hand lt
hand lt
hand lt
14Jan, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
14 January, 2025
Thai

AI หรือ Virtual Assistant: เลือกเครื่องมือไหนให้เหมาะกับธุรกิจ?

By

2 mins read
AI หรือ Virtual Assistant: เลือกเครื่องมือไหนให้เหมาะกับธุรกิจ?

ในโลกธุรกิจที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทสำคัญ การเลือกใช้เครื่องมือที่เหมาะสม เช่น AI (Artificial Intelligence) และ Virtual Assistant สามารถสร้างความแตกต่างให้กับผลลัพธ์ทางธุรกิจได้อย่างชัดเจน แต่หลายคนอาจยังไม่แน่ใจว่าเครื่องมือใดเหมาะสมกับความต้องการขององค์กร บทความนี้จะเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของ AI และ Virtual Assistant พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงจากบริษัทประกันภัยที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า และ Virtual Assistant ช่วยตอบคำถามเกี่ยวกับกรมธรรม์

AI คืออะไร?

AI หรือปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่สามารถเรียนรู้ ประมวลผล และตัดสินใจบนพื้นฐานของข้อมูลขนาดใหญ่ AI ถูกใช้ในงานที่ซับซ้อน เช่น การวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า การคาดการณ์แนวโน้มตลาด และการจัดการข้อมูลจำนวนมาก

Virtual Assistant คืออะไร?

Virtual Assistant เป็นโปรแกรมที่ออกแบบมาเพื่อสื่อสารกับมนุษย์ สามารถให้บริการช่วยเหลือ ตอบคำถาม หรือทำงานตามคำสั่ง ตัวอย่างเช่น Chatbot หรือ Voice Assistant ที่มักใช้ในงานบริการลูกค้า

ข้อดีและข้อเสียของ AI

ข้อดีของ AI:

  1. การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึก: AI สามารถประมวลผลข้อมูลขนาดใหญ่ได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ เช่น วิเคราะห์แนวโน้มตลาดหรือพฤติกรรมลูกค้า

  2. ความสามารถในการเรียนรู้: ด้วย Machine Learning AI สามารถปรับปรุงการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

  3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานที่ซับซ้อน: เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความแม่นยำและการตัดสินใจ เช่น การจัดการโลจิสติกส์หรือการคำนวณความเสี่ยง

ข้อเสียของ AI:

  1. ค่าใช้จ่ายสูง: การพัฒนาและบำรุงรักษา AI ต้องใช้งบประมาณและทรัพยากรสูง

  2. ต้องการข้อมูลจำนวนมาก: AI ต้องพึ่งพาข้อมูลที่หลากหลายและมีคุณภาพเพื่อการเรียนรู้และประมวลผล

  3. ความซับซ้อน: การติดตั้งและบูรณาการ AI เข้ากับระบบที่มีอยู่ต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญ

ข้อดีและข้อเสียของ Virtual Assistant

ข้อดีของ Virtual Assistant:

  1. ตอบสนองทันที: Virtual Assistant ให้บริการลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ ลดเวลาการรอ

  2. ประหยัดต้นทุน: ใช้งบประมาณน้อยกว่า AI ในการพัฒนาและใช้งาน

  3. ใช้งานง่ายและเริ่มต้นได้เร็ว: ไม่ต้องมีข้อมูลจำนวนมากหรือการตั้งค่าที่ซับซ้อน

ข้อเสียของ Virtual Assistant:

  1. ความสามารถจำกัด: Virtual Assistant อาจไม่สามารถจัดการงานที่ซับซ้อนได้ เช่น การวิเคราะห์ข้อมูล

  2. ขาดความยืดหยุ่น: หากคำถามไม่ตรงกับคำสั่งที่ตั้งไว้ ระบบอาจให้คำตอบที่ไม่เหมาะสม

  3. ไม่สามารถเรียนรู้เองได้: Virtual Assistant แบบพื้นฐานไม่สามารถปรับปรุงหรือพัฒนาได้ด้วยตัวเอง

กรณีศึกษา: บริษัทประกันภัยใช้ AI และ Virtual Assistant อย่างไร?

ปัญหา:
บริษัทประกันภัยแห่งหนึ่งต้องการปรับปรุงประสิทธิภาพการให้บริการลูกค้า และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการข้อมูลลูกค้า แต่พบปัญหาในสองด้าน:

  1. การจัดการข้อมูลลูกค้าที่ซับซ้อนและใช้เวลานาน

  2. การตอบคำถามซ้ำ ๆ จากลูกค้าเกี่ยวกับกรมธรรม์

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูล:

    • บริษัทนำ AI เข้ามาเพื่อวิเคราะห์ข้อมูลประวัติการเคลม การชำระเงิน และพฤติกรรมการใช้บริการของลูกค้า

    • AI สามารถระบุความเสี่ยงและแนะนำกรมธรรม์ที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย

  • ใช้ Virtual Assistant ในการให้บริการลูกค้า:

    • Virtual Assistant ถูกตั้งโปรแกรมให้ตอบคำถามทั่วไปเกี่ยวกับกรมธรรม์ เช่น อัตราเบี้ยประกัน วิธีการยื่นเคลม หรือสถานะการชำระเงิน

    • ระบบให้บริการลูกค้าตลอด 24 ชั่วโมง ลดภาระของทีมสนับสนุน

ผลลัพธ์:

  1. เพิ่มประสิทธิภาพ: AI ช่วยลดเวลาในการประมวลผลข้อมูล และ Virtual Assistant ลดจำนวนสายโทรเข้าของทีมบริการลูกค้า

  2. ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น: ลูกค้าได้รับบริการที่รวดเร็วและแม่นยำ

  3. ลดค่าใช้จ่าย: บริษัทสามารถลดต้นทุนด้านทรัพยากรบุคคลและเวลาในการทำงาน

 

ควรเลือก AI หรือ Virtual Assistant สำหรับธุรกิจของคุณ?

  • เลือก AI หาก:

    • ธุรกิจของคุณต้องการวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อการตัดสินใจที่แม่นยำ

    • คุณมีงบประมาณและทีมงานที่พร้อมสำหรับการพัฒนาและบำรุงรักษาระบบ AI

    • คุณต้องการระบบที่สามารถเรียนรู้และปรับปรุงได้เอง

  • เลือก Virtual Assistant หาก:

    • ธุรกิจของคุณต้องการโซลูชันที่รวดเร็วและใช้งานง่าย

    • คุณเน้นงานบริการลูกค้าทั่วไป เช่น การตอบคำถามหรือช่วยเหลือเบื้องต้น

    • คุณมีข้อจำกัดด้านงบประมาณหรือข้อมูลสำหรับการพัฒนา AI

  • ใช้ร่วมกันหาก:

    • คุณต้องการระบบที่ครอบคลุม เช่น ใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลและใช้ Virtual Assistant ในการสื่อสารกับลูกค้าโดยตรง

 

สรุป: 

AI และ Virtual Assistant ต่างมีบทบาทที่สำคัญในโลกธุรกิจ และการเลือกใช้ขึ้นอยู่กับเป้าหมายและลักษณะงานขององค์กร ตัวอย่างจากบริษัทประกันภัยแสดงให้เห็นว่าการผสาน AI และ Virtual Assistant เข้าด้วยกันสามารถสร้างผลลัพธ์ที่น่าประทับใจ ทั้งในด้านการเพิ่มประสิทธิภาพและความพึงพอใจของลูกค้า

ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ AI หรือ Virtual Assistant หรือทั้งสองอย่างร่วมกัน สิ่งสำคัญคือการเข้าใจถึงความต้องการของธุรกิจและลูกค้า เพื่อให้เทคโนโลยีเหล่านี้ช่วยขับเคลื่อนธุรกิจของคุณให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล.

 

Written by
Opal Piyaporn Kijtikhun
Opal Piyaporn Kijtikhun

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

14
January, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
14 January, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
14
January, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
14 January, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
Letter Opener เป็น gem ของ ที่ใช้แสดงรูปแบบของอีเมลที่เราต้องการจะส่ง ก่อนที่จะส่งจริง เพื่อให้ง่ายและไวต่อการทดสอบ Let's Get started... Installation เพิ่ม Gem ใน Gemfile จากนั้นรัน `bundle install` # Gemfile group :development do gem "letter_opener" gem "letter_opener_web", "~> 1.0" end กำหนดการส่งอีเมลโดยใช้ letter_opener (กรณี Production จะใช้เป็น :smtp) # config/environments/development.rb config.action_mailer.delivery_method

By

3 mins read
Thai
14
January, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
14 January, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.