การใช้ AI และ Machine Learning ในการตรวจจับการฉ้อโกงทางการเงิน

Business
2 mins read
2 mins read

Published

13 January, 2025

Language

Thai

Written by

Share

การใช้ AI และ Machine Learning ในการตรวจจับการฉ้อโกงทางการเงิน

ในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมทางการเงินออนไลน์เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัญหาการฉ้อโกงทางการเงินกลายเป็นความท้าทายสำคัญสำหรับสถาบันการเงินทั่วโลก ความซับซ้อนของการฉ้อโกงที่เพิ่มขึ้นทำให้การใช้เครื่องมือดั้งเดิมไม่เพียงพอในการจัดการ การนำ AI (Artificial Intelligence) และ Machine Learning มาใช้จึงเป็นแนวทางที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและตรวจจับการฉ้อโกงได้อย่างมีประสิทธิผล

บทความนี้จะอธิบายการทำงานของ AI และ Machine Learning ในการวิเคราะห์พฤติกรรมทางการเงิน เพื่อตรวจจับธุรกรรมที่น่าสงสัยแบบเรียลไทม์ พร้อมกรณีศึกษาที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จในการลดอัตราการฉ้อโกงด้วยเทคโนโลยีดังกล่าว

การตรวจจับการฉ้อโกงทางการเงินด้วย AI และ Machine Learning

การฉ้อโกงทางการเงินมีรูปแบบที่หลากหลาย ตั้งแต่การขโมยข้อมูลบัตรเครดิต การโอนเงินที่ไม่ได้รับอนุญาต ไปจนถึงการฟอกเงิน (Money Laundering) AI และ Machine Learning ได้เข้ามาแทนที่กระบวนการตรวจสอบแบบเดิม ซึ่งมักต้องใช้เวลานานและมีความเสี่ยงต่อความผิดพลาดของมนุษย์

วิธีการทำงานของ AI และ Machine Learning:

  1. การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลธุรกรรม
    ระบบจะรวบรวมข้อมูลธุรกรรมจำนวนมากจากฐานข้อมูลของธนาคาร เช่น การโอนเงิน การชำระเงินด้วยบัตรเครดิต และพฤติกรรมการใช้บัญชี

  2. การสร้างรูปแบบพฤติกรรมปกติ (Baseline Behavior)
    Machine Learning จะวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างรูปแบบพฤติกรรมปกติของผู้ใช้งาน เช่น ช่วงเวลาที่ทำธุรกรรม จำนวนเงิน และสถานที่ที่ใช้จ่าย

  3. การตรวจจับความผิดปกติ (Anomaly Detection)
    หากระบบพบพฤติกรรมที่ไม่ตรงกับรูปแบบปกติ เช่น การทำธุรกรรมในต่างประเทศที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน หรือการชำระเงินด้วยจำนวนเงินสูงผิดปกติ ระบบจะส่งสัญญาณเตือน

  4. การตัดสินใจแบบเรียลไทม์
    AI สามารถตัดสินใจได้ทันทีว่าจะอนุญาตหรือระงับธุรกรรม เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น

 

กรณีศึกษา: การลดการฉ้อโกงด้วย AI

ธนาคารแห่งหนึ่งนำระบบ AI และ Machine Learning มาใช้ในการตรวจจับการฉ้อโกง พบว่าสามารถลดอัตราการฉ้อโกงได้ถึง 40% ภายในเวลาเพียงหนึ่งปี

ขั้นตอนการดำเนินงาน:

  1. การฝึกโมเดลด้วยข้อมูลในอดีต
    ระบบได้รับการฝึกด้วยข้อมูลธุรกรรมในอดีต ซึ่งรวมถึงธุรกรรมที่เป็นการฉ้อโกงและธุรกรรมปกติ เพื่อให้สามารถแยกแยะรูปแบบที่แตกต่างกันได้

  2. การตรวจสอบแบบเรียลไทม์
    เมื่อมีธุรกรรมใหม่เกิดขึ้น ระบบ AI จะวิเคราะห์ข้อมูลทันที และเปรียบเทียบกับรูปแบบที่เคยเรียนรู้ เพื่อระบุว่าธุรกรรมนั้นน่าสงสัยหรือไม่

  3. การตอบสนองทันที
    ธนาคารสามารถระงับธุรกรรมที่น่าสงสัยได้ทันที พร้อมส่งการแจ้งเตือนให้ลูกค้าตรวจสอบ

ผลลัพธ์:
การนำ AI และ Machine Learning มาใช้ช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการตรวจจับและลดความเสียหายทางการเงิน ทั้งยังช่วยสร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้าในการใช้บริการทางการเงินออนไลน์

 

ข้อดีของการใช้ AI และ Machine Learning ในการตรวจจับการฉ้อโกง

  1. การตรวจจับแบบเรียลไทม์
    AI สามารถวิเคราะห์ธุรกรรมได้ในเสี้ยววินาที ลดความล่าช้าในการตรวจจับการฉ้อโกง

  2. ความแม่นยำสูง
    Machine Learning สามารถเรียนรู้และปรับปรุงความแม่นยำในการระบุธุรกรรมที่น่าสงสัยได้อย่างต่อเนื่อง

  3. ลดข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์
    ระบบอัตโนมัติช่วยลดโอกาสของความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการตรวจสอบด้วยมือ

  4. ป้องกันความเสียหายล่วงหน้า
    การตอบสนองที่รวดเร็วช่วยลดความเสียหายทางการเงิน และป้องกันการโจมตีเพิ่มเติมในอนาคต

 

ความท้าทายในการใช้ AI และ Machine Learning

แม้ว่าการใช้ AI และ Machine Learning จะมีประโยชน์มากมาย แต่ก็มีความท้าทายที่ต้องพิจารณา:

  • ข้อมูลที่มีคุณภาพ
    การตรวจจับที่แม่นยำต้องอาศัยข้อมูลที่ถูกต้องและมีปริมาณเพียงพอ หากข้อมูลมีข้อบกพร่อง ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่แม่นยำ

  • ความซับซ้อนของการฉ้อโกง
    ผู้ฉ้อโกงมักปรับเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว ทำให้ระบบ AI ต้องได้รับการอัปเดตอย่างต่อเนื่อง

  • ต้นทุนในการพัฒนา
    การพัฒนาระบบ AI และ Machine Learning ต้องอาศัยการลงทุนทั้งในด้านเทคโนโลยีและบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ

 

อนาคตของการตรวจจับการฉ้อโกงทางการเงินด้วย AI

การพัฒนา AI และ Machine Learning จะยังคงก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงกระบวนการตรวจจับการฉ้อโกงให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น แนวโน้มที่น่าสนใจในอนาคต ได้แก่:

  1. การรวมข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
    การวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น บัญชีธนาคาร โซเชียลมีเดีย และพฤติกรรมออนไลน์ เพื่อให้ได้ข้อมูลเชิงลึกที่ครอบคลุม

  2. การเรียนรู้แบบต่อเนื่อง (Continuous Learning)
    ระบบ AI จะสามารถเรียนรู้และปรับตัวตามรูปแบบการฉ้อโกงใหม่ๆ โดยอัตโนมัติ

  3. การทำงานร่วมกับมนุษย์
    AI จะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่ช่วยให้ผู้ตรวจสอบมนุษย์สามารถตัดสินใจได้เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น

 

บทสรุป

AI และ Machine Learning เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยป้องกันการฉ้อโกงในระบบการเงิน ด้วยการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์ ช่วยลดความเสียหายทางการเงินและเพิ่มความไว้วางใจในระบบ อย่างไรก็ตาม การพัฒนาระบบดังกล่าวต้องอาศัยข้อมูลที่มีคุณภาพและการปรับตัวต่อกลยุทธ์ของผู้ฉ้อโกงอย่างต่อเนื่อง ในอนาคต AI จะกลายเป็นพันธมิตรสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงในระบบการเงินและปกป้องผู้ใช้งานจากการถูกฉ้อโกงอย่างมีประสิทธิภาพ

 

Written by
Nun Nuntachat Youpanich
Nun Nuntachat Youpanich

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
18 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
18 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
18 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy