การวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ด้วย Google Analytics

Business
3 mins read
3 mins read

Published

22 November, 2024

Language

Thai

Written by

Share

การวิเคราะห์และเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ด้วย Google Analytics

การเพิ่มประสิทธิภาพ SEO เป็นมากกว่าการใช้คีย์เวิร์ดและการเขียนเนื้อหาที่น่าสนใจ เพื่อให้เว็บไซต์สามารถแข่งขันได้ในโลกออนไลน์ปัจจุบัน เราจำเป็นต้องใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากที่สุด หนึ่งในเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการวิเคราะห์ข้อมูลบนเว็บไซต์คือ Google Analytics ที่ช่วยให้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้และวิเคราะห์ข้อมูลสำคัญที่สามารถนำไปปรับปรุง SEO ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Google Analytics คืออะไรและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ได้อย่างไร?

Google Analytics เป็นเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลเว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ใช้งาน ช่วยให้เรารู้ถึงจำนวนการเข้าชม ระยะเวลาที่ผู้ใช้ใช้บนเว็บไซต์ หน้าเว็บที่ผู้ใช้สนใจ และข้อมูลอื่น ๆ ที่สำคัญในการวิเคราะห์การทำงานของเว็บไซต์ เครื่องมือนี้จึงเป็นที่นิยมและทรงพลังสำหรับการทำ SEO เพราะช่วยให้เรามองเห็นภาพรวมของประสบการณ์ผู้ใช้และระบุปัญหาที่อาจจะส่งผลต่อการจัดอันดับในผลการค้นหาออนไลน์

ฟีเจอร์สำคัญของ Google Analytics ที่ส่งผลต่อการทำ SEO

  1. การวิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้
    Google Analytics ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการเข้าชมแต่ละหน้า การคลิก การเลื่อนหน้า และการออกจากหน้าเว็บ ทำให้เราทราบได้ว่าเนื้อหาหน้าไหนที่มีการเข้าชมน้อยหรือผู้ใช้ไม่น่าสนใจ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถปรับปรุงเนื้อหาหรือการออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น

  2. การวิเคราะห์แหล่งที่มาของทราฟฟิก
    เราสามารถดูได้ว่าแหล่งที่มาของการเข้าชมเว็บไซต์มาจากช่องทางใดบ้าง เช่น การค้นหาทั่วไป (Organic Search), โซเชียลมีเดีย (Social Media), หรือการเข้าชมจากเว็บไซต์อื่น ๆ ข้อมูลนี้ช่วยให้เราทราบว่าแหล่งทราฟฟิกใดที่มีประสิทธิภาพและช่วยเพิ่มการมองเห็นให้กับเว็บไซต์

  3. การติดตามการแปลง (Conversion Tracking)
    Google Analytics ช่วยให้เราตั้งค่า Conversion Tracking เพื่อวัดจำนวนการแปลง เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก หรือการกรอกฟอร์ม ข้อมูลการแปลงจะช่วยให้เราทราบถึงความสำเร็จในการทำธุรกรรมบนเว็บไซต์ และช่วยให้เราปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำธุรกรรมได้

  4. การวิเคราะห์คีย์เวิร์ดและคำค้นหายอดนิยม
    Google Analytics ช่วยให้เราทราบว่าคีย์เวิร์ดใดที่ดึงดูดผู้ใช้ให้เข้ามายังเว็บไซต์ โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดจากการค้นหาทั่วไปที่ส่งผลให้ผู้ใช้คลิกเข้าชมเว็บไซต์ ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้เราสามารถเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และปรับปรุงเนื้อหาตามคำค้นหาที่ผู้ใช้สนใจ

กรณีศึกษา: การใช้ Google Analytics เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพ SEO ของร้านค้าอีคอมเมิร์ซ

ร้านค้าอีคอมเมิร์ซแห่งหนึ่งได้นำ Google Analytics มาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมของผู้ใช้งานบนเว็บไซต์ พบว่ามีหน้าเว็บบางหน้าที่มียอดการคลิกและการเข้าชมน้อยเมื่อเทียบกับหน้าอื่น ๆ แม้หน้าดังกล่าวจะเป็นหน้าที่มีสินค้าที่น่าสนใจ ทางร้านจึงได้ปรับปรุงหน้าเว็บเหล่านั้นด้วยการแก้ไขเนื้อหา ปรับโครงสร้างการแสดงสินค้า และเพิ่มปุ่มการดำเนินการ (Call to Action) ที่ชัดเจนขึ้น

หลังจากทำการปรับปรุงดังกล่าว ร้านค้าได้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน ทั้งยอดการเข้าชมและอัตราการทำธุรกรรมที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในเครื่องมือค้นหา เนื่องจากผู้ใช้อยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นและเข้าชมเนื้อหาที่น่าสนใจมากขึ้น

ขั้นตอนการใช้ Google Analytics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

  1. ตั้งค่าการติดตามและกำหนดเป้าหมาย
    การตั้งค่า Google Analytics ให้รองรับการติดตาม Conversion และกำหนดเป้าหมายช่วยให้คุณเห็นผลลัพธ์จากการเข้าชมเว็บไซต์ว่าเป็นไปตามที่ตั้งไว้หรือไม่ การตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนเช่น การซื้อสินค้า การกรอกฟอร์ม หรือติดตามว่าผู้ใช้เยี่ยมชมหน้าสำคัญหรือไม่ จะช่วยให้คุณสามารถวัดผลลัพธ์ SEO ได้อย่างแม่นยำ

  2. วิเคราะห์พฤติกรรมการเข้าชมและการใช้เว็บไซต์
    Google Analytics มีฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณวิเคราะห์พฤติกรรมการเข้าชม เช่น จำนวนหน้าเฉลี่ยที่ผู้ใช้เยี่ยมชม, อัตราการเด้งออกจากหน้าเว็บ (Bounce Rate), และเวลาที่ใช้ในแต่ละหน้า ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้คุณทราบว่าผู้ใช้ให้ความสนใจในเนื้อหาประเภทใด และส่วนใดของเว็บไซต์ที่ควรปรับปรุง

  3. วิเคราะห์แหล่งที่มาของทราฟฟิก (Traffic Sources)
    การรู้ว่าแหล่งที่มาของทราฟฟิกมาจากช่องทางใดช่วยให้คุณปรับกลยุทธ์การตลาดให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า เช่น หากการเข้าชมส่วนใหญ่ของเว็บไซต์มาจากการค้นหาทั่วไป (Organic Search) แสดงว่า SEO ของคุณกำลังมีประสิทธิภาพดี ในขณะเดียวกัน หากพบว่าการเข้าชมจากโซเชียลมีเดียมีน้อย การเพิ่มการโปรโมทในช่องทางนี้อาจช่วยเพิ่มการมองเห็นได้

  4. ติดตามและวิเคราะห์คีย์เวิร์ดที่มีประสิทธิภาพ
    Google Analytics ช่วยให้คุณทราบว่าผู้ใช้เข้ามาจากคีย์เวิร์ดใด โดยเฉพาะคีย์เวิร์ดที่ได้ผลดีในการดึงดูดทราฟฟิก การใช้ข้อมูลนี้ช่วยให้คุณเลือกใช้คีย์เวิร์ดที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้มากขึ้น และปรับเนื้อหาให้ครอบคลุมคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้สนใจ ซึ่งส่งผลดีต่อ SEO โดยรวม

  5. ปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ตามข้อมูลที่ได้รับ
    หลังจากวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้จาก Google Analytics แล้ว ควรนำข้อมูลไปใช้ในการปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ เช่น ปรับปรุงการวางปุ่ม Call to Action, แก้ไขเนื้อหาที่ไม่ได้รับความสนใจ และสร้างหน้าเพจเพิ่มเติมตามคำค้นหายอดนิยม ซึ่งช่วยให้เว็บไซต์เป็นที่น่าสนใจและตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้มากยิ่งขึ้น

เทคนิคเพิ่มเติมในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO ด้วย Google Analytics

  1. ใช้การวิเคราะห์คำค้นหาภายในเว็บไซต์ (Site Search)
    หากเว็บไซต์ของคุณมีระบบค้นหาภายใน คำค้นหาที่ผู้ใช้ค้นหาบนเว็บไซต์สามารถช่วยให้คุณเข้าใจถึงสิ่งที่ผู้ใช้กำลังมองหา การปรับปรุงเนื้อหาตามคำค้นหาภายในจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตอบสนองความต้องการของผู้ใช้

  2. ตั้งค่าการติดตามลิงก์ขาออก (Outbound Link Tracking)
    หากเว็บไซต์ของคุณมีลิงก์ขาออกที่เชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์อื่น การติดตามลิงก์ขาออกจะช่วยให้คุณทราบว่าผู้ใช้สนใจในเนื้อหาใดและคลิกออกไปยังเว็บไซต์ใด การปรับเนื้อหาให้สอดคล้องกับสิ่งที่ผู้ใช้สนใจจะช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์

  3. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย (Audience Segmentation)
    การวิเคราะห์กลุ่มเป้าหมายช่วยให้คุณเข้าใจถึงความแตกต่างของผู้ใช้แต่ละกลุ่ม เช่น ผู้ใช้จากช่องทางการค้นหาอาจมีพฤติกรรมที่แตกต่างจากผู้ใช้ที่มาจากโซเชียลมีเดีย การทำการตลาดและปรับเนื้อหาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และเพิ่มความพึงพอใจของผู้ใช้

  4. ใช้ข้อมูลเหตุการณ์ (Event Tracking) ในการวิเคราะห์การกระทำของผู้ใช้
    การติดตามเหตุการณ์ช่วยให้คุณวัดการกระทำต่าง ๆ ที่ผู้ใช้ทำบนเว็บไซต์ เช่น การคลิกปุ่ม การเลื่อนหน้า และการดาวน์โหลดไฟล์ ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้ได้ลึกซึ้งมากขึ้น และปรับปรุงหน้าเว็บให้มีการนำเสนอที่ตอบโจทย์ได้ดีขึ้น

ประโยชน์ของการวิเคราะห์ SEO ด้วย Google Analytics

  1. เพิ่มโอกาสในการจัดอันดับสูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา
    ข้อมูลเชิงลึกจาก Google Analytics ช่วยให้เราสามารถปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ให้ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ SEO และช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสจัดอันดับที่สูงขึ้นในเครื่องมือค้นหา

  2. เพิ่มยอดการเข้าชมและโอกาสในการทำธุรกรรม
    การปรับปรุงหน้าเว็บที่มียอดการเข้าชมต่ำช่วยให้เว็บไซต์เป็นที่น่าสนใจมากขึ้น เพิ่มโอกาสในการทำธุรกรรมและดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ

  3. ลดอัตราการเด้งออกจากหน้าเว็บ (Bounce Rate)
    เมื่อเว็บไซต์ได้รับการปรับปรุงตามข้อมูลที่วิเคราะห์จาก Google Analytics จะช่วยให้ผู้ใช้พบเนื้อหาที่ตอบโจทย์และอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหา

ข้อสรุป: การใช้ Google Analytics เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ SEO

การวิเคราะห์ข้อมูลบนเว็บไซต์ด้วย Google Analytics เป็นเครื่องมือสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพ SEO การติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้ การวิเคราะห์ทราฟฟิก และการใช้ข้อมูลเชิงลึกเพื่อปรับปรุงเนื้อหาและโครงสร้างเว็บไซต์ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มการเข้าชม แต่ยังช่วยให้เว็บไซต์มีอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหา การใช้ Google Analytics อย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นกลยุทธ์ที่ช่วยเพิ่มความสำเร็จให้กับการทำ SEO

 

Written by
Kant Kant Sunthad
Kant Kant Sunthad

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
18 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
18 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
18 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy