ปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติด SEO: ปัดฝุ่นเนื้อหา (Content)

ก่อนที่จะไปพูดถึงการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติด SEO ในส่วนของเนื้อหานั้น ขอสรุปถึงการปรับอัปเดตโครงสร้างของเว็บไซต์ในบทความก่อนหน้าสักหน่อย ซึ่งก็พอจะสรุปได้ว่าก่อนที่จะไปสู่ขั้นตอนอื่น ต้องตรวจสอบว่าเว็บไซต์ของเราอยู่ในดัชนีกูเกิล (Google Index) แล้วหรือยัง จากนั้นเจาะลึกลงไปดูโครงสร้างเว็บไซต์ที่มีว่า มีการวางแผนผังที่ชัดเจนไหม URL แต่ละหน้าชัดเจนไหม และมีการให้ความช่วยเหลือผู้เข้ามาใช้งานจากหน้า Error ที่เป็นประโยชน์อย่างไร

SEO TIPS: หลักการตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์

ซึ่งจากบทความที่แล้ว ทำให้เราแบ่งการตรวจสอบและปรับปรุงคุณภาพเว็บไซต์ ได้ 2 ส่วนคือ 

ส่วนของโครงสร้างเว็บไซต์ (Site Structure) 

• มีหน้าสำคัญพื้นฐาน คือ มีหน้าหลัก (Homepage) เกี่ยวกับบริษัท (About) หน้าบริการ (Services) และหน้าติดต่อ (Contact) 
• โครงสร้าง และการใช้งานเว็บไซต์ (Web usability) ใช้ง่ายและเป็นมิตร (User friendly)
• เว็บไซต์เป็นแบบ Responsive การแสดงผลปรับเปลี่ยนให้เข้ากับทุกขนาดหน้าจอ
  
  

ส่วนของเนื้อหา (Content)

คอนเทนต์หรือเนื้อหาของเว็บไซต์ต้องมีคุณภาพ และมีประโยชน์เพียงพอต่อผู้ใช้งาน แต่เราจะรู้ได้อย่างไรว่า เนื้อหาเราดี มีคุณภาพ? เราสามารถปรับปรุง อัปเดตอย่างไร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และเป็นมิตรทั้งกับ SEO และผู้ใช้งานบ้าง เรามีหลักเกณฑ์ง่าย ๆ มาช่วยให้พิจารณา ดังนี้

Check lists ปรับปรุง เพิ่มคุณภาพเว็บไซต์

เนื้อหา มีระเบียบ ชัดเจน เข้าใจง่าย 

มีการจัดระเบียบหัวข้อต่าง ๆ อย่างชัดเจน และเป็นระเบียบ นอกจากนั้นยังสามารถแบ่งเนื้อหาในเว็บไซต์ออกตามหมวดหมู่ หรือตามหลักเหตุผล โดยยึดผู้ใช้งานเป็นหลัก จะช่วยให้ผู้ใช้งานเจอเนื้อหาที่ต้องการได้เร็วขึ้น 

แต่สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงคือ การใส่ข้อความยาว ๆ ในหน้าเดียว ควรแสดงแค่เนื้อหาสั้น ๆ กระชับ แล้วมีปุ่มเพื่อกดอ่านต่อตามความสนใจของผู้ใช้แทนจะดีกว่า

ส่วนการเขียนเนื้อหา ไม่ควรใช้ศัพท์เฉพาะทางมากเกินไปหรือเข้าใจยาก ผู้ใช้งานควรสามารถเพลิดเพลินกับข้อมูลที่ย่อยง่าย เข้าใจง่าย และหลีกเลี่ยงการเขียนแบบหยาบ ๆ หรือคำสะกดที่ไม่ถูกต้อง  เพราะจะลดความเชี่ยวชาญ และน่าเชื่อถือได้

^{Wealthsimple ใช้พื้นที่ แบ่งแต่ละส่วนของหน้าได้เป็นระเบียบ และสวยงาม ทั้งยังมีลูกเล่น เพิ่มความสนุกให้ธุรกิจ}

เนื้อหาไม่ซ้ำ เฉพาะทาง และสอดคล้องกับธุรกิจ

การมีเนื้อหาซ้ำ ทั้งภายในเว็บของเราเอง หรือเว็บไซต์อื่น อาจส่งผลกระทบไม่ดีต่อ SEO และแรงกิงก์ใน Google ตกได้ ยิ่งซ้ำมาก ยิ่งมีโอกาสตกมาก ดังนั้น ควรนำเสนอข้อมูลในแบบฉบับของตัวเอง ไม่คัดลอกมาจากแหล่งข้อมูลอื่น และยิ่งเราทำธุรกิจเฉพาะทาง จะยิ่งได้เปรียบเพราะโอกาสที่ข้อมูลซ้ำกับคนอื่นนั้นน้อยกว่าด้วย

สรุปสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง คือ การคัดลอกเนื้อหาเดิม แต่เอามาจัดรูปแบบใหม่ การมีเนื้อหาซ้ำซ้อนภายในเว็บไซต์ และอีกข้อที่ควรคำนึงคือ สร้างเนื้อหาเพื่อผู้ใช้เป็นหลัก SEO เป็นรอง ไม่จำเป็นต้องใส่คีย์เวิร์ดเยอะเกินความจำเป็น เพราะอาจก่อให้เกิดความรำคาญแก่ผู้ใช้งานได้

มีประโยชน์ น่าสนใจ ให้ข้อมูลตรงจุด

การมีเนื้อหาดี เหมือนอาหารอร่อย คนเข้ามาลองทานก็มักบอกต่อ และเข้ามาทานเป็นประจำ เนื้อหาที่ดีจึงสามารถดึงดูดคนให้เข้ามาอ่าน และเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อเว็บไซต์โดยตรง สร้างแนวโน้มให้คนแชร์ต่อออกไปได้ง่ายมากในยุคปัจจุบัน ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย หรือวิธีอื่น ๆ 

นอกจากนั้น การคำนึงถึงผู้ใช้เป็นหลักว่า ใคร มองหาข้อมูลอะไร  ก็ช่วยให้สร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการได้ไม่ยาก

^{เว็บ Airbnb แสดงโลเคชัน วันที่ จำนวนผู้พักเป็นสิ่งแรกที่จะได้เห็น ตัดกับพื้นหลังชัดเจน และยังแนะนำสถานที่ใกล้เคียงในพื้นที่ หรือประเทศนั้น ๆ ให้แก่ผู้เข้าชมเว็บไซต์ด้วย}

เนื้อหาเพียงพอ และอัปเดตสม่ำเสมอ

เนื้อหาที่มีคุณภาพ ต้องพึ่งปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ นั่นคือ เวลา ความพยายาม ความเชี่ยวชาญ และความสามารถพิเศษหรือทักษะ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจทานเนื้อหาว่าถูกต้องตามข้อมูลจริงไหม คลุมเครือ หรือครบถ้วนหรือเปล่าด้วย

ยกตัวอย่างเช่น หน้าติดต่อของ Senna Labs แทนที่จะมีช่องให้กรอกมากมาย เต็มไปหมด แต่เราเลือกเพียงข้อมูลที่จำเป็นเท่านั้น ถือว่าเพียงพอสำหรับวัตถุประสงค์ของหน้าติดต่อ เป็นต้น

ส่วนการเข้าไปอัปเดตข้อมูล หรือเพิ่มเนื้อหาใหม่ ๆ อยู่เสมอ ก็จะช่วยดึงทั้งผู้เข้าชมทั้งกลุ่มเก่า และกลุ่มใหม่ให้กลับมาได้ด้วย อาจจะผ่านอีเมลรับสมัครข่าวสาร หรือผ่านการแชร์ออกไป

^{หน้า Contact ของ Senna Labs มีเพียงข้อมูลที่จำเป็นเพื่อลดเวลาและขั้นตอน}

โชว์ความเชี่ยวชาญ และความน่าเชื่อถือ ในเว็บไซต์

ปกติแล้ว เวลาเราเข้าเว็บใด ๆ ก็ตาม มันจะมีแว๊บหนึ่งภายใต้จิตสำนึกคนเรา ที่ถามสัณชาตญาณตัวเองว่า เว็บนี้เชื่อถือได้ไหม? ทีนี้ คงเป็นหน้าที่ของคนทำเว็บไซต์ต่อแล้วว่า จะสร้างความเชื่อมั่นนี้ได้อย่างไร ซึ่งความน่าเชื่อถือสามารถสร้างได้จากงานออกแบบ และข้อมูลที่ครบถ้วน มีที่มาที่ไป มีแหล่งอ้างอิงชัดเจน

หากเป็นธุรกิจที่ขายเซอร์วิส หรือบริการ ก็ต้องมีหน้าเนื้อหา ที่อธิบายบริการ อย่างเป็นลำดับขั้นตอน และสามารถบอกได้ว่าตนเก่ง หรือเชี่ยวชาญในบริการนั้น ๆ อย่างไร ประโยชน์หรือสิ่งที่ผู้ใช้หรือลูกค้าจะได้รับคืออะไร

หากเป็นธนาคาร ชอปปิงออนไลน์ หรือเว็บไซต์ที่เกี่ยวกับธุรกรรม ก็ต้องสร้างความเชื่อมั่นในด้านความปลอดภัยของทรัพย์สิน ขั้นตอน กระบวนการ การเชื่อมต่อ มีฝ่ายบริการลูกค้าที่ให้ความช่วยเหลือได้ตลอดเวลา

ข้อมูลที่นำมาแสดงในเว็บไซต์ เป็นข้อเท็จจริง หรือมีแหล่งที่มาและได้รับการยืนยัน สนับสนุนจากผู้เชี่ยวชาญ หรือวิทยาศาสตร์ และต้องเป็นที่เป็นที่ยอมรับโดยทั่วไป

ไม่โฆษณาจนรบกวนการใช้งาน

การแสดงโฆษณา ไม่ว่าจะผ่าน Third-party แอปพลิเคชันอย่าง Google Ads หรือการโฆษณาของคุณเอง โดยการใช้แบนเนอร์ ป๊อบอัป แสดงในเว็บไซต์ ต้องจัดวาง โดยไม่เป็นการรบกวนประสบการณ์ของผู้ใช้งาน หรือกันไม่ให้เข้าถึงเนื้อหา เพราะอาจทำให้ผู้ใช้ไปไม่ถึงหน้าที่เราต้องการ แล้วออกกลางคันเลยก็ได้

จะเห็นว่านอกจากโครงสร้างที่ดีแล้ว คอนเทนต์ก็ต้องดี มีคุณภาพด้วย ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับของกูเกิลได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องออกแรงเยอะ เพียงแต่ต้องทุ่มในช่วงแรก ทำเนื้อหาออกมาให้ดี แค่นี้ก็มีชัยไปกว่าครึ่งแล้ว

แหล่งอ้างอิง

• SEO BLOG: เว็บไซต์ที่ “มีคุณภาพ” ในสายตาของกูเกิลคือ?
• บทความ ตรวจสอบคุณภาพเว็บไซต์ ( Website ) ด้วยตัวเอง
• คู่มือ SEO สำหรับมือใหม่