วิธีทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google

2 mins read

Published

28 March, 2025

Language

Thai

Written by

Share

วิธีทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google

SEO (Search Engine Optimization) คือ กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงบน Google และเครื่องมือค้นหาอื่นๆ โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา การทำ SEO ที่ดีช่วยเพิ่มโอกาสในการดึงดูดผู้เข้าชม สร้างความน่าเชื่อถือ และช่วยให้ธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

เมื่อเว็บไซต์ของคุณติดอันดับต้นๆ ของ Google จะมีโอกาสได้รับคลิกมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้มียอดขายหรือจำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นโดยตรง

 

ปัจจัยหลักที่ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO

Google ใช้อัลกอริทึมหลายร้อยรายการในการจัดอันดับเว็บไซต์ แต่ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SEO ประสบความสำเร็จ ได้แก่

  1. คุณภาพของเนื้อหา (Content Quality)

  2. โครงสร้างของเว็บไซต์ (Technical SEO)

  3. ความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed)

  4. ประสบการณ์การใช้งานบนมือถือ (Mobile-Friendly)

  5. ลิงก์ภายในและภายนอก (Internal & External Links)

  6. การใช้คีย์เวิร์ด (Keyword Optimization)

ต่อไปนี้คือ เทคนิคสำคัญ ที่คุณสามารถใช้เพื่อทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับบน Google

1. สร้างเนื้อหาคุณภาพ (Content is King)

Google ให้ความสำคัญกับเนื้อหาที่มีคุณภาพสูงและเป็นประโยชน์ต่อผู้อ่าน หากต้องการให้เว็บไซต์ติดอันดับ SEO ต้องผลิตเนื้อหาที่ดี มีคุณค่า และตอบโจทย์ผู้ใช้งาน

เทคนิคการสร้างเนื้อหาคุณภาพ

  • ใช้ คีย์เวิร์ดหลัก ในหัวข้อและเนื้อหา

  • เขียนบทความที่ให้ ข้อมูลเชิงลึก และ แก้ปัญหาให้ผู้อ่าน

  • ใช้ หัวข้อย่อย (H2, H3) ช่วยจัดระเบียบเนื้อหาให้อ่านง่าย

  • เพิ่ม รูปภาพ อินโฟกราฟิก หรือวิดีโอ เพื่อให้เนื้อหาน่าสนใจมากขึ้น

  • อัปเดตเนื้อหาเก่าให้ทันสมัยอยู่เสมอ

ตัวอย่างคีย์เวิร์ดที่คนมักค้นหา เช่น

  • วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรก

  • เทคนิคปรับปรุง SEO

  • การเลือกคีย์เวิร์ดให้เหมาะกับธุรกิจ

 

2. ปรับโครงสร้างเว็บไซต์ให้เป็นมิตรกับ SEO (Technical SEO)

Google จะให้คะแนนเว็บไซต์ที่มีโครงสร้างดี โหลดเร็ว และง่ายต่อการใช้งาน ดังนั้นต้องปรับปรุง Technical SEO ให้เหมาะสม

วิธีปรับปรุง Technical SEO

  • ทำ URL ให้สั้นและมีคีย์เวิร์ด เช่น www.example.com/seo-tips

  • ใช้ SSL Certificate (HTTPS) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

  • สร้าง Sitemap และ Robots.txt เพื่อให้ Google จัดทำดัชนีได้ง่ายขึ้น

  • ปรับปรุง Breadcrumbs Navigation เพื่อช่วยให้ผู้ใช้และ Google เข้าใจโครงสร้างเว็บ

 

3. เพิ่มความเร็วของเว็บไซต์ (Page Speed Optimization)

เว็บไซต์ที่โหลดช้าส่งผลเสียต่อ SEO และประสบการณ์ผู้ใช้ หากเว็บไซต์โหลดช้า คนจะออกจากเว็บเร็วขึ้น และ Google จะลดอันดับเว็บของคุณ

วิธีเพิ่มความเร็วเว็บไซต์

  • บีบอัดรูปภาพเพื่อลดขนาดไฟล์และเพิ่มความเร็ว

  • ใช้ Content Delivery Network (CDN) เพื่อกระจายโหลด

  • เปิดใช้งาน Browser Caching ให้หน้าเว็บโหลดเร็วขึ้น

  • ลดการใช้ปลั๊กอินและโค้ดที่ไม่จำเป็น

 

4. ปรับให้เว็บไซต์รองรับมือถือ (Mobile-Friendly SEO)

Google ใช้ Mobile-First Indexing ซึ่งหมายความว่า หากเว็บไซต์ของคุณใช้งานบนมือถือได้ไม่ดี จะเสียอันดับบน Google

วิธีทำให้เว็บไซต์รองรับมือถือ

  • ใช้ Responsive Design ให้เว็บไซต์ปรับขนาดอัตโนมัติตามอุปกรณ์

  • ปรับขนาดปุ่มและตัวอักษรให้เหมาะกับการใช้งานบนมือถือ

  • ลดการใช้ Pop-ups ที่รบกวนการใช้งาน

 

5. ใช้คีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง (Keyword Optimization)

คีย์เวิร์ดคือสิ่งที่ผู้ใช้พิมพ์ค้นหาใน Google การเลือกคีย์เวิร์ดที่ถูกต้องช่วยให้ Google เข้าใจว่าเว็บไซต์ของคุณเกี่ยวกับอะไร และแสดงผลตรงกับความต้องการของผู้ใช้

วิธีใช้คีย์เวิร์ดให้ได้ผล

  • ใส่ คีย์เวิร์ดหลักในหัวข้อ (Title), URL และ Meta Description

  • กระจายคีย์เวิร์ดตามธรรมชาติภายในบทความ อย่ายัดคีย์เวิร์ดมากเกินไป

  • ใช้ Long-Tail Keywords เช่น "วิธีทำ SEO สำหรับร้านค้าออนไลน์" เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง

 

6. ใช้ลิงก์ภายในและภายนอกให้ถูกต้อง (Internal & External Links)

ลิงก์เป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้ Google เข้าใจเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น

วิธีใช้ลิงก์อย่างมีประสิทธิภาพ

  • Internal Links – ใส่ลิงก์ไปยังหน้าอื่นๆ ภายในเว็บเพื่อให้ผู้ใช้ อยู่บนเว็บนานขึ้น

  • External Links – ลิงก์ไปยังแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้เนื้อหา

  • ใช้ Anchor Text (ข้อความลิงก์) ที่อธิบายเนื้อหาอย่างชัดเจน

 

7. สร้าง Backlinks จากเว็บคุณภาพ (Off-Page SEO)

Backlinks คือ ลิงก์ที่มาจากเว็บไซต์อื่นๆ มายังเว็บไซต์ของคุณ Google ใช้ Backlinks เป็นตัววัดความน่าเชื่อถือของเว็บ

วิธีสร้าง Backlinks อย่างมีคุณภาพ

  • Guest Blogging – เขียนบทความลงเว็บอื่นเพื่อรับลิงก์กลับ

  • แชร์บทความบน Social Media เพื่อเพิ่มโอกาสได้รับลิงก์

  • ทำ Content Marketing ที่มีคุณค่า เพื่อให้เว็บไซต์อื่นนำไปอ้างอิง

สรุป

การทำ SEO ให้เว็บไซต์ติดอันดับบน Google ต้องอาศัยการปรับปรุงหลายด้านร่วมกัน ตั้งแต่ การสร้างเนื้อหาคุณภาพ, ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์, เพิ่มความเร็ว, รองรับมือถือ, ใช้คีย์เวิร์ดให้ถูกต้อง, สร้างลิงก์ภายในและภายนอก, และสร้าง Backlinks อย่างมีคุณภาพ

หากคุณนำ เทคนิค SEO เหล่านี้ไปปรับใช้ อย่างสม่ำเสมอ เว็บไซต์ของคุณจะมีโอกาสติดหน้าแรกของ Google ดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้น และเพิ่มโอกาสสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของคุณ

 

Written by
Opal Piyaporn Kijtikhun
Opal Piyaporn Kijtikhun

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
16 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
16 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
16 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy