กำลังใช้ระบบที่ “เล็กเกินไป” สำหรับธุรกิจแล้วหรือเปล่า

3 mins read

Published

24 September, 2025

Language

Thai

Written by

Share

กำลังใช้ระบบที่ “เล็กเกินไป” สำหรับธุรกิจแล้วหรือเปล่า

5 สัญญาณเล็กๆ ที่บอกว่าเทคโนโลยีกำลังดึงคุณถอยหลัง

หลายธุรกิจไม่รู้ตัวว่าระบบที่ใช้อยู่ “ไม่ทันธุรกิจแล้ว” จนกระทั่งเจอปัญหาการเติบโตชะลอตัว คนทำงานเริ่มเหนื่อยล้า หรือแม้กระทั่งลูกค้าเริ่มรู้สึกได้ว่าประสบการณ์ไม่ดีเหมือนเดิม

ลองเช็กดูว่าคุณเจอสัญญาณเหล่านี้หรือไม่?

This may contain: three people in an office setting having a discussion

1. ใช้ Excel หรือ Google Sheet เป็นตัวหลักในการทำงาน

สาเหตุ: ระบบหลักไม่สามารถตอบโจทย์ได้ครบ ทำให้ทีมต้องหาทางลัดด้วยการสร้างไฟล์แยกๆ กันเอง

ผลเสีย:

  • ข้อมูลซ้ำซ้อน ไม่รู้ว่าอันไหนล่าสุด

  • เสี่ยงเกิดข้อผิดพลาดจากการกรอกเอง

  • ใช้เวลานานมากในการรวมข้อมูลมาทำรายงาน

ควรทำอย่างไร:

เริ่มต้นด้วยการ ย้ายงานที่ซ้ำซ้อนเข้าสู่ระบบกลาง เช่น CRM หรือระบบจัดการงาน (Project/Task Management) ที่สามารถเชื่อมข้อมูลกับแหล่งอื่นได้ ลดการพึ่งพาไฟล์กระดาษหรือ Excel ที่ต่างคนต่างทำ

 

2. การสอนงานพนักงานใหม่กลายเป็นงานยาก

สาเหตุ: ระบบที่ใช้อยู่มีขั้นตอนซับซ้อน ต้องมี “workaround” หรือการกดข้ามขั้นตอน/ใช้วิธีพิเศษที่ไม่ได้อยู่ในระบบจริง

ผลเสีย:

  • พนักงานใหม่ต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะทำงานได้เต็มที่

  • เสี่ยงต่อการทำผิดพลาดเพราะขั้นตอนยุ่งยาก

  • ขึ้นอยู่กับ “คนเก่า” ที่คอยบอกวิธีลัด

 

ควรทำอย่างไร:

  • ทำ Process Mapping (แผนผังกระบวนการ) เพื่อเห็นว่าขั้นตอนไหนซ้ำซ้อนหรือไม่จำเป็น

  • เริ่มปรับปรุงระบบให้ User-friendly และมีคู่มือการใช้งานที่เข้าใจง่าย

  • ถ้าเป็นไปได้ เลือกใช้ระบบที่ออกแบบมาให้ “self-explanatory” คือพนักงานใหม่เปิดมาก็ใช้ได้ทันที

3. คำถามง่ายๆ ต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะหาคำตอบ

สาเหตุ: ระบบเก็บข้อมูลไม่เป็นโครงสร้าง หรืออยู่กระจัดกระจายหลายที่

ผลเสีย:

  • ไม่สามารถตัดสินใจได้เร็วพอ

  • เสียโอกาสทางธุรกิจเพราะข้อมูลไม่ Real-time

  • ทีมงานต้องเสียเวลานั่งดึงข้อมูลมาประกอบเอง

ควรทำอย่างไร:

  • ลงทุนใน ระบบ Dashboard และ Reporting ที่ดึงข้อมูลจากทุกแหล่งมาไว้ที่เดียว

  • ใช้เครื่องมือ Business Intelligence (BI) หรือ Data Visualization เช่น Power BI, Tableau หรือ Looker Studio

  • จัดระเบียบ Data Governance ให้ชัดเจน ว่าข้อมูลต้นทางอยู่ที่ไหน และใครเป็นเจ้าของ

4. ลูกค้าเริ่มรู้สึกถึงปัญหา

สาเหตุ: ระบบหลังบ้านไม่เสถียร ทำให้ประสบการณ์ของลูกค้าถูกกระทบโดยตรง

ตัวอย่าง:

  • เว็บโหลดช้า

  • ระบบสั่งซื้อหรือชำระเงินขัดข้อง

  • การแจ้งเตือนหรือข้อมูลลูกค้าไม่ตรงกันระหว่างช่องทาง

ควรทำอย่างไร:

  • ทำ Performance Audit ของระบบ เช่น ความเร็วเว็บ ความเสถียรของเซิร์ฟเวอร์

  • ลงทุนใน Customer Experience Tools เช่นระบบ Ticketing หรือ Live Chat

  • ปรับระบบหลังบ้านให้รองรับ Omnichannel เพื่อให้ข้อมูลลูกค้าถูกต้องเหมือนกันทุกช่องทาง

5. การเชื่อมต่อระบบใหม่ๆ ทำได้ยากหรือแทบเป็นไปไม่ได้

สาเหตุ: ระบบที่ใช้อยู่ถูกออกแบบมาแบบปิด (Closed System) ไม่มี API หรือไม่มีมาตรฐานสากลในการเชื่อมต่อ

ผลเสีย:

  • ไม่สามารถต่อยอดไปยัง CRM, Payment Gateway, Marketing Tool, หรือ Analytics ใหม่ๆ

  • ทุกครั้งที่ต้องเชื่อมอะไรใหม่เป็นงานใหญ่ ใช้เวลาหลายเดือน

  • เสียความยืดหยุ่นและโอกาสทางธุรกิจ

ควรทำอย่างไร:

  • ประเมินว่า ระบบปัจจุบันยังคุ้มค่าที่จะพัฒนาต่อหรือควรเปลี่ยน

  • ถ้าต้องเปลี่ยน ให้เลือกแพลตฟอร์มที่ มี API มาตรฐานและรองรับการเชื่อมต่อในอนาคต

  • ใช้ Integration Layer หรือ Middleware เช่น Zapier, Make, หรือ API Gateway เพื่อทำให้ระบบยืดหยุ่นขึ้น

สรุป

ถ้าคุณเจอสัญญาณเหล่านี้แม้เพียง 2–3 ข้อ ก็คือสัญญาณเตือนว่าธุรกิจของคุณ กำลังโตเร็วกว่าระบบที่ใช้อยู่

การใช้ระบบเดิมต่อไปอาจดูคุ้นเคยและประหยัดในระยะสั้น แต่จะค่อยๆ สูญเสียเวลา ทรัพยากร และโอกาสทางธุรกิจในระยะยาว

สิ่งที่ควรทำตอนนี้คือ:

  1. ประเมินว่าปัญหาไหน “แก้ได้” โดยการ Optimize ระบบเดิม

  2. ปัญหาไหนต้อง “Rebuild หรือ Replace” ด้วยระบบใหม่

  3. สร้างแผนระยะยาว เลือกเทคโนโลยีที่ “เติบโตไปพร้อมกับธุรกิจ” ไม่ใช่หยุดอยู่กับที่

 

ดาวโหลด Template : Business System Health Checklist

 

Written by
Mic Noppawit Chavanadul
Mic Noppawit Chavanadul

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

JS class syntax
JS class syntax
เชื่อว่าหลายๆคนที่เขียน javascript กันมา คงต้องเคยสงสัยกันบ้าง ว่า class ที่อยู่ใน js เนี่ย มันคืออะไร แล้วมันมีหน้าที่ต่างกับการประกาศ function อย่างไร? เรามารู้จักกับ class ให้มากขึ้นกันดีกว่า class เปรียบเสมือนกับ blueprint หรือแบบพิมพ์เขียว ที่สามารถนำไปสร้างเป็นสิ่งของ( object ) ตาม blueprint หรือแบบพิมพ์เขียว( class ) นั้นๆได้ โดยภายใน class
25 Sep, 2025

by

15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G
15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G
ผู้ให้บริการเครือข่ายในสหรัฐฯ ได้เปิดตัว 5G ในหลายรูปแบบ และเช่นเดียวกับผู้ให้บริการเครือข่ายในยุโรปหลายราย แต่… 5G มันคืออะไร และทำไมเราต้องให้ความสนใจ บทความนี้ได้รวบรวม 15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G เพราะเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันกำลังจะถูกใช้งานอย่างกว้างขวางขึ้น 1. 5G หรือ Fifth-Generation คือยุคใหม่ของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่จะมาแทนที่ระบบ 4G ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมันไม่ได้ถูกจำกัดแค่มือถือเท่านั้น แต่รวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ 2. 5G คือการพัฒนา 3 ส่วนที่สำคัญที่จะนำมาสู่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ขยายช่องสัญญาณขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ การตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นในระยะเวลาที่น้อยลง ความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์มากกว่า 1 ในเวลาเดียวกัน 3. สัญญาณ 5G นั้นแตกต่างจากระบบ
25 Sep, 2025

by

จัดการ Array ด้วย Javascript (Clone Deep)
จัดการ Array ด้วย Javascript (Clone Deep)
ในปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาที่ถูกใช้ในการเขียนเว็บต่าง ๆ นั้น คงหนีไม่พ้นภาษา Javascript ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกนำไปพัฒนาเป็น framework หรือ library ต่าง ๆ มากมาย ผู้พัฒนาหลายคนก็มีรูปแบบการเขียนภาษา Javascript ที่แตกต่างกัน เราเลยมีแนวทางการเขียนที่หลากหลาย มาแบ่งปันเพื่อน ๆ เกี่ยวกับการจัดการ Array ด้วยภาษา Javascript กัน เรามาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า โดยปกติแล้วการ copy ค่าจาก value type ธรรมดา สามารถเขียนได้ดังนี้
25 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy