How to Work From Home: คู่มือทำงานให้ได้งาน ฉบับพกพา

ถึงแม้หลายที่ หลายบริษัท จะมีนโยบายให้พนักงานได้ทำงานอยุ่บ้าน (Work from home) กันไปบ้างเเล้วตั้งเเต่การระบาดของโควิด ในระลอกแรก ๆ แต่เชื่อว่าไม่ใช่ทุกคนจะชิน และปรับตัวได้เป็นอย่างดี แม้แต่คนที่ชอบการทำงานอยู่บ้านยังต้องมีวันเบื่อ...
วันนี้ Senna Labs จัดทำคู่มือ How to Work from Home ทำงานให้ได้งาน ฉบับพกพา ให้ทุกคนได้ลองทบทวนกันอีกครั้งในช่วงเวลานี้
1. สร้างบรรยากาศการทำงาน
ก่อนเราจะเริ่มทำงานอยู่บ้าน ต้องปรับสภาพแวดล้อมให้น่าทำงานเสียก่อน ไม่ว่าจะเป็น
- หามุมที่ชอบ และแน่นอนว่าไม่ควรเป็นบนที่นอน เพราะนอกจากจะไม่ช่วยให้ทำงานเต็มที่แล้ว ยังชวนง่วงเสียมากกว่า
- บางคนชอบให้มีเสียงเพลงคลอขณะทำงาน อาจลองเปิดเพลงแนวบรรเลง ที่หลายแพลตฟอร์มสร้างเป็นเพย์ลิสต์ไว้ให้แล้ว
- หรือลองหาเทียนหอม ก้านหอม มาตั้งไว้ใกล้ๆ เพื่อให้ประสาทสัมผัสเราได้สดชื่น ตื่นตัว และรู้สึกดี
- อาจเพิ่มการตกแต่ง ด้วยของที่ชอบ ข้อความ โปสเตอร์ ต้นไม้ หในบริเวณใกล้เคียงกับโต๊ะทำงาน เพื่อช่วยสร้างบรรยากาศให้น่านั่ง ผ่อนคลาย และช่วยสร้างแรงบันดาลใจ
อ่านเพิ่มเติม: 5 วิธี แก้อาการ “คิดงานไม่ออก” bit.ly/3kcSDWB
2. จัดพื้นที่การทำงานให้เหมาะสม
- หาจุดที่คิดว่าตัวเองสามารถนั่งทำงานได้เป็นเวลานาน เป็นพื้นที่โล่ง ไม่อับ หรือมืด
- แบ่งพื้นที่ให้ชัดเจน เพื่อกันการทำงานเกินเวลา
- หาโต๊ะที่มีพื้นที่เพียงพอ และเก้าอี้ที่มีพนักพิง ปรับความสูงได้ แต่ถ้าไม่มีสองอย่างนี้ โต๊ะญี่ปุ่นสักตัวก็อาจพออนุโลม แต่ต้องหาจุดที่หลังสามารถเอนหรือพิงได้ และต้องขยับตัว หรือลุกบ่อย ๆ เพื่อลดอาการปวดกล้ามเนื้อส่วนหลัง หรือช่วงขา
- ท่าการทำงานที่ดี คือ หลังพิง เท้าเเตะพื้น ไหล่ไม่เกร็ง หน้าจออยู่ระดับหรือต่ำกว่าสายตาเล็กน้อย
- การทำงานในที่แสงน้อย จะทำให้ร่างกายอ่อนเพลียได้ง่าย ควรหาจุดที่มีแสงธรรมชาติ หรือใช้โคมไฟที่ให้แสงใกล้เคียง หากต้องทำงานตอนกลางคืน ควรมีโคมไฟเพิ่มความสว่างบริเวณโต๊ะทำงานโทน Cool White ให้แสง 400-600 ลักซ์ เพื่อความสบายตาระหว่างทำงาน
3. วางแผนงานล่วงหน้าสม่ำเสมอ
ในแต่ละวันเรามักจะมีงานมากกว่าหนึ่งอย่าง วิธีป้องกันความเครียด และงานที่อาจสะสม สามารถทำได้คือ
- ทุกเช้าก่อนเริ่มงาน ให้ดูว่าเราต้องทำงานอะไรบ้าง จะเขียน หรือพิมพ์ได้ แต่การวาดหรือเขียนจะช่วยให้สมองได้ดึงเอาความคิดสร้างสรรค์ และพลังงานออกมาได้ดีกว่า
- เมื่อได้รายการแล้ว ให้เรียงความสำคัญและระยะเวลาที่ต้องใช้ แบ่งรายการเช้า บ่ายให้ชัดเจน
- ก่อนเริ่มงานช่วงบ่าย ลองดูตรวจว่าเราทำของเช้าครบไหม เพื่อป้องกันงานล้นไปช่วงบ่าย จนต้องทำงานเกินเวลา
- เมื่อจบวัน ตรวจดูอีกรอบว่าทำครบไหม ถ้ามีเวลาเหลือก็สามารถวางเเผนของวันต่อไปได้ หรือจะพักผ่อนก็ได้
- เคล็ดไม่ลับ ให้งานเสร็จไว คือการซอยงานให้เป็น task ย่อย ๆ แล้วไล่เก็บทีละอย่างจะทำให้เราไม่รู้สึกว่างานเยอะไป
4. ตั้งเวลาพัก ยืดเส้นยืดสาย
จากผลวิจัยบอกว่า ระยะที่สมดุล และช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้การทำงานที่ดีที่สุดคือประมาณ 1 ชั่วโมง และพัก 15 นาที ดังนั้นตั้งเตือนให้ลุกทุก ๆ ชั่วโมง สลับกับเวลาพัก อาจจะกินขนม เครื่องดื่ม เช็กข่าว เล่นมือถือ เล่นกับสัตว์เลี้ยง จะช่วยลดความตึงเครียดลงได้ อย่าลืมยืดเส้นยืดสายทุกครั้งที่นึกได้ เพื่อลดอาการ Office syndrome ลองทำตามท่าได้ที่ The Ultimate Deskercise Routine: Stretches for the Office
5. ดูข่าว เล่นมือถือ ให้เป็นเวลา
ข้อนี้สาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้เกิดความเครียดในช่วงโควิด แม้ข้อดีของการติดตามข่าวอยู่เรื่อย ๆ คือทำให้มีข้อมูล ความรู้ ความเข้าใจมากขึ้น แต่ถ้ามากจนเกินไป หรือเกินความจำเป็น จะทำให้เราเครียด กลัว หรือวิตกได้ ฉะนั้นอาจเลือกดูแค่วันละครั้งก็เพียงพอ และต้องเป็นแหล่งข่าวที่เชื่อถือได้
เช่นเดียวกับหยิบมือถือขึ้นมาเล่น ก็ควรให้อยู่แค่ในช่วงพักเบรก หรือหลักเลิกงานไปเลย แต่ไม่ควรเกินวันละ 2 ชั่วโมง (เผื่อเวลาทำอย่างอื่นบ้าง)
อ่านเพิ่มเติม: จะหลุดพ้นจากสิ่งรบกวน และมีสมาธิอย่างไรในยุคดิจิทัล? bit.ly/3r7GOmj
6. ออกกำลังกาย คลายเครียด
ข้อดีอีกอย่างของการทไงานที่บ้านคือ เราได้เวลาเพิ่มขึ้น ฉะนั้นจะดีมากถ้าแบ่งเวลามาออกกำลังกาย เพราะร่างกายเรามักสะสมคสามเครียดและความเมื่อยล้ามากกว่าการไปทำงานออฟฟิศ จึงต้องหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอ โดยตัวเลขที่กำลังดี คือการออกกำลังกายวันละ 30 นาที หรืออย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง จะเป็นเต้นแอโรบิก โยคะ การเดิน วิ่ง แล้วแต่เราสะดวก แต่ต้องร่างกายได้รับการเผาผลาญ หรือยืดกล้ามเนื้อบ้าง
7. ให้รางวัลตัวเองแบบพอดี
หันหลังให้ความเครียดจากงาน มาหากิจกรรม หรือสิ่งที่เราชอบ ไม่ว่าจะเปนการหาหนังที่อยากดู ทานขนมที่ชอบ อาหารที่อยากกิน เล่นเกมส์ นอนแช่อ่าง หรือการชอปปิงออนไลน์ เป็นการมอบความสุขเล็ก ๆ น้อยๆ ให้ตัวเอง แต่ต้องทำอย่างพอดี ไม่กินมากไป เล่นเกมส์ดึกไป หรือใช้จ่ายเกินความจำเป็น เพราะแทนที่จะผ่อนคลายอาจกลับต้องมาเครียดภายหลังได้
8. พักผ่อนให้เพียงพอ
นอกเหนือจากอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายสม่ำเสมอ ก็คือการนอน โดยเฉลี่ยควรอยู่ที่ 7-8 ชั่วโมงของวัยผู้ใหญ่ พยามเข้านอนเวลาเดิมเพื่อให้ร่างกายจดจำและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และตื่นมารับแสงแดดยามเช้าสัก 30 นาที เพื่อกระตุ้นจังหวะการหลับการตื่น (Sleep Cycle)
นอกจากการนอนหลับแล้ว การทำจิตใจให้สงบ ด้วยการนั่งสมาธิ หรือทำงานอดิเรกเบา ๆ ก็ถือเป็นการพักผ่อนอย่างหนึ่ง ช่วยลดความเครียด และทำให้นอนหลับง่ายขึ้นด้วย
9. กินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย
เคยได้ยินไหมครับ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง การกินอาหารที่ดี รวมถึงผัก และผลไม้ มีประโยชน์ต่อร่างกายของเรา จะช่วยให้การทำงานของสมอง จากการวิจัยพบว่า การกินอาหารเช้าจะช่วยให้ความจำดี ทักษะการเรียนรู้ และอารมณ์ดีขึ้นด้วย นอกจากนี้ควรกินอาหารให้เป็นเวลา เพื่อป้องกันร่างกายอ่อนเพลีย ภูมิคุ้มกันตก และเสี่ยงต่อการป่วย
ในสถานการณ์ระบาดของโควิดแบบนี้ คงหลีกเลี่ยงความเครียดไม่ได้ อีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราไม่เครียดเศร้าเหงาหงอยอยู่บ้านคนเดียวก็คือ การพูดคุยกับเพื่อน คนใกล้ชิด หรือครอบครัวบ่อย ๆ ก็จะช่วยลดความเครียดลงได้บ้าง แต่หากสังเกตตัวเองแล้วพบว่ามีความเครียดจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต หรือสภาพจิตใจ แนะนำให้ปรึกษาคุณหมอ ซึ่งเดี๋ยวนี้มีบริการทางออนไลน์ ไม่จำเป็นต้องไปโรงพยาบาลโดยตรง หรือปรึกษาเบื้องต้นกับสายด่วนกรมสุขภาพจิต โทร 1323
ขอให้ทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ทำงานให้ได้งานทุกคนนะครับ


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








