hand lt
hand lt
hand lt
19Nov, 2024
Language blog :
Thai
Share blog : 
19 November, 2024
Thai

การเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ WordPress: เทคนิคที่ได้ผลจริง

By

2 mins read
การเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ WordPress: เทคนิคที่ได้ผลจริง

การโหลดหน้าเว็บไซต์ที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์ของผู้ใช้ เมื่อเว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ผู้ใช้ก็มีแนวโน้มที่จะอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นและกลับมาใช้งานบ่อยขึ้น การเพิ่มความเร็วให้เว็บไซต์ยังส่งผลดีต่อการจัดอันดับ SEO บน Google อีกด้วย สำหรับเว็บไซต์ WordPress มีเทคนิคและเครื่องมือหลายอย่างที่ช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น บทความนี้จะนำเสนอเทคนิคที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ได้จริง

ความสำคัญของความเร็วในการโหลดเว็บไซต์

ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคที่ผู้ใช้ต้องการการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็วและสะดวกสบาย โดยเฉพาะเว็บไซต์ข่าวที่มีการอัปเดตเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง การที่เว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นทำให้สามารถดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามาอ่านข่าวและข้อมูลได้อย่างต่อเนื่อง

กรณีศึกษา: เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นที่ปรับปรุงความเร็วในการโหลด

เว็บไซต์ข่าวท้องถิ่นแห่งหนึ่งประสบปัญหาการโหลดช้า ทำให้ผู้ใช้เบื่อหน่ายและออกจากหน้าเว็บก่อนที่จะได้อ่านข้อมูล ด้วยเหตุนี้ทีมผู้พัฒนาเว็บไซต์จึงได้ใช้เทคนิคต่าง ๆ เช่น การบีบอัดภาพ การเปิดใช้ Lazy Loading และการติดตั้งปลั๊กอินเพื่อจัดการแคช ผลที่ได้คือเว็บไซต์โหลดได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดและสามารถรองรับผู้ใช้จำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยลดอัตราการออกจากหน้า (Bounce Rate) และเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์อีกด้วย

เทคนิคที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ WordPress

เทคนิคต่อไปนี้เป็นวิธีการที่ได้ผลจริงและช่วยให้เว็บไซต์ WordPress โหลดได้เร็วขึ้น

1. การบีบอัดภาพ (Image Compression)

ภาพเป็นองค์ประกอบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเว็บไซต์และมักจะเป็นสาเหตุที่ทำให้การโหลดหน้าเว็บช้า การบีบอัดภาพช่วยลดขนาดของไฟล์ภาพโดยไม่สูญเสียคุณภาพมากนัก ซึ่งทำให้หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้น

  • ใช้ปลั๊กอินบีบอัดภาพ: ปลั๊กอินเช่น Smush หรือ ShortPixel ช่วยบีบอัดภาพอัตโนมัติเมื่ออัปโหลดเข้าสู่เว็บไซต์ WordPress ทั้งนี้ยังสามารถปรับลดขนาดภาพโดยไม่ทำให้คุณภาพเสียหาย

  • เลือกรูปแบบภาพที่เหมาะสม: รูปแบบภาพแบบ WebP มีขนาดไฟล์ที่เล็กกว่ารูปแบบอื่น ๆ เช่น JPEG และ PNG และช่วยให้หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้น

2. เปิดใช้งาน Lazy Loading

Lazy Loading เป็นเทคนิคที่ช่วยให้เว็บไซต์โหลดภาพหรือวิดีโอเฉพาะเมื่อผู้ใช้เลื่อนมาถึงตำแหน่งนั้น ๆ ซึ่งช่วยลดภาระในการโหลดข้อมูลทั้งหมดในครั้งเดียว

  • ปลั๊กอิน Lazy Load: ปลั๊กอินเช่น Lazy Load by WP Rocket หรือ a3 Lazy Load ช่วยให้ WordPress เปิดใช้งาน Lazy Loading โดยอัตโนมัติ

  • การใช้งาน Lazy Loading บนภาพและวิดีโอ: Lazy Loading เหมาะสำหรับเว็บไซต์ที่มีภาพหรือวิดีโอมากมาย เช่น บล็อกหรือเว็บไซต์ข่าว ที่ต้องการโหลดภาพเฉพาะเมื่อจำเป็น ทำให้การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น

3. ติดตั้งปลั๊กอินเพื่อจัดการแคช (Cache Plugin)

แคชเป็นการเก็บข้อมูลชั่วคราวในเบราว์เซอร์ของผู้ใช้ เมื่อผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์อีกครั้ง จะสามารถดึงข้อมูลจากแคชได้โดยไม่ต้องโหลดข้อมูลทั้งหมดใหม่ ทำให้การโหลดหน้าเว็บรวดเร็วขึ้น

  • ใช้ปลั๊กอิน Cache ที่มีประสิทธิภาพ: ปลั๊กอินยอดนิยมเช่น W3 Total Cache หรือ WP Super Cache ช่วยให้การจัดการแคชใน WordPress เป็นไปอย่างง่ายดายและมีประสิทธิภาพ

  • กำหนดค่าการแคชอย่างเหมาะสม: ควรตั้งค่าการแคชให้เหมาะสมกับประเภทของเนื้อหาที่ปรากฏบนเว็บไซต์ เช่น การแคชหน้าเว็บที่มีการเปลี่ยนแปลงน้อย หรือการแคชสำหรับผู้ใช้ทั่วไป

4. ลดจำนวนปลั๊กอินที่ใช้งาน

ปลั๊กอินที่มากเกินไปทำให้เว็บไซต์โหลดช้า เนื่องจากแต่ละปลั๊กอินจะเพิ่มโค้ดที่ต้องโหลดเข้าสู่หน้าเว็บ การลดจำนวนปลั๊กอินที่ไม่จำเป็นช่วยลดภาระในการโหลดและทำให้เว็บไซต์เร็วขึ้น

  • ลบปลั๊กอินที่ไม่จำเป็น: ตรวจสอบปลั๊กอินที่ไม่ได้ใช้งานและลบออกเพื่อลดการทำงานของ WordPress

  • ใช้ปลั๊กอินแบบ All-in-One: เลือกใช้ปลั๊กอินที่มีฟังก์ชันหลากหลาย เช่น Jetpack หรือ WP Rocket ซึ่งช่วยลดการติดตั้งปลั๊กอินแยกส่วนหลาย ๆ ตัว

5. ใช้ Content Delivery Network (CDN)

CDN เป็นเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถโหลดข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุด ทำให้การโหลดหน้าเว็บเร็วขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเว็บไซต์ที่มีผู้เข้าชมจากหลายภูมิภาค

  • ใช้บริการ CDN ที่เหมาะสม: บริการ CDN ยอดนิยม เช่น Cloudflare หรือ KeyCDN ช่วยให้ WordPress โหลดเร็วขึ้นโดยการกระจายข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ที่อยู่ใกล้กับผู้ใช้มากที่สุด

  • ตั้งค่าการใช้ CDN ให้ครอบคลุมทุกหน้า: CDN จะทำงานได้ดีเมื่อข้อมูลทุกส่วนของเว็บไซต์ถูกกระจายไปตามเซิร์ฟเวอร์ต่าง ๆ ทั้งภาพ วิดีโอ และโค้ด CSS

6. บีบอัดและทำ Minify โค้ด CSS และ JavaScript

โค้ด CSS และ JavaScript ที่ไม่ได้รับการบีบอัดทำให้หน้าเว็บโหลดช้าลง การบีบอัดและทำ Minify โค้ดเหล่านี้ช่วยลดขนาดไฟล์และทำให้โหลดได้เร็วขึ้น

  • ใช้ปลั๊กอิน Minify: ปลั๊กอินเช่น Autoptimize และ WP Rocket ช่วยบีบอัดและทำ Minify โค้ด CSS และ JavaScript ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • ลดจำนวนคำสั่งใน CSS และ JavaScript: ควรลดการเรียกใช้ CSS และ JavaScript ที่ไม่จำเป็น และรวมไฟล์เข้าด้วยกันเพื่อลดจำนวนการร้องขอไปยังเซิร์ฟเวอร์

7. เลือกโฮสติ้งที่มีประสิทธิภาพสูง

โฮสติ้งมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ โดยเฉพาะเว็บไซต์ที่มีการเข้าชมสูง ควรเลือกโฮสติ้งที่มีความเสถียรและความเร็วสูงเพื่อให้การโหลดเว็บไซต์เป็นไปอย่างราบรื่น

  • เลือกโฮสติ้งที่รองรับการใช้งาน WordPress อย่างมีประสิทธิภาพ: โฮสติ้งที่ออกแบบมาเพื่อรองรับ WordPress เช่น SiteGround หรือ Bluehost ช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วและมีการอัปเดตเป็นประจำ

  • โฮสติ้งที่มีการจัดการแคชและ CDN ในตัว: โฮสติ้งที่มีฟีเจอร์แคชและ CDN ในตัวช่วยลดความยุ่งยากในการตั้งค่าและเพิ่มความเร็วให้เว็บไซต์

การติดตามและวัดผลลัพธ์จากการเพิ่มประสิทธิภาพความเร็ว

หลังจากที่ได้ทำการปรับปรุงประสิทธิภาพเว็บไซต์แล้ว ควรติดตามผลลัพธ์เพื่อให้ทราบว่าเทคนิคที่ใช้ได้ผลดีเพียงใดและควรมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง

  • ใช้เครื่องมือ Google PageSpeed Insights: เครื่องมือนี้ช่วยให้วิเคราะห์ความเร็วและประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ทั้งในส่วนของ Mobile และ Desktop พร้อมทั้งแนะนำวิธีการปรับปรุง

  • ติดตามผลด้วย GTmetrix: GTmetrix ช่วยวิเคราะห์ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ และแสดงผลในรูปแบบที่เข้าใจง่าย ทั้งยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับการบีบอัดภาพ การจัดการแคช และการใช้ CDN

  • WebPageTest: เครื่องมือนี้ช่วยวิเคราะห์เวลาในการโหลดเว็บไซต์ตามภูมิภาคต่าง ๆ ทำให้คุณสามารถทราบว่าเว็บไซต์ทำงานอย่างไรในแต่ละภูมิภาค

ข้อสรุป

การเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ WordPress เป็นกระบวนการที่สำคัญที่ช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้ เทคนิคต่าง ๆ เช่น การบีบอัดภาพ การใช้ Lazy Loading การติดตั้งปลั๊กอินจัดการแคช การเลือกใช้ CDN และการทำ Minify โค้ด CSS และ JavaScript ล้วนเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังควรเลือกโฮสติ้งที่มีความเร็วและเสถียรภาพสูงเพื่อรองรับผู้เข้าชมจำนวนมาก การวัดผลลัพธ์จากการเพิ่มประสิทธิภาพช่วยให้ทราบว่าเทคนิคใดที่ได้ผลดีที่สุดและควรมีการปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างไรบ้าง

การใช้เทคนิคเหล่านี้ไม่เพียงช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น แต่ยังเพิ่มความพึงพอใจให้กับผู้ใช้ ลดอัตราการออกจากเว็บไซต์ และช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับในการค้นหาของ Google มากขึ้น

 

Written by
Aon Boriwat Jirabanditsakul
Aon Boriwat Jirabanditsakul

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

30
November, 2024
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
30 November, 2024
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
30
November, 2024
Preview email ด้วย Letter Opener
30 November, 2024
Preview email ด้วย Letter Opener
Letter Opener เป็น gem ของ ที่ใช้แสดงรูปแบบของอีเมลที่เราต้องการจะส่ง ก่อนที่จะส่งจริง เพื่อให้ง่ายและไวต่อการทดสอบ Let's Get started... Installation เพิ่ม Gem ใน Gemfile จากนั้นรัน `bundle install` # Gemfile group :development do gem "letter_opener" gem "letter_opener_web", "~> 1.0" end กำหนดการส่งอีเมลโดยใช้ letter_opener (กรณี Production จะใช้เป็น :smtp) # config/environments/development.rb config.action_mailer.delivery_method

By

3 mins read
Thai
30
November, 2024
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
30 November, 2024
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.