ออกแบบ UX/UI อย่างไรให้ช่วยเพิ่มยอดขาย?

DesignBusiness
2 mins read
2 mins read

Published

25 March, 2025

Language

Thai

Written by

Share

ออกแบบ UX/UI อย่างไรให้ช่วยเพิ่มยอดขาย?

ในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันสูง ร้านค้าออนไลน์ต้องเผชิญกับปัญหาสำคัญคือ ผู้ใช้เข้าชมเว็บไซต์ เพิ่มสินค้าในตะกร้า แต่ไม่กดซื้อ ซึ่งเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อยอดขายโดยตรง การออกแบบ UX (User Experience) และ UI (User Interface) ที่ดีสามารถช่วยเพิ่มอัตราการแปลง (Conversion Rate) ทำให้ลูกค้าตัดสินใจซื้อได้ง่ายขึ้น

บทความนี้จะอธิบายวิธีการออกแบบ UX/UI ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย พร้อมกรณีศึกษาของ ร้านค้าออนไลน์ที่ปรับ UX/UI และทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นถึง 40%

ความสำคัญของ UX/UI ต่อยอดขายในร้านค้าออนไลน์

UX/UI ที่ดีมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของลูกค้า ร้านค้าที่มี เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ใช้งานง่าย โหลดเร็ว และออกแบบมาให้ตอบโจทย์ลูกค้า จะช่วยลดปัญหาการละทิ้งตะกร้าสินค้า และเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

ปัจจัยหลักที่ UX/UI มีผลต่อยอดขาย ได้แก่:

  • ลดความซับซ้อนของการซื้อสินค้า – ถ้าขั้นตอนเยอะเกินไป ลูกค้าจะเลิกซื้อกลางทาง

  • สร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า – เว็บไซต์ที่ออกแบบดี ดูน่าเชื่อถือ จะทำให้ลูกค้ากล้าตัดสินใจซื้อ

  • กระตุ้นให้ลูกค้ากดซื้อ – UX/UI สามารถใช้ จิตวิทยาการออกแบบ เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น

 

แนวทางออกแบบ UX/UI เพื่อเพิ่มยอดขาย

1. ปรับปรุงกระบวนการ Checkout ให้สั้นและง่ายขึ้น

ปัญหา: ผู้ใช้มักเพิ่มสินค้าลงตะกร้าแต่ไม่กดซื้อ เนื่องจากกระบวนการ Checkout ซับซ้อนเกินไป

แนวทางแก้ไข:

  • ลด จำนวนขั้นตอนการ Checkout ให้น้อยที่สุด

  • ใช้ One-Page Checkout แสดงทุกฟิลด์ที่ต้องกรอกในหน้าเดียว

  • เพิ่ม Guest Checkout ให้ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าโดยไม่ต้องสมัครสมาชิก

  • ใช้ Auto-fill ข้อมูลการจัดส่ง เพื่อลดเวลาการกรอกข้อมูล

ผลลัพธ์: Checkout ที่สั้นลงช่วยลดอัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้า (Cart Abandonment Rate) และเพิ่มโอกาสในการปิดการขาย

 

2. เพิ่มปุ่ม CTA ที่โดดเด่นและกระตุ้นให้กดซื้อ

ปัญหา: ลูกค้าสนใจสินค้าแต่ไม่ตัดสินใจกดซื้อ

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ปุ่ม “ซื้อเลย” หรือ “ชำระเงินทันที” ที่มีสีโดดเด่นและวางในตำแหน่งที่เห็นได้ง่าย

  • ปรับขนาดปุ่มให้ ใหญ่พอที่จะแตะได้ง่ายบนมือถือ

  • ใช้คำกระตุ้นการซื้อ เช่น “เหลือเพียง 5 ชิ้น” หรือ “ลดราคาพิเศษวันนี้เท่านั้น”

ผลลัพธ์: ลูกค้าจะมีแนวโน้มกดซื้อสินค้าสูงขึ้น เนื่องจาก UX/UI ออกแบบมาให้กระตุ้นการตัดสินใจ

 

3. รองรับการชำระเงินที่หลากหลาย

ปัญหา: ลูกค้าไม่สามารถชำระเงินด้วยวิธีที่สะดวก ทำให้เลิกซื้อกลางทาง

แนวทางแก้ไข:

  • รองรับ บัตรเครดิต, QR Code, Mobile Banking, e-Wallet (เช่น PayPal, Apple Pay, Google Pay)

  • มีระบบ เก็บข้อมูลบัตรเครดิตแบบปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าซื้อซ้ำได้ง่ายขึ้น

  • แสดงไอคอน ความปลอดภัยในการชำระเงิน เพื่อเพิ่มความมั่นใจ

ผลลัพธ์: ลูกค้ามีตัวเลือกมากขึ้นในการชำระเงิน ทำให้โอกาสปิดการขายสูงขึ้น

 

4. ปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์

ปัญหา: ลูกค้ารอโหลดหน้านานเกินไปจนออกจากเว็บไซต์

แนวทางแก้ไข:

  • ลดขนาดภาพและใช้ Lazy Loading ให้โหลดเฉพาะภาพที่จำเป็น

  • ใช้ Content Delivery Network (CDN) เพื่อให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นในทุกพื้นที่

  • ปรับแต่ง Code และ JavaScript ให้ทำงานเร็วขึ้น

ผลลัพธ์: เมื่อเว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น ลูกค้าจะไม่รู้สึกหงุดหงิดและมีแนวโน้มที่จะอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้น

 

5. ใช้รีวิวและ Social Proof สร้างความน่าเชื่อถือ

ปัญหา: ลูกค้าไม่มั่นใจว่าจะซื้อสินค้าดีหรือไม่

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่ม รีวิวจากลูกค้าจริง ใต้สินค้าพร้อมรูปภาพ

  • ใช้ Trust Signals เช่น “ผู้ใช้กว่า 10,000 คนพึงพอใจ” หรือ “สินค้าขายดีอันดับ 1”

  • เพิ่มฟีเจอร์ “ลูกค้าคนอื่นซื้ออะไร” เพื่อกระตุ้นการซื้อ

ผลลัพธ์: ลูกค้าจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้นและมีโอกาสตัดสินใจซื้อง่ายขึ้น

 

 

กรณีศึกษา: ร้านค้าออนไลน์ที่ปรับ UX/UI จนยอดขายเพิ่มขึ้น

ปัญหาที่พบก่อนการปรับปรุง UX/UI

ร้านค้าออนไลน์แห่งหนึ่งพบว่า ลูกค้าเพิ่มสินค้าลงตะกร้า แต่ไม่กดซื้อ ส่งผลให้ยอดขายต่ำกว่าที่ควรเป็น ปัญหาหลักที่พบ ได้แก่:

  • Checkout ยุ่งยากเกินไป ต้องกรอกหลายฟิลด์

  • ปุ่ม CTA ไม่ชัดเจน ทำให้ลูกค้าไม่แน่ใจว่าต้องกดตรงไหน

  • รองรับการชำระเงินจำกัด ทำให้ลูกค้าหลายคนต้องออกจากเว็บไซต์

 

การแก้ไข UX/UI เพื่อเพิ่มยอดขาย

  1. ทำให้ Checkout เร็วขึ้น

    • ลดขั้นตอน Checkout จาก 5 ขั้นตอนเหลือเพียง 2 ขั้นตอน

    • เพิ่มปุ่ม “ชำระเงินทันที”

  2. เพิ่มปุ่ม CTA ที่ดึงดูดสายตา

    • ใช้สีส้มและแดง ซึ่งเป็นสีที่กระตุ้นให้เกิดการกระทำ

    • วางปุ่มไว้ในตำแหน่งที่มองเห็นได้ง่าย

  3. เพิ่มช่องทางการชำระเงิน

    • รองรับ Mobile Banking และ e-Wallet

 

ผลลัพธ์หลังการปรับปรุง UX/UI

  • ยอดขายเพิ่มขึ้น 40% ภายใน 3 เดือน

  • อัตราการละทิ้งตะกร้าสินค้าลดลง 35%

  • อัตราการชำระเงินผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 50%

  • เวลาที่ใช้ในกระบวนการ Checkout ลดลงจาก 2 นาที เหลือเพียง 30 วินาที

 

สรุป

UX/UI ที่ดีสามารถช่วยเพิ่มยอดขายได้โดย ลดอุปสรรคที่ขัดขวางลูกค้าในการซื้อสินค้า วิธีที่มีประสิทธิภาพในการออกแบบ UX/UI สำหรับร้านค้าออนไลน์ ได้แก่:

  • ปรับ Checkout ให้สั้นและง่ายขึ้น

  • ใช้ปุ่ม CTA ที่กระตุ้นการซื้อ

  • รองรับการชำระเงินที่หลากหลาย

  • ปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์

  • เพิ่มรีวิวจากลูกค้าและ Trust Signals

กรณีศึกษาของร้านค้าออนไลน์แสดงให้เห็นว่า การลงทุนใน UX/UI สามารถเพิ่มยอดขายและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าได้ หากคุณต้องการให้ร้านค้าออนไลน์ของคุณเติบโต UX/UI คือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง!

Written by
Cream Wiraporn Soimalee
Cream Wiraporn Soimalee

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
16 Oct, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
16 Oct, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
16 Oct, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy