การออกแบบ UX/UI ที่ดีช่วยเพิ่ม Engagement ของผู้ใช้ได้อย่างไร?

2 mins read

Published

26 March, 2025

Language

Thai

Written by

Share

การออกแบบ UX/UI ที่ดีช่วยเพิ่ม Engagement ของผู้ใช้ได้อย่างไร?

ในยุคดิจิทัลที่แพลตฟอร์มออนไลน์มีบทบาทสำคัญต่อการเรียนรู้ Engagement หรือความมีส่วนร่วมของผู้ใช้ เป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของแพลตฟอร์ม UX (User Experience) และ UI (User Interface) ที่ดีสามารถช่วยให้ ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับแพลตฟอร์มบ่อยขึ้น อยู่กับแพลตฟอร์มได้นานขึ้น และบรรลุเป้าหมายที่ต้องการ

แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์หลายแห่งประสบปัญหาว่า ผู้ใช้ลงทะเบียนเรียน แต่ไม่เรียนต่อเนื่อง หรือเรียนไม่จบหลักสูตร บทความนี้จะอธิบาย แนวทางการออกแบบ UX/UI ที่ช่วยเพิ่ม Engagement พร้อมกรณีศึกษาของแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่สามารถเพิ่มอัตราการเรียนจบหลักสูตรได้ถึง 45%

ทำไม Engagement ของผู้ใช้จึงสำคัญ?

Engagement เป็นตัวชี้วัดว่าผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับแพลตฟอร์มมากน้อยเพียงใด หาก Engagement สูงหมายความว่า ผู้ใช้ได้รับประสบการณ์ที่ดี สนใจเนื้อหา และมีแนวโน้มกลับมาใช้งานซ้ำ

สำหรับแพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ Engagement มีผลต่อ:

  • อัตราการเรียนจบหลักสูตร – ผู้ใช้จะเรียนต่อเนื่องจนจบหรือไม่

  • Retention Rate – ผู้ใช้จะกลับมาเรียนคอร์สอื่นๆ หรือไม่

  • การแนะนำต่อ (Referral) – หากผู้ใช้ชอบแพลตฟอร์ม พวกเขาจะบอกต่อเพื่อนหรือไม่

หาก Engagement ต่ำ ผู้ใช้จะเลิกใช้งานกลางคัน และแพลตฟอร์มจะสูญเสียโอกาสในการเติบโต

 

แนวทางออกแบบ UX/UI ที่ช่วยเพิ่ม Engagement ของผู้ใช้

1. ใช้ Gamification เพื่อเพิ่มแรงจูงใจ

ปัญหา: ผู้เรียนรู้สึกเบื่อและขาดแรงจูงใจในการเรียน

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่ม Badge และ Achievement System เพื่อให้รางวัลแก่ผู้เรียนเมื่อผ่านบทเรียนหรือทำแบบทดสอบสำเร็จ

  • ใช้ Leaderboard หรือการแข่งขันกับเพื่อน เพื่อสร้างแรงกระตุ้น

  • มอบ Certificate หรือเหรียญรางวัลดิจิทัล เมื่อจบหลักสูตร

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ผู้เรียนรู้สึกสนุกและมีแรงจูงใจมากขึ้น

  • อัตราการเรียนจบหลักสูตรเพิ่มขึ้น

 

2. ใช้ Learning Path ที่ช่วยแนะนำคอร์สต่อไป

ปัญหา: ผู้ใช้ไม่รู้ว่าหลังจากเรียนจบคอร์สหนึ่งแล้ว ควรเรียนอะไรต่อ

แนวทางแก้ไข:

  • สร้าง Personalized Learning Path แนะนำคอร์สที่เกี่ยวข้องโดยอิงจากพฤติกรรมการเรียน

  • ใช้ AI วิเคราะห์ความสนใจของผู้ใช้ และเสนอหลักสูตรที่เหมาะสม

  • เพิ่ม Progress Tracker เพื่อให้ผู้เรียนเห็นพัฒนาการของตนเอง

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • อัตราการลงทะเบียนคอร์สต่อไปเพิ่มขึ้น

  • ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะเรียนต่อเนื่องมากขึ้น

 

 

3. ปรับปรุง UI ให้เข้าใจง่ายและลดความซับซ้อน

ปัญหา: ผู้ใช้บางคนพบว่าหน้าเรียนออนไลน์ซับซ้อน และไม่สามารถค้นหาหัวข้อที่ต้องการได้ง่าย

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ Navigation ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ โดยแยกเนื้อหาออกเป็นหมวดหมู่

  • ปรับปรุง Dashboard ของผู้เรียน ให้แสดงความคืบหน้าชัดเจน

  • ใช้ ไอคอนและภาพประกอบ แทนข้อความยาวๆ เพื่อให้อ่านง่าย

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ผู้ใช้สามารถเข้าใจและใช้งานแพลตฟอร์มได้เร็วขึ้น

  • ลดอัตราการออกจากแพลตฟอร์ม

 

4. เพิ่มระบบแจ้งเตือนเพื่อกระตุ้นให้กลับมาเรียน

ปัญหา: ผู้เรียนลงทะเบียนแต่ไม่กลับมาเรียนต่อ

แนวทางแก้ไข:

  • ส่ง แจ้งเตือนผ่านอีเมลหรือแอป เช่น

    • "คุณเรียนไปได้ 50% แล้ว! มาต่อกันเถอะ"

    • "เหลือเพียง 2 บทเรียนเพื่อรับใบประกาศนียบัตร!"

  • ใช้ Push Notification อัจฉริยะ เพื่อเตือนผู้ใช้กลับมาเรียน

  • แจ้งเตือน เมื่อมีเนื้อหาใหม่หรือโปรโมชั่นพิเศษ

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • อัตราการกลับมาเรียนต่อเพิ่มขึ้น

 

5. ใช้ Interactive Content เช่น วิดีโอและแบบฝึกหัด

ปัญหา: ผู้เรียนรู้สึกว่าเนื้อหาเป็นการเรียนแบบรับข้อมูลฝ่ายเดียว ไม่น่าสนใจ

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ วิดีโอและ Animation แทนเนื้อหาที่เป็นข้อความยาวๆ

  • เพิ่ม แบบทดสอบท้ายบทเรียน เพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วม

  • เพิ่ม Q&A Section หรือ Community Discussion ให้ผู้เรียนสามารถถาม-ตอบกันได้

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ผู้ใช้มีปฏิสัมพันธ์กับแพลตฟอร์มมากขึ้น

  • อัตราการเรียนจบหลักสูตรเพิ่มขึ้น

 

กรณีศึกษา: แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ที่เพิ่ม Engagement ของผู้ใช้

ปัญหาที่พบก่อนการปรับปรุง UX/UI

แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์แห่งหนึ่งพบว่า ผู้ใช้ลงทะเบียนเรียนแต่ไม่เรียนต่อเนื่อง และมีปัญหาดังนี้:

  • ขาดระบบ รางวัลหรือแรงจูงใจให้เรียนต่อ

  • ไม่มีระบบ Learning Path ทำให้ผู้เรียนไม่รู้ว่าควรเรียนอะไรต่อ

  • ระบบแจ้งเตือน ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผู้เรียนลืมกลับมาเรียน

 

การแก้ไข UX/UI เพื่อปรับปรุง Engagement

ทีม UX/UI ได้ทำการปรับปรุงแพลตฟอร์มโดย:

  • เพิ่ม ระบบ Badge และรางวัล เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนอยากเรียนต่อ

  • ออกแบบ Learning Path ที่แนะนำคอร์สถัดไปโดยอัตโนมัติ

  • เพิ่ม ระบบแจ้งเตือนผ่านอีเมลและแอป ให้เหมาะกับพฤติกรรมของแต่ละผู้เรียน

  • ปรับปรุง UI ให้ ใช้งานง่ายและค้นหาหัวข้อที่ต้องการได้เร็วขึ้น

 

ผลลัพธ์หลังการปรับปรุง UX/UI

หลังจากปรับปรุง UX/UI พบว่า:

  • อัตราการเรียนจบหลักสูตรเพิ่มขึ้น 45%

  • อัตราการลงทะเบียนคอร์สต่อไปเพิ่มขึ้น 40%

  • อัตราการกลับมาเรียนต่อหลังจากขาดเรียนเพิ่มขึ้น 50%

  • คะแนนความพึงพอใจจากผู้ใช้เพิ่มขึ้นจาก 3.9 เป็น 4.7 ดาว

 

สรุป

UX/UI ที่ดีสามารถช่วยให้แพลตฟอร์มออนไลน์ เพิ่ม Engagement ของผู้ใช้และทำให้พวกเขามีส่วนร่วมกับเนื้อหามากขึ้น ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ผู้เรียนกลับมาใช้งานแพลตฟอร์มอย่างต่อเนื่อง ได้แก่:

  • Gamification & Rewards เพื่อสร้างแรงจูงใจให้เรียนต่อ

  • Learning Path ที่ชัดเจน เพื่อช่วยให้ผู้เรียนรู้ว่าควรเรียนอะไรต่อ

  • ระบบแจ้งเตือนอัจฉริยะ เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้กลับมาเรียน

  • UI ที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้

  • ฟีเจอร์ Interactive เช่น Q&A และแบบทดสอบ เพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม

กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า UX/UI ที่ดีสามารถทำให้แพลตฟอร์มเรียนออนไลน์ดึงดูดผู้ใช้ และเพิ่มอัตราการเรียนจบหลักสูตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

Written by
Ya Piya Kirdpanya
Ya Piya Kirdpanya

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
14 Nov, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
14 Nov, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
14 Nov, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy