17Feb, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
17 February, 2025
Thai

การใช้ CRM เพื่อเพิ่มยอดขายและความภักดีของลูกค้า

By

2 mins read
การใช้ CRM เพื่อเพิ่มยอดขายและความภักดีของลูกค้า

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันทางธุรกิจสูงขึ้น การรักษาฐานลูกค้าและเพิ่มยอดขายเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับทุกธุรกิจ ไม่ว่าธุรกิจของคุณจะเป็น SME หรือองค์กรขนาดใหญ่ ระบบบริหารลูกค้าสัมพันธ์ (Customer Relationship Management – CRM) เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่มีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ธุรกิจ เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง ปรับปรุงกลยุทธ์ทางการตลาด และเพิ่มยอดขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

CRM ไม่เพียงแต่เป็นซอฟต์แวร์จัดเก็บข้อมูลลูกค้าเท่านั้น แต่ยังเป็น กลยุทธ์ที่ช่วยให้ธุรกิจสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ทำให้ลูกค้าเกิดความภักดี และกระตุ้นการซื้อซ้ำ

บทความนี้จะกล่าวถึง ความสำคัญของ CRM ต่อการเพิ่มยอดขายและความภักดีของลูกค้า พร้อมทั้งเคล็ดลับในการนำ CRM ไปใช้ในธุรกิจให้เกิดประโยชน์สูงสุด

 

CRM คืออะไร?

CRM หรือ Customer Relationship Management คือระบบที่ช่วยให้ธุรกิจ จัดเก็บข้อมูลลูกค้า ติดตามพฤติกรรม และวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ระยะยาว

ฟีเจอร์หลักของ CRM ได้แก่

  • การจัดเก็บข้อมูลลูกค้า เช่น ชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล และประวัติการซื้อ
  • การติดตามพฤติกรรมลูกค้า เช่น การเข้าชมเว็บไซต์ ประวัติการสั่งซื้อ และการตอบสนองต่อแคมเปญการตลาด
  • การบริหารโอกาสทางการขาย ช่วยให้ทีมขายติดตามสถานะลูกค้าแต่ละรายและปิดการขายได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
  • การทำการตลาดอัตโนมัติ เช่น การส่งอีเมลโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม การติดตามลูกค้าผ่านโซเชียลมีเดีย และการแนะนำสินค้าที่เหมาะสม

CRM สามารถช่วยให้ธุรกิจ เข้าใจพฤติกรรมลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น และช่วยให้สามารถ สร้างประสบการณ์การซื้อที่ดีขึ้น ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าเกิดความภักดีและเพิ่มโอกาสในการขาย

 

การใช้ CRM เพื่อเพิ่มยอดขาย

1. การวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าเพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ

หนึ่งในข้อได้เปรียบหลักของ CRM คือความสามารถในการ วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าและช่วยให้ธุรกิจสามารถนำเสนอสินค้าหรือบริการได้ตรงกับความต้องการของลูกค้า

ตัวอย่างกลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้

  • วิเคราะห์ ประวัติการซื้อสินค้า และแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสม
  • ส่ง ข้อเสนอพิเศษเฉพาะบุคคล ผ่านอีเมลหรือ SMS
  • ใช้ AI ใน CRM เพื่อคาดการณ์แนวโน้มความต้องการของลูกค้า

 

2. การบริหารโอกาสทางการขาย (Sales Pipeline Management)

CRM ช่วยให้ทีมขายสามารถ ติดตามกระบวนการขาย ได้อย่างเป็นระบบ ตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกจนถึงการปิดการขาย

กลยุทธ์ที่สามารถนำไปใช้

  • ติดตามสถานะของลูกค้าแต่ละราย เพื่อให้ทีมขายสามารถเข้าใจว่าลูกค้าอยู่ในขั้นตอนไหนของการตัดสินใจซื้อ
  • ตั้งค่าการแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อให้ทีมขายติดตามลูกค้าที่สนใจสินค้า แต่ยังไม่ได้ทำการซื้อ
  • ใช้ข้อมูล CRM เพื่อคาดการณ์แนวโน้มยอดขาย และปรับปรุงกลยุทธ์การขายให้เหมาะสม

 

3. การทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing)

CRM สามารถช่วยให้ธุรกิจทำการตลาดที่ ตรงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น โดยใช้ข้อมูลลูกค้าในการกำหนดแคมเปญทางการตลาดที่เหมาะสม

ตัวอย่างกลยุทธ์

  • ส่งโปรโมชั่นที่ตรงกับพฤติกรรมการซื้อ ของลูกค้าแต่ละราย
  • ทำ Email Marketing ที่เฉพาะเจาะจง เช่น ส่งอีเมลแนะนำสินค้าใหม่ให้กับลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าประเภทเดียวกัน
  • ทำ Retargeting Ads เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาซื้อซ้ำ

 

การใช้ CRM เพื่อสร้างความภักดีของลูกค้า

1. ปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า (Customer Experience)

CRM ช่วยให้ธุรกิจสามารถ เข้าใจลูกค้าและให้บริการได้ดียิ่งขึ้น ส่งผลให้ลูกค้าพึงพอใจและกลับมาใช้บริการซ้ำ

ตัวอย่างกลยุทธ์

  • ใช้ CRM เพื่อบันทึก ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับลูกค้า ทำให้ทีมขายและฝ่ายบริการสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย
  • ตั้งค่าระบบแจ้งเตือน เพื่อติดต่อลูกค้าหลังการซื้อ และสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการ
  • ใช้ CRM เพื่อ จัดการข้อร้องเรียนของลูกค้าได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

 

2. ใช้ CRM เพื่อสร้างโปรแกรมสะสมแต้มและรางวัล

ลูกค้าที่ได้รับ สิทธิพิเศษและรางวัล มักจะมีแนวโน้มกลับมาซื้อซ้ำและแนะนำแบรนด์ให้ผู้อื่น

ตัวอย่างกลยุทธ์

  • สร้าง โปรแกรมสะสมแต้ม ที่ให้ลูกค้าได้รับคะแนนทุกครั้งที่ซื้อสินค้า และสามารถนำไปแลกของรางวัลหรือส่วนลด
  • เสนอ ส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าประจำ
  • แจ้งเตือนลูกค้าเมื่อพวกเขา ใกล้ถึงระดับที่สามารถรับรางวัลได้

 

3. ใช้ CRM เพื่อสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

CRM ไม่ได้เป็นเพียงเครื่องมือขายสินค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้าง ความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า

ตัวอย่างกลยุทธ์

  • ส่งข้อความ อวยพรวันเกิดหรือวันสำคัญ ของลูกค้า พร้อมส่วนลดพิเศษ
  • ใช้ CRM เพื่อ ติดตามและส่งข้อเสนอพิเศษให้ลูกค้าที่ไม่ได้ซื้อสินค้ามานาน
  • สร้าง ชุมชนลูกค้าออนไลน์ ที่ลูกค้าสามารถแบ่งปันประสบการณ์และความคิดเห็นเกี่ยวกับสินค้า

 

ตัวอย่างผลลัพธ์ของการใช้ CRM ในธุรกิจ

ก่อนใช้ CRM

  • ธุรกิจขาดข้อมูลลูกค้าและไม่สามารถติดตามพฤติกรรมการซื้อได้
  • ทีมขายทำงานแยกกันและไม่มีข้อมูลลูกค้ารวมศูนย์
  • ธุรกิจไม่สามารถทำการตลาดที่ตรงกลุ่มเป้าหมายได้
  • ลูกค้าไม่ได้รับประสบการณ์ที่ดีและไม่มีความภักดีต่อแบรนด์

 

หลังใช้ CRM

  • ทีมขายสามารถติดตามโอกาสการขายและบริหารลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ธุรกิจสามารถทำการตลาดแบบเฉพาะบุคคลและเพิ่มยอดขายได้
  • ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้นและมีความภักดีต่อแบรนด์มากขึ้น
  • สามารถติดตามลูกค้าเดิมและกระตุ้นให้กลับมาซื้อซ้ำได้ง่ายขึ้น

 

สรุป

การใช้ CRM ไม่เพียงแต่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ เพิ่มยอดขาย ได้เท่านั้น แต่ยังช่วย สร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับลูกค้า ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้ลูกค้ากลายเป็นลูกค้าประจำ

หากธุรกิจสามารถใช้ CRM ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะสามารถ วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ปรับกลยุทธ์ทางการตลาด เพิ่มยอดขาย และทำให้ลูกค้ารู้สึกได้รับการดูแล

สำหรับธุรกิจที่ยังไม่ได้ใช้ CRM การเริ่มต้นใช้ระบบนี้จะช่วยให้ธุรกิจสามารถ แข่งขันได้ดีขึ้น ขยายตลาด และเพิ่มโอกาสในการเติบโตอย่างยั่งยืน

Written by
Ae Tharatip Maneewan
Ae Tharatip Maneewan

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

23
March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
23 March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
23
March, 2025
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
23 March, 2025
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital

By

4 mins read
English
23
March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
23 March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.