การใช้ AI Agent ในการสร้างกลยุทธ์ Retargeting ที่มีประสิทธิภาพ

Business
2 mins read
2 mins read

Published

22 January, 2025

Language

Thai

Written by

Share

การใช้ AI Agent ในการสร้างกลยุทธ์ Retargeting ที่มีประสิทธิภาพ

ในยุคที่การตัดสินใจซื้อของลูกค้าอาจใช้เวลานาน การที่ลูกค้าเข้าชมเว็บไซต์แต่ไม่ดำเนินการซื้อจนเสร็จ อาจทำให้ธุรกิจสูญเสียโอกาสสำคัญ AI Agent ได้กลายเป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการ Retargeting โดยการติดตามพฤติกรรมลูกค้าและนำเสนอข้อเสนอพิเศษที่เหมาะสม ช่วยดึงดูดลูกค้าให้กลับมาดำเนินการซื้อสินค้า หรือบริการจนเสร็จสมบูรณ์

บทความนี้จะสำรวจบทบาทของ AI Agent ในการสร้างกลยุทธ์ Retargeting พร้อมกรณีศึกษาจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยวที่ใช้ AI ดึงดูดลูกค้าให้กลับมาจองบริการด้วยโปรโมชั่นเฉพาะบุคคล

 

AI Agent กับการสร้างกลยุทธ์ Retargeting: ทำงานอย่างไร

AI Agent ใช้เทคโนโลยี Machine Learning และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกเพื่อสร้างแคมเปญ Retargeting ที่ตรงเป้าหมาย โดยมีขั้นตอนดังนี้:

1. การติดตามพฤติกรรมลูกค้า

AI Agent เก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าบนเว็บไซต์ เช่น สินค้าหรือบริการที่ดู รายการที่เพิ่มในรถเข็น และหน้าเพจที่เข้าชม

  • ประโยชน์: เข้าใจว่าลูกค้าสนใจอะไร และเหตุใดพวกเขาจึงละทิ้งเว็บไซต์ก่อนการซื้อ

2. การวิเคราะห์สาเหตุที่ลูกค้าละทิ้ง

AI วิเคราะห์ปัจจัยที่ทำให้ลูกค้าไม่ดำเนินการต่อ เช่น ราคาไม่เหมาะสม ขั้นตอนที่ซับซ้อน หรือการขาดความมั่นใจในสินค้า

  • ประโยชน์: ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจจุดที่ต้องปรับปรุงและพัฒนาข้อเสนอให้เหมาะสม

3. การสร้างข้อเสนอส่วนบุคคล

AI ใช้ข้อมูลพฤติกรรมเพื่อสร้างโปรโมชั่นหรือข้อเสนอที่ดึงดูด เช่น ส่วนลดพิเศษหรือการจัดส่งฟรี

  • ประโยชน์: เพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้ากลับมาดำเนินการซื้อ

4. การเลือกช่องทางการ Retargeting

AI ช่วยเลือกช่องทางที่เหมาะสม เช่น การส่งอีเมล การแสดงโฆษณาบนโซเชียลมีเดีย หรือข้อความแจ้งเตือนผ่านแอปพลิเคชัน

  • ประโยชน์: สื่อสารกับลูกค้าในช่องทางที่พวกเขาใช้งานบ่อยที่สุด

5. การปรับแต่งและติดตามผลลัพธ์

AI ติดตามการตอบสนองของลูกค้าต่อแคมเปญ Retargeting และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ตามผลลัพธ์

  • ประโยชน์: ปรับปรุงแคมเปญอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

 

กรณีศึกษา: แพลตฟอร์มท่องเที่ยวเพิ่มอัตราการจองด้วย AI

สถานการณ์:
แพลตฟอร์มท่องเที่ยวพบว่าลูกค้าจำนวนมากเข้าชมหน้าเพจที่พักหรือแพ็กเกจทัวร์ แต่ละทิ้งเว็บไซต์โดยไม่ทำการจอง ส่งผลให้พลาดโอกาสทางธุรกิจ

กระบวนการที่ดำเนินการ:

  1. การติดตามพฤติกรรมลูกค้า:
    AI Agent วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้าที่เข้าชมหน้าเพจ เช่น จุดหมายปลายทาง วันที่ค้นหา และราคาที่สนใจ

  2. การวิเคราะห์สาเหตุ:
    ระบบพบว่าลูกค้าบางส่วนลังเลเพราะราคา หรือยังต้องการเปรียบเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น

  3. การส่งโปรโมชั่นส่วนบุคคล:
    AI ส่งข้อเสนอ เช่น ส่วนลดพิเศษ 10% สำหรับการจองที่พักในจุดหมายปลายทางที่ลูกค้าดูบ่อย

  4. การเลือกช่องทางการสื่อสาร:
    โปรโมชั่นถูกส่งผ่านอีเมล พร้อมโฆษณาบนโซเชียลมีเดียที่แสดงแพ็กเกจเดียวกัน

  5. การติดตามผลลัพธ์:
    AI ติดตามว่าลูกค้ากลับมาจองบริการหรือไม่ และปรับข้อเสนอในอนาคตตามพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลง

ผลลัพธ์:

  • อัตราการจองเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

  • ลูกค้ารู้สึกประทับใจกับข้อเสนอที่ตอบโจทย์ความต้องการ

  • รายได้ของแพลตฟอร์มเพิ่มขึ้นจากการ Retargeting ที่มีประสิทธิภาพ

 

ข้อดีของการใช้ AI Agent ในการสร้างกลยุทธ์ Retargeting

  1. เพิ่ม Conversion Rate:
    ข้อเสนอที่ตรงใจช่วยกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมาดำเนินการซื้อจนเสร็จ

  2. ลดอัตราการละทิ้งเว็บไซต์:
    การเข้าใจเหตุผลที่ลูกค้าละทิ้งช่วยลดอุปสรรคในกระบวนการซื้อ

  3. เพิ่มประสิทธิภาพการสื่อสาร:
    AI เลือกช่องทางที่เหมาะสมในการสื่อสาร ช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดลูกค้า

  4. เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า:
    ข้อเสนอเฉพาะบุคคลทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าธุรกิจเข้าใจและใส่ใจในความต้องการ

  5. ปรับปรุงกลยุทธ์การตลาด:
    ข้อมูลที่ได้จากการติดตามและวิเคราะห์ช่วยให้ธุรกิจพัฒนากลยุทธ์การ Retargeting ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

ข้อควรพิจารณาในการใช้ AI Agent สำหรับ Retargeting

  1. ความปลอดภัยของข้อมูล:
    ข้อมูลพฤติกรรมลูกค้าต้องได้รับการจัดเก็บและใช้อย่างปลอดภัย เพื่อป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

  2. การสร้างข้อเสนอที่เหมาะสม:
    ข้อเสนอที่ส่งไปควรตรงกับความสนใจของลูกค้า ไม่มากจนทำให้เกิดความรำคาญ

  3. ความแม่นยำของ AI:
    AI ควรมีความแม่นยำในการวิเคราะห์พฤติกรรม เพื่อสร้างแคมเปญที่ตรงจุด

  4. การติดตามผลอย่างต่อเนื่อง:
    ควรมีการติดตามและปรับปรุงแคมเปญตามผลลัพธ์ที่ได้

 

อนาคตของ AI Agent ในการสร้างกลยุทธ์ Retargeting

AI Agent จะยังคงพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพใน Retargeting โดยมีแนวโน้มสำคัญดังนี้:

  • การวิเคราะห์แบบเรียลไทม์:
    AI จะสามารถสร้างข้อเสนอและส่งข้อความในเวลาที่เหมาะสมที่สุด

  • การใช้ AI ในเทคโนโลยีใหม่:
    เช่น AR/VR เพื่อเพิ่มประสบการณ์การ Retargeting ที่น่าสนใจ

  • การผสานข้อมูลแบบ Omnichannel:
    AI จะสามารถรวบรวมข้อมูลจากหลายช่องทางเพื่อสร้างแคมเปญ Retargeting ที่ครอบคลุม

  • การเรียนรู้ที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น:
    AI จะสามารถวิเคราะห์ข้อมูลที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อคาดการณ์ความต้องการลูกค้าได้อย่างแม่นยำ

 

บทสรุป


AI Agent เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างกลยุทธ์ Retargeting ที่มีประสิทธิภาพ โดยการติดตามพฤติกรรมลูกค้า วิเคราะห์สาเหตุการละทิ้ง และสร้างข้อเสนอที่ตรงใจ กรณีศึกษาจากแพลตฟอร์มท่องเที่ยวแสดงให้เห็นว่า AI สามารถเพิ่มอัตราการจองและความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีนัยสำคัญ ในอนาคต AI จะยังคงพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจในทุกอุตสาหกรรม

 

Written by
Kant Kant Sunthad
Kant Kant Sunthad

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
18 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
18 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
18 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy