ออกแบบ UX/UI สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ให้ลูกค้าซื้อของง่ายขึ้น

DesignBusiness
2 mins read
2 mins read

Published

17 March, 2025

Language

Thai

Written by

Share

ออกแบบ UX/UI สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ให้ลูกค้าซื้อของง่ายขึ้น

ในปัจจุบัน เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจออนไลน์ แต่ปัญหาสำคัญที่หลายเว็บไซต์พบคือ ลูกค้าเข้ามาดูสินค้าแต่ไม่กดซื้อ หรือมีอัตราการละทิ้งตะกร้าสูง สิ่งนี้เกิดขึ้นจากหลายปัจจัย เช่น ขั้นตอนการสั่งซื้อที่ยุ่งยาก การค้นหาสินค้าที่ซับซ้อน หรือ UX/UI ที่ไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้

UX/UI ที่ดีสามารถช่วยให้ลูกค้า ค้นหาสินค้าได้ง่าย เลือกซื้อได้สะดวก และทำรายการสั่งซื้อได้อย่างราบรื่น ซึ่งจะช่วยเพิ่ม Conversion Rate (อัตราการซื้อ) ลดอัตราการละทิ้งตะกร้า และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

บทความนี้จะอธิบายแนวทางในการ ออกแบบ UX/UI สำหรับเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ เพื่อให้ลูกค้า ค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น ซื้อของสะดวกขึ้น และมีประสบการณ์การใช้งานที่ดีขึ้น

 

1. ออกแบบระบบค้นหาสินค้าให้มีประสิทธิภาพ

1.1 ทำไมระบบค้นหาสินค้าถึงสำคัญ?

  • ผู้ใช้กว่า 43% เข้าสู่เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซและใช้ฟังก์ชันค้นหาทันที

  • ระบบค้นหาที่ดีสามารถเพิ่มอัตราการซื้อได้ถึง 30%

  • หากลูกค้าไม่สามารถหาสินค้าที่ต้องการได้อย่างรวดเร็ว พวกเขามีแนวโน้มจะออกจากเว็บไซต์

1.2 วิธีออกแบบระบบค้นหาที่ดี

  • ใช้ระบบค้นหาพร้อมคำแนะนำ (Smart Search & Auto-Suggestion)

    • ให้ระบบแนะนำสินค้าที่เกี่ยวข้องขณะพิมพ์

    • รองรับการค้นหาผิดพลาด เช่น "รองเท้าผู้ชาย" และ "รองเท้าผุ้ชาย" ควรได้ผลลัพธ์เดียวกัน

  • เพิ่มตัวกรองที่มีประสิทธิภาพ (Advanced Filtering)

    • ให้ลูกค้าสามารถกรองสินค้าตาม ราคา สี ขนาด ยี่ห้อ การรีวิว

    • ใช้ตัวเลือกแบบ Slider หรือ Checkbox เพื่อลดความซับซ้อน

  • เพิ่มหมวดหมู่ที่ชัดเจน (Category Navigation)

    • จัดกลุ่มสินค้าเป็นหมวดหมู่ที่เข้าใจง่าย

    • ใช้ไอคอนประกอบเพื่อให้การเลือกหมวดหมู่เร็วขึ้น

ตัวอย่าง: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่เพิ่มระบบ Smart Search พบว่าอัตราการใช้ระบบค้นหาเพิ่มขึ้น 50% และยอดขายจากการค้นหาเพิ่มขึ้น 35%

 

2. ออกแบบหน้าสินค้าให้กระตุ้นการตัดสินใจซื้อ

2.1 ทำไม UX/UI ของหน้าสินค้าถึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ?

  • 87% ของผู้บริโภคต้องการเห็นข้อมูลสินค้าชัดเจนก่อนตัดสินใจซื้อ

  • หน้าที่ออกแบบไม่ดีอาจทำให้ลูกค้า ลังเลและออกจากเว็บโดยไม่ซื้อ

2.2 วิธีออกแบบหน้าสินค้าให้ดึงดูด

  • ใช้ภาพความละเอียดสูงและสามารถซูมดูได้ (High-Resolution Images with Zoom Feature)

    • เพิ่มภาพมุมต่าง ๆ ของสินค้า

    • ใช้ 360° Product View เพื่อให้ลูกค้าดูสินค้าได้รอบด้าน

  • แสดงข้อมูลสินค้าให้ครบถ้วน (Clear Product Details)

    • ใช้ Bullet Points แสดงจุดเด่นของสินค้า เช่น วัสดุ ขนาด น้ำหนัก

    • ระบุ ราคา ค่าจัดส่ง และเงื่อนไขการรับประกัน อย่างชัดเจน

  • เพิ่มรีวิวและคะแนนจากลูกค้า (User Reviews & Ratings)

    • ให้ลูกค้าสามารถให้คะแนนและรีวิวสินค้าได้

    • แสดง รีวิวที่ได้รับความนิยม หรือรีวิวจากลูกค้าที่ซื้อจริง

ตัวอย่าง: เว็บไซต์ที่เพิ่มรีวิวสินค้าในหน้าสินค้า ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น 25% เนื่องจากลูกค้ารู้สึกมั่นใจมากขึ้นในการตัดสินใจซื้อ

 

3. ทำให้ขั้นตอน Checkout สั้นและง่ายที่สุด

3.1 ทำไมการออกแบบ Checkout UX/UI ถึงสำคัญ?

  • 70% ของลูกค้าที่กดเพิ่มสินค้าลงตะกร้าแต่ไม่ทำรายการให้เสร็จสิ้น เกิดจากความยุ่งยากของขั้นตอน Checkout

  • ลูกค้าไม่ชอบกรอกข้อมูลที่ไม่จำเป็น หรือผ่านหลายขั้นตอนก่อนการชำระเงิน

 

3.2 วิธีปรับปรุง UX/UI ของ Checkout ให้ดียิ่งขึ้น

  • ลดจำนวนขั้นตอน (One-Page Checkout or Three-Step Checkout)

    • ควรมีเพียง 3 ขั้นตอน: ที่อยู่จัดส่ง > วิธีชำระเงิน > ยืนยันคำสั่งซื้อ

    • ใช้ Progress Bar แสดงว่าผู้ใช้กำลังอยู่ในขั้นตอนไหน

  • รองรับ Guest Checkout

    • ให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้โดยไม่ต้องสมัครสมาชิก

    • เสนอให้สร้างบัญชีหลังจากชำระเงินเสร็จแล้ว

  • บันทึกข้อมูลการชำระเงินและที่อยู่

    • รองรับ Google Pay, Apple Pay และบัตรเครดิตที่บันทึกไว้

    • ใช้ Auto-Fill เพื่อลดเวลาการกรอกข้อมูล

ตัวอย่าง: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ปรับ Checkout ให้เป็น One-Page Checkout พบว่าอัตราการซื้อสำเร็จเพิ่มขึ้น 20%

 

4. เพิ่มฟีเจอร์แนะนำสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขาย

4.1 ทำไมการแนะนำสินค้าถึงช่วยเพิ่มยอดขาย?

  • ลูกค้า 36% มีแนวโน้มจะซื้อเพิ่ม หากได้รับคำแนะนำสินค้าที่เหมาะสม

  • การแนะนำสินค้าช่วย เพิ่มมูลค่าการซื้อเฉลี่ย (AOV - Average Order Value)

4.2 วิธีออกแบบ UX/UI ให้รองรับการแนะนำสินค้า

  • เพิ่ม "สินค้าที่เกี่ยวข้อง" ใต้หน้าสินค้า

  • ใช้ AI วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อ และแนะนำสินค้าที่คล้ายกัน

  • แสดง "สินค้ายอดนิยม" หรือ "สินค้าที่ลูกค้าคนอื่นซื้อร่วมกัน"

ตัวอย่าง: เว็บไซต์ที่เพิ่ม AI-based recommendations พบว่า ยอดขายเพิ่มขึ้น 15% โดยลูกค้าเลือกซื้อสินค้าที่แนะนำมากขึ้น

 

5. สรุป: ออกแบบ UX/UI อย่างไรให้ลูกค้าซื้อของง่ายขึ้น?

Key Takeaways

  1. ทำให้ระบบค้นหาสินค้าใช้งานง่าย ด้วย Smart Search และตัวกรองขั้นสูง

  2. ออกแบบหน้าสินค้าให้ครบถ้วน มีข้อมูล รายละเอียด และรีวิวจากลูกค้าจริง

  3. ปรับปรุงขั้นตอน Checkout ให้สั้นที่สุด เพื่อลดการละทิ้งตะกร้า

  4. ใช้ระบบแนะนำสินค้า เพื่อช่วยให้ลูกค้าเลือกซื้อสินค้าเพิ่ม

ข้อสรุป

UX/UI ที่ดีช่วยให้ลูกค้าสั่งซื้อสินค้าบนเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซได้ง่ายขึ้น ลดอุปสรรคในการซื้อ เพิ่มโอกาสในการขาย และทำให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ ธุรกิจที่ต้องการเพิ่ม Conversion Rate ควรลงทุนในการออกแบบ UX/UI ที่ช่วยให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุดตลอดการซื้อสินค้าออนไลน์

 

Written by
Chu Chawit Supanichpol
Chu Chawit Supanichpol

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
16 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
16 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
16 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy