การพัฒนา AI เพื่อความปลอดภัยไซเบอร์

Business
2 mins read
2 mins read

Published

15 January, 2025

Language

Thai

Written by

Share

การพัฒนา AI เพื่อความปลอดภัยไซเบอร์

ในยุคดิจิทัลที่การทำธุรกรรมและการเก็บข้อมูลสำคัญส่วนใหญ่เกิดขึ้นออนไลน์ ความปลอดภัยไซเบอร์ (Cybersecurity) กลายเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับองค์กรและบุคคลทั่วไป การโจมตีทางไซเบอร์ เช่น ransomware, การฟิชชิ่ง (Phishing), และการโจมตีแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ AI (Artificial Intelligence) กำลังกลายเป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยปกป้องเครือข่ายและข้อมูลจากภัยคุกคามเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะสำรวจบทบาทของ AI ในการเสริมสร้างความปลอดภัยไซเบอร์ พร้อมกรณีศึกษาจากบริษัทเทคโนโลยีที่ลดความเสียหายจาก ransomware ได้ถึง 80% ด้วยการใช้ AI

AI กับการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในเครือข่าย

การโจมตีทางไซเบอร์มักเกิดขึ้นในรูปแบบที่ซับซ้อนและยากต่อการตรวจจับ วิธีการแบบดั้งเดิม เช่น การใช้ไฟร์วอลล์หรือการอัปเดตซอฟต์แวร์เป็นประจำ อาจไม่เพียงพอในการป้องกันภัยคุกคามที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง AI ช่วยเสริมระบบความปลอดภัยไซเบอร์ด้วยความสามารถในการตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในเครือข่ายและตอบสนองต่อการโจมตีได้ในเวลาอันสั้น

วิธีการทำงานของ AI ในความปลอดภัยไซเบอร์:

  1. การเก็บข้อมูลทราฟฟิกเครือข่าย
    AI เก็บข้อมูลจากทราฟฟิกเครือข่าย อีเมล และกิจกรรมที่เกิดขึ้นในระบบ

  2. การวิเคราะห์พฤติกรรมปกติ
    ระบบเรียนรู้พฤติกรรมที่ถือว่า "ปกติ" ในเครือข่าย เช่น รูปแบบการเข้าถึงไฟล์หรือการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตของผู้ใช้งาน

  3. การตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ
    เมื่อ AI พบกิจกรรมที่ไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมปกติ เช่น การเข้าถึงข้อมูลในเวลาที่ไม่ปกติหรือการถ่ายโอนไฟล์ขนาดใหญ่ ระบบจะตั้งค่าสถานะการแจ้งเตือน

  4. การตอบสนองแบบเรียลไทม์
    ระบบสามารถบล็อก IP ที่เป็นอันตราย ปิดการเชื่อมต่อ หรือแจ้งเตือนทีมรักษาความปลอดภัยทันที

 

กรณีศึกษา: AI ลดความเสียหายจาก ransomware ได้ 80%

บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำแห่งหนึ่งประสบความสำเร็จในการลดความเสียหายจาก ransomware ด้วยการใช้ AI ในการตรวจจับและป้องกันการโจมตี

ขั้นตอนการดำเนินงาน:

  1. การติดตั้งระบบ AI
    บริษัทติดตั้งระบบ AI ที่สามารถตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติในเครือข่าย เช่น การเข้ารหัสไฟล์ที่ไม่คุ้นเคย

  2. การวิเคราะห์ข้อมูลแบบเรียลไทม์
    ระบบตรวจจับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ ransomware เช่น การเปลี่ยนแปลงไฟล์จำนวนมากในเวลาสั้นๆ

  3. การตอบสนองทันที
    เมื่อพบพฤติกรรมที่เข้าข่ายการโจมตี ระบบจะระงับกิจกรรมดังกล่าวโดยอัตโนมัติและแจ้งเตือนทีมรักษาความปลอดภัย

  4. การปรับปรุงโมเดล AI
    ระบบเรียนรู้จากเหตุการณ์ในอดีต เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคามในอนาคต

ผลลัพธ์:
บริษัทสามารถลดความเสียหายจาก ransomware ได้ถึง 80% โดยความเร็วในการตอบสนองและการป้องกันเชิงรุกช่วยลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับข้อมูลและทรัพย์สินทางธุรกิจ

 

ข้อดีของ AI ในความปลอดภัยไซเบอร์

  1. การตรวจจับแบบเรียลไทม์
    AI ช่วยให้ระบบสามารถตรวจจับและตอบสนองต่อภัยคุกคามได้ทันที ลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น

  2. การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่
    AI สามารถวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายแหล่งได้ในเวลาอันสั้น เพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับภัยคุกคาม

  3. การเรียนรู้และปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
    AI เรียนรู้จากเหตุการณ์ที่ผ่านมาและพัฒนาความสามารถในการตรวจจับภัยคุกคามที่ซับซ้อนมากขึ้น

  4. การลดภาระงานของทีมรักษาความปลอดภัย
    ระบบ AI สามารถจัดการกับกิจกรรมที่ซับซ้อนได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ทีมสามารถโฟกัสกับงานที่มีความสำคัญสูง

  5. การป้องกันเชิงรุก
    AI สามารถคาดการณ์และป้องกันการโจมตีก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

 

ความท้าทายของการใช้ AI ในความปลอดภัยไซเบอร์

แม้ว่า AI จะมีศักยภาพสูง แต่ยังมีความท้าทายที่ต้องพิจารณา:

  • การโจมตี AI โดยตรง
    ผู้โจมตีอาจพยายามหลอกลวงระบบ AI ด้วยข้อมูลที่ออกแบบมาเพื่อข้ามการตรวจจับ

  • ความน่าเชื่อถือของข้อมูล
    หากข้อมูลที่ป้อนเข้าสู่ระบบไม่แม่นยำ อาจทำให้ระบบวิเคราะห์ผิดพลาด

  • ต้นทุนการพัฒนา
    การพัฒนาระบบ AI ต้องใช้ทรัพยากรและงบประมาณสูง

  • การขาดบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ
    การจัดการและปรับปรุงระบบ AI ต้องอาศัยบุคลากรที่มีความรู้เฉพาะด้าน

อนาคตของ AI ในความปลอดภัยไซเบอร์

AI จะยังคงพัฒนาและมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในอนาคต โดยมีแนวโน้มที่น่าสนใจ ได้แก่:

  1. การป้องกันภัยคุกคามเชิงรุก
    AI จะสามารถคาดการณ์รูปแบบการโจมตีที่ยังไม่เคยเกิดขึ้นและป้องกันได้ล่วงหน้า

  2. การบูรณาการ AI กับ Blockchain
    ระบบความปลอดภัยไซเบอร์จะมีความน่าเชื่อถือมากขึ้นเมื่อ AI และ Blockchain ทำงานร่วมกัน

  3. การวิเคราะห์ข้อมูลแบบข้ามเครือข่าย
    AI จะช่วยวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายองค์กร เพื่อระบุแนวโน้มภัยคุกคามในระดับโลก

  4. การใช้ AI ในอุปกรณ์ IoT
    AI จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในอุปกรณ์ IoT ที่มีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตี

 

บทสรุป

AI กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการป้องกันภัยคุกคามในโลกไซเบอร์ ด้วยความสามารถในการตรวจจับและตอบสนองต่อพฤติกรรมผิดปกติแบบเรียลไทม์ กรณีศึกษาจากบริษัทเทคโนโลยีแสดงให้เห็นว่า AI สามารถลดความเสียหายจาก ransomware ได้ถึง 80% ในอนาคต AI จะยังคงพัฒนาเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและเสริมสร้างความมั่นใจในระบบดิจิทัลที่มีความซับซ้อนมากขึ้น

 

Written by
Opal Piyaporn Kijtikhun
Opal Piyaporn Kijtikhun

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
18 Sep, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
18 Sep, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
18 Sep, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy