรกิจที่ผู้ประกอบการควรให้ความสนใจ และนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์ เพื่อให้เห็นถึงภาพรวมและสภาพแวดล้อมของธุรกิจ สภาวะการแข่งขัน และจำนวนคู่แข่งในการตลาด

ทว่ามีผู้ประกอบการหลาย ๆ ท่านที่มักจะละเลยการวิเคราะห์คู่แข่งก่อนที่จะทำธุรกิจ เพียงเพราะว่า พวกเขาคิดว่า “เราไม่ต้องสนใจคู่แข่งหรอก แค่ทำของเราให้ดีก็พอแล้ว” “ของของเราดีกว่าของเจ้าอื่นอยู่แล้ว จะไปสนใจทำไม” “ไว้มีเวลาว่างค่อยมาวิเคราะห์ก็แล้วกัน” ทว่าการคิดแบบนี้อาจจะทำให้เจ้าของกิจการเหล่านั้นพลาดข้อมูลที่สำคัญไป

ในความเป็นจริง การวิเคราะห์คู่แข่งขัน ไม่ใช่แค่การเอาชนะ หรือ การแย่งลูกค้ามาจากเจ้าอื่น แต่ในอีกมุมหนึ่ง การวิเคราะห์คู่แข่งขันจะทำให้เราสามารถรู้ถึงจุดแข็งและจุดอ่อนของธุรกิจ กล่าวคือได้เห็นข้อผิดพลาดของคู่แข่ง รู้ว่าเขาทำอะไรไม่ดี เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับธุรกิจของเรา อีกทั้งยังทำให้เราสามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและสร้างจุดขายที่แตกต่างจากเจ้าอื่น ๆ ในตลาดได้

การวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis)

การทำการวิเคราะห์คู่แข่ง (Competitor Analysis) มีรายละเอียดที่ค่อนข้างลึกและจำเป็นที่จะต้องใช้เวลาในการทำ อีกทั้งยังมีวิธีการที่แตกต่างกันไปหลายวิธี ซึ่งในที่นี้ผู้เขียนได้เลือกวิธีการทำการวิเคราะห์คู่แข่งออกมา เป็น 5 ขั้นตอน ดังนี้

1. รวบรวมรายชื่อคู่แข่งทั้งหมดในตลาด

โดยสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านการระดมสมองภายในทีม หรือแม้กระทั่งค้นหาผ่าน google ว่ามีใครบ้างที่เป็นคู่แข่งของธุรกิจของเรา ทั้งคู่แข่งหลัก คู่แข่งรอง รวมไปถึงคู่แข่งที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตได้

2. แยกประเภทคู่แข่งขัน

โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งคู่แข่งขันออกเป็น 2 ประเภท

2.1 คู่แข่งขันทางตรง (Direct Competitor)

วิธีการดูว่าใครเป็นคู่แข่งขันทางตรงง่าย ๆ ก็คือการดูว่า สินค้าและบริการที่เขาผลิตออกมานั้น ทับซ้อนกับของเราหรือไม่ และมีราคาใกล้เคียงกันหรือไม่ หรือพูดอีกนัยนึงว่าอยู่ในตำแหน่งและตลาดเดียวกัน

2.2 คู่แข่งขันทางอ้อม (Indirect Competitor)

คือคู่แข่งขันที่ขายสินค้าและบริการแตกต่างจากเรา แต่จะจับกลุ่มลูกค้าใกล้เคียงกัน หรืออาจจะขายสินค้าและบริการประเภทเดียวกันหรือคล้ายกับเรา แต่ราคาและกลุ่มลูกค้าต่างจากเรา

Competitor Analysis

Reference: manychat.com

3. วิเคราะห์กลยุทธ์และความสามารถของคู่แข่ง

โดยการวิเคราะห์คู่แข่งขันจำเป็นต้องมองในหลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็น วิสัยทัศน์ เป้าหมาย คุณค่า หรือแม้กระทั่งอัตลักษณ์ของแบรนด์ (Brand Identity) เช่น โลโก้ การใช้สี การใช้ตัวอักษร เป็นต้น และนำข้อมูลเหล่านั้นมาใส่ในตารางอย่างง่าย เพื่อใช้ในการเปรียบเทียบ โดยข้อมูลที่มีควรประกอบไปด้วย

    • กลยุทธ (จุดมุ่งหมาย/วิสัยทัศน์/พันธกิจ/คุณค่า)
    • ภาพลักษณ์ (Look & Feel) เป็นอย่างไร
    • คุณค่าที่ลูกค้าจะได้รับ (Value Proposition)
    • Tagline: ข้อความ statement สั้น ๆ ที่ช่วยระบุคุณลักษณะของบริษัทหรือสินค้า
    • สินค้าและบริการ
    • ลักษณะของลูกค้า (Persona)
    • พวกเขาพูดคุยกับลูกค้าอย่างไร
    • จุดแข็ง / จุดอ่อน
    • ความเหมือน / ความต่าง
    • อุปสรรค
    • ช่องทางการตลาด
    • ช่องทางการสื่อสาร
    • ช่องทางการทำโฆษณา
    • ช่องทางการขาย
    • รายได้
    • อื่น ๆ

4. วิเคราะห์ธุรกิจของตนเอง

ดังคำกล่าวในตำราพิชัยสงคราวของซุนวูที่กล่าวว่า “รู้เขา รู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง” นอกเหนือจากการวิเคราะห์คู่แข่งขันแล้ว การวิเคราะห์ธุรกิจของตัวเองก็มีความสำคัญเป็นอยางยิ่ง เพื่อที่จะทำให้เราได้ทราบว่า ในแต่ละหัวข้อเรามีอะไรโดดเด่น หรือ ด้อยกว่าคู่แข่ง เพื่อที่จะทำให้เราวางกลยุทธ์และหาจุดที่เรามีศักยภาพในการแข่งขัน อีกทั้งทราบว่าจุดไหนคือโอกาสในการแข่งขัน และจุดไหนที่ไม่ควรเข้าไปแข่งขัน ทั้งนี้เครื่องมือ SWOT Analysis ก็ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งที่ช่วยทำให้เราเข้าใจธุรกิจของตนเองได้เป็นอย่างดี

SWOT

5.กำหนดจุดเด่นที่แตกต่างของตัวคุณ

จุดเด่นที่ไม่เหมือนคู่แข่ง จะต้องเป็นจุดที่มีศักยภาพในการทำตลาด โดยเราสามารถใช้เครื่องมือที่เรียกว่า Unique Value Proposition ในการวิเคราะห์ หรืออาจใช้ Positioning Chart เพื่อช่วยในการวางตำแหน่งของแบรนด์หรือธุรกิจในตลาด (Brand Positioning) โดยการวางตำแหน่งจะช่วยทำให้เราได้เห็นว่าเราควรจะทำการสื่อสารการตลาดและเน้นจุดขายของสินค้าและบริการเราอย่างไร

Unique Value Proposition

การวิเคราะห์คู่แข่ง ถือเป็นสิ่งสำคัญสิ่งหนึ่งในการทำธุรกิจ เพื่อที่จะทำให้ธุรกิจของเราอยู่รอดต่อไปในตลาดได้ อย่างไรก็ตามในการทำธุรกิจ คู่แข่งขัน มิใช่คู่แค้น เพราะฉะนั้นเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องฆ่าฟันให้เขาล้มหายตายจากไป เพราะคู่แข่งในวันนี้อาจจะเป็นคู่ค้าของเราในวันหน้าก็เป็นได้

Reference: corporatefinanceinstitute.com

 

References:

Written by
Senna Labs
Senna Labs

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
17 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
17 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
17 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy