ทำไมการนำ AI มาใช้ในบริษัทมักล้มเหลว

2 mins read

Published

9 October, 2025

Language

Thai

Written by

Share

ทำไมการนำ AI มาใช้ในบริษัทมักล้มเหลว

ทุกวันนี้คำว่า “AI” กลายเป็นคำฮิตที่ใครๆ ก็พูดถึง หลายบริษัทรีบเอา AI มาใส่ในระบบหรือแอปพลิเคชันของตัวเองโดยคาดหวังว่ามันจะช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างแทนมนุษย์ได้

แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคือ หลายโปรเจกต์ AI ล้มเหลว หรือใช้งานจริงไม่คุ้มค่า เพราะอะไร? เพราะเรามักจะเข้าใจ AI ผิดตั้งแต่ต้น

This may contain: a group of people sitting around a table talking

ความเข้าใจผิดที่พบบ่อยเกี่ยวกับ AI

1. AI คืออัจฉริยะที่ทำได้ทุกอย่าง

หลายคนคิดว่า AI เหมือนพนักงานเก่งที่รู้ทุกเรื่อง เช่น แค่ใส่ AI เข้าไปในระบบขาย มันจะปิดการขายแทนเซลส์ได้เลย

ตัวอย่างจริง: บริษัทหนึ่งติดตั้ง AI chatbot โดยคาดว่าจะช่วยตอบทุกคำถามลูกค้าได้ทันที แต่ผลคือ ลูกค้าถามคำถามเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้งานสินค้า AI ตอบไม่ได้ → ลูกค้าไม่พอใจ สุดท้ายต้องใช้คนเข้ามาช่วย

ความจริง: AI ไม่ได้เข้าใจธุรกิจของคุณเอง มันเป็นแค่ “เครื่องมือ” ที่ต้องถูกสอน และกำหนดขอบเขตหน้าที่ให้ชัด

 

2. AI จะเวิร์กเพราะทุกคนก็ใช้กัน

หลายองค์กรลงทุนกับ AI เพราะไม่อยาก “ตกเทรนด์” แต่ไม่ได้กำหนดเป้าหมายเลยว่าจะเอามาใช้เพื่ออะไร

ตัวอย่างจริง: ฝ่าย HR ลงทุนซื้อระบบ AI วิเคราะห์ CV ผู้สมัคร แต่ไม่เคยกำหนดชัดเจนว่าต้องการลดเวลาคัดกรองกี่เปอร์เซ็นต์ หรืออยากได้คุณภาพผู้สมัครที่ดีขึ้นอย่างไร → สุดท้ายใช้ไปแล้วก็ไม่รู้ว่ามีประโยชน์จริงหรือเปล่า

ความจริง: ถ้าไม่มีเป้าหมายชัดเจน เราจะไม่สามารถวัดผลได้เลยว่า AI คุ้มค่าหรือไม่

 

3. AI จะช่วยได้โดยไม่ต้องมีระบบที่ดีมาก่อน

หลายบริษัทเอา AI มาใส่ในกระบวนการที่ยังไม่มีมาตรฐานหรือขั้นตอนที่แน่นอน (SOP) หวังว่า AI จะมาช่วยจัดระเบียบให้

ตัวอย่างจริง: ฝ่ายบริการลูกค้าไม่มีคู่มือการตอบคำถามชัดเจน แต่ไปให้ AI ช่วยตอบ ผลคือ AI ตอบไม่ตรงกันบ้าง ตอบผิดบ้าง เพราะมันไม่รู้ว่า “คำตอบมาตรฐานของบริษัทคืออะไร”

ความจริง: ถ้าองค์กรยังไม่มี SOP หรือ Process ที่มั่นคง การใช้ AI จะยิ่งทำให้สับสนมากกว่าเดิม

 

วิธีที่ถูกต้องในการใช้ AI ในธุรกิจ

  1. เริ่มจากการทำความเข้าใจ Process ของตัวเองก่อน

    • วาด Process Mapping ให้เห็นว่าใครทำอะไร ขั้นตอนไหน

    • มี SOP ที่เป็นมาตรฐาน เช่น การปิดงบสิ้นเดือนต้องผ่านกี่ขั้นตอน

  2. หาว่า AI ช่วยตรงไหนได้จริง

เลือกงานที่ซ้ำซ้อน ใช้เวลามาก แต่ไม่ต้องใช้การตัดสินใจเชิงกลยุทธ์

ตัวอย่าง:

    • ฝ่ายขาย → ให้ AI สรุปรายงานยอดขายประจำสัปดาห์

    • ฝ่ายบุคคล → ให้ AI สรุป Feedback พนักงานจากแบบสอบถาม

    • ฝ่ายการตลาด → ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลโซเชียลเพื่อหาเทรนด์

  1. กำหนดเป้าหมายที่วัดผลได้

    • เช่น ลดเวลาทำรายงานจาก 3 วันเหลือ 3 ชั่วโมง

    • ลดงานซ้ำซ้อนลง 40%

    • ตัวอย่าง: บริษัทหนึ่งตั้งเป้าให้ AI ลดปริมาณตั๋ว Support ที่พนักงานต้องรับเองลงอย่างน้อย 30% และสามารถวัดผลได้จริงใน 3 เดือน

  2. เริ่มเล็ก แล้วค่อยขยาย

    • เริ่มจากโครงการเล็กๆ ที่แก้ปัญหาหนึ่งอย่าง

    • เมื่อได้ผลจริง ค่อยต่อยอดไปยังขั้นตอนอื่น

    • ตัวอย่าง: บริษัทด้านโลจิสติกส์ เริ่มจากให้ AI สรุปรายงานเส้นทางการขนส่ง → เห็นผลชัดว่าลดเวลางาน Paperwork ได้ จึงขยายไปใช้ AI ช่วยวิเคราะห์เส้นทางที่ประหยัดต้นทุน

สรุป

AI ไม่ใช่เวทมนตร์ที่จะทำให้บริษัทเก่งขึ้นทันที มันเป็นเพียง “เครื่องมือ” ที่ช่วยให้เราทำงานได้เร็วขึ้นและแม่นยำขึ้น แต่ความสำเร็จของการใช้ AI ขึ้นอยู่กับว่า…

  • เรามี Process และ SOP ที่ชัดเจน หรือไม่

  • เรารู้ว่า AI จะช่วยตรงไหนได้จริง หรือยัง

  • เรากำหนด ผลลัพธ์ที่วัดได้ ตั้งแต่แรกหรือไม่

เพราะสุดท้าย AI ไม่ได้มาแทนคน แต่มาเป็น “ผู้ช่วย” ที่ทำให้คนในองค์กร ทำงานได้ดีกว่าเดิม

 

Download Template : AI Readiness Checklist 

 

Written by
Chan Chan Boonpitak
Chan Chan Boonpitak

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
12 Oct, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
12 Oct, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
12 Oct, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy