กำลังใช้ระบบที่ “เล็กเกินไป” สำหรับธุรกิจแล้วหรือเปล่า
Share

5 สัญญาณเล็กๆ ที่บอกว่าเทคโนโลยีกำลังดึงคุณถอยหลัง
หลายธุรกิจไม่รู้ตัวว่าระบบที่ใช้อยู่ “ไม่ทันธุรกิจแล้ว” จนกระทั่งเจอปัญหาการเติบโตชะลอตัว คนทำงานเริ่มเหนื่อยล้า หรือแม้กระทั่งลูกค้าเริ่มรู้สึกได้ว่าประสบการณ์ไม่ดีเหมือนเดิม
ลองเช็กดูว่าคุณเจอสัญญาณเหล่านี้หรือไม่?
1. ใช้ Excel หรือ Google Sheet เป็นตัวหลักในการทำงาน
สาเหตุ: ระบบหลักไม่สามารถตอบโจทย์ได้ครบ ทำให้ทีมต้องหาทางลัดด้วยการสร้างไฟล์แยกๆ กันเอง
ผลเสีย:
-
ข้อมูลซ้ำซ้อน ไม่รู้ว่าอันไหนล่าสุด
-
เสี่ยงเกิดข้อผิดพลาดจากการกรอกเอง
-
ใช้เวลานานมากในการรวมข้อมูลมาทำรายงาน
ควรทำอย่างไร:
เริ่มต้นด้วยการ ย้ายงานที่ซ้ำซ้อนเข้าสู่ระบบกลาง เช่น CRM หรือระบบจัดการงาน (Project/Task Management) ที่สามารถเชื่อมข้อมูลกับแหล่งอื่นได้ ลดการพึ่งพาไฟล์กระดาษหรือ Excel ที่ต่างคนต่างทำ
2. การสอนงานพนักงานใหม่กลายเป็นงานยาก
สาเหตุ: ระบบที่ใช้อยู่มีขั้นตอนซับซ้อน ต้องมี “workaround” หรือการกดข้ามขั้นตอน/ใช้วิธีพิเศษที่ไม่ได้อยู่ในระบบจริง
ผลเสีย:
-
พนักงานใหม่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะทำงานได้เต็มที่
-
เสี่ยงต่อการทำผิดพลาดเพราะขั้นตอนยุ่งยาก
-
ขึ้นอยู่กับ “คนเก่า” ที่คอยบอกวิธีลัด
ควรทำอย่างไร:
-
ทำ Process Mapping (แผนผังกระบวนการ) เพื่อเห็นว่าขั้นตอนไหนซ้ำซ้อนหรือไม่จำเป็น
-
เริ่มปรับปรุงระบบให้ User-friendly และมีคู่มือการใช้งานที่เข้าใจง่าย
-
ถ้าเป็นไปได้ เลือกใช้ระบบที่ออกแบบมาให้ “self-explanatory” คือพนักงานใหม่เปิดมาก็ใช้ได้ทันที
3. คำถามง่ายๆ ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาคำตอบ
สาเหตุ: ระบบเก็บข้อมูลไม่เป็นโครงสร้าง หรืออยู่กระจัดกระจายหลายที่
ผลเสีย:
-
ไม่สามารถตัดสินใจได้เร็วพอ
-
เสียโอกาสทางธุรกิจเพราะข้อมูลไม่ Real-time
-
ทีมงานต้องเสียเวลานั่งดึงข้อมูลมาประกอบเอง
ควรทำอย่างไร:
-
ลงทุนใน ระบบ Dashboard และ Reporting ที่ดึงข้อมูลจากทุกแหล่งมาไว้ที่เดียว
-
ใช้เครื่องมือ Business Intelligence (BI) หรือ Data Visualization เช่น Power BI, Tableau หรือ Looker Studio
-
จัดระเบียบ Data Governance ให้ชัดเจน ว่าข้อมูลต้นทางอยู่ที่ไหน และใครเป็นเจ้าของ
4. ลูกค้าเริ่มรู้สึกถึงปัญหา
สาเหตุ: ระบบหลังบ้านไม่เสถียร ทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าถูกกระทบโดยตรง
ตัวอย่าง:
-
เว็บโหลดช้า
-
ระบบสั่งซื้อหรือชำระเงินขัดข้อง
-
การแจ้งเตือนหรือข้อมูลลูกค้าไม่ตรงกันระหว่างช่องทาง
ควรทำอย่างไร:
-
ทำ Performance Audit ของระบบ เช่น ความเร็วเว็บ ความเสถียรของเซิร์ฟเวอร์
-
ลงทุนใน Customer Experience Tools เช่นระบบ Ticketing หรือ Live Chat
-
ปรับระบบหลังบ้านให้รองรับ Omnichannel เพื่อให้ข้อมูลลูกค้าถูกต้องเหมือนกันทุกช่องทาง
5. การเชื่อมต่อระบบใหม่ๆ ทำได้ยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้
สาเหตุ: ระบบที่ใช้อยู่ถูกออกแบบมาแบบปิด (Closed System) ไม่มี API หรือไม่มีมาตรฐานสากลในการเชื่อมต่อ
ผลเสีย:
-
ไม่สามารถต่อยอดไปยัง CRM, Payment Gateway, Marketing Tool, หรือ Analytics ใหม่ๆ
-
ทุกครั้งที่ต้องเชื่อมอะไรใหม่เป็นงานใหญ่ ใช้เวลาหลายเดือน
-
เสียความยืดหยุ่นและโอกาสทางธุรกิจ
ควรทำอย่างไร:
-
ประเมินว่า ระบบปัจจุบันยังคุ้มค่าที่จะพัฒนาต่อหรือควรเปลี่ยน
-
ถ้าต้องเปลี่ยน ให้เลือกแพลตฟอร์มที่ มี API มาตรฐานและรองรับการเชื่อมต่อในอนาคต
-
ใช้ Integration Layer หรือ Middleware เช่น Zapier, Make, หรือ API Gateway เพื่อทำให้ระบบยืดหยุ่นขึ้น
สรุป
ถ้าคุณเจอสัญญาณเหล่านี้แม้เพียง 2–3 ข้อ ก็คือสัญญาณเตือนว่าธุรกิจของคุณ กำลังโตเร็วกว่าระบบที่ใช้อยู่
การใช้ระบบเดิมต่อไปอาจดูคุ้นเคยและประหยัดในระยะสั้น แต่จะค่อยๆ สูญเสียเวลา ทรัพยากร และโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว
สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ:
-
ประเมินว่าปัญหาไหน “แก้ได้” โดยการ Optimize ระบบเดิม
-
ปัญหาไหนต้อง “Rebuild หรือ Replace” ด้วยระบบใหม่
-
สร้างแผนระยะยาว เลือกเทคโนโลยีที่ “เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจ” ไม่ใช่หยุดอยู่กับที่
ดาวโหลด Template : Business System Health Checklist

Share

Keep me postedto follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Related articles
Explore all


