hand lt
hand lt
hand lt
18Nov, 2024
Language blog :
Thai
Share blog : 
18 November, 2024
Thai

การสร้างร้านค้าออนไลน์บน WordPress ด้วย WooCommerce: ข้อดีและการใช้งานจริง

By

3 mins read
การสร้างร้านค้าออนไลน์บน WordPress ด้วย WooCommerce: ข้อดีและการใช้งานจริง

การสร้างร้านค้าออนไลน์กลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจขนาดเล็กและใหญ่สามารถเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น โดยเฉพาะในยุคที่การช้อปปิ้งออนไลน์ได้รับความนิยมสูงสุด ด้วย WordPress ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มการสร้างเว็บไซต์ที่มีชื่อเสียง ผู้ใช้งานสามารถพัฒนาเว็บไซต์ร้านค้าออนไลน์ได้อย่างง่ายดายผ่านปลั๊กอินยอดนิยมอย่าง WooCommerce

WooCommerce ไม่เพียงช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถตั้งร้านค้าออนไลน์ได้ง่าย แต่ยังมีฟังก์ชันที่ครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดการสินค้าคงคลัง การชำระเงิน การจัดส่งสินค้า และการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เข้ากับแบรนด์ของตัวเอง ทั้งนี้ในบทความนี้จะเจาะลึกถึงข้อดีและการใช้งานจริงของ WooCommerce ผ่านกรณีศึกษาของร้านขายของเล่นออนไลน์ที่ขยายฐานลูกค้าโดยใช้ปลั๊กอินนี้

 

WooCommerce คืออะไร?

WooCommerce เป็นปลั๊กอินที่สร้างขึ้นเพื่อให้ผู้ใช้งาน WordPress สามารถเพิ่มฟังก์ชันการขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์ โดย WooCommerce เป็นปลั๊กอินแบบโอเพ่นซอร์สที่สามารถดาวน์โหลดและติดตั้งได้ฟรี ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นสร้างร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการตั้งค่าเริ่มต้น นอกจากนี้ WooCommerce ยังมีความยืดหยุ่นสูง รองรับการปรับแต่งเว็บไซต์ให้เข้ากับแบรนด์ และมีปลั๊กอินเสริมมากมายเพื่อเพิ่มฟังก์ชันการทำงานที่หลากหลาย

ข้อดีของ WooCommerce:

  • ติดตั้งและใช้งานง่าย: สามารถติดตั้ง WooCommerce บน WordPress ได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องมีความรู้ในการเขียนโค้ด

  • ฟังก์ชันการจัดการสินค้าที่ครบครัน: ตั้งค่าสินค้า หมวดหมู่สินค้า และติดตามสินค้าคงคลังได้ง่าย

  • รองรับช่องทางการชำระเงินหลากหลาย: WooCommerce รองรับช่องทางการชำระเงินหลายรูปแบบ เช่น การโอนเงินผ่านธนาคาร บัตรเครดิต และ PayPal

  • การตั้งค่าการจัดส่งสินค้า: มีฟีเจอร์ในการกำหนดค่าการจัดส่งตามภูมิภาคและวิธีการขนส่งได้ตามต้องการ

  • การปรับแต่งธีมและดีไซน์ที่ยืดหยุ่น: WooCommerce รองรับธีมและการปรับแต่งเพื่อให้ตรงกับสไตล์ของร้านค้า

 

ขั้นตอนการสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce

การเริ่มต้นสร้างร้านค้าออนไลน์ด้วย WooCommerce บน WordPress สามารถทำได้ง่าย ๆ ตามขั้นตอนดังนี้:

1. ติดตั้ง WordPress และเลือกธีมที่เหมาะสม

ขั้นแรกในการสร้างร้านค้าออนไลน์คือการติดตั้ง WordPress บนโฮสต์ที่รองรับ จากนั้นเลือกธีมที่เหมาะสมกับร้านค้า WooCommerce มีธีมที่ออกแบบมาให้เข้ากันกับการขายสินค้าออนไลน์โดยเฉพาะ เช่น Storefront หรือธีมที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายตามความต้องการ

2. ติดตั้งและตั้งค่า WooCommerce

หลังจากเลือกธีมเสร็จเรียบร้อยแล้ว สามารถติดตั้งปลั๊กอิน WooCommerce ได้จากแดชบอร์ดของ WordPress โดยเข้าไปที่ "ปลั๊กอิน > เพิ่มใหม่" และค้นหา "WooCommerce" จากนั้นติดตั้งและเปิดใช้งาน หลังการติดตั้ง WooCommerce จะมีการตั้งค่าเบื้องต้น เช่น สกุลเงิน ช่องทางการชำระเงิน และการจัดส่งสินค้า ซึ่งสามารถตั้งค่าเพิ่มเติมได้ตามต้องการ

3. เพิ่มสินค้าและหมวดหมู่สินค้า

หลังจากตั้งค่า WooCommerce แล้ว สามารถเพิ่มสินค้าและหมวดหมู่สินค้าได้ทันที WooCommerce รองรับการใส่รายละเอียดสินค้า เช่น ชื่อ ราคา คำอธิบาย และรูปภาพ นอกจากนี้ยังสามารถกำหนดหมวดหมู่สินค้าและแท็กต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ลูกค้าค้นหาสินค้าได้ง่ายขึ้น

4. ตั้งค่าการชำระเงินและการจัดส่ง

WooCommerce รองรับช่องทางการชำระเงินหลากหลายรูปแบบ เช่น การชำระผ่านบัตรเครดิต PayPal การโอนเงินผ่านธนาคาร และการเก็บเงินปลายทาง สามารถเลือกช่องทางการชำระเงินที่เหมาะสมกับธุรกิจได้ตามต้องการ นอกจากนี้ ยังสามารถตั้งค่าการจัดส่งสินค้าได้ เช่น การจัดส่งฟรี การคิดค่าจัดส่งตามน้ำหนัก หรือการตั้งค่าค่าจัดส่งตามพื้นที่ภูมิภาค

5. ปรับแต่งการแสดงผลสินค้าและหน้าเว็บ

การปรับแต่งหน้าเว็บให้ดูดีกับแบรนด์เป็นสิ่งสำคัญ WooCommerce รองรับการปรับแต่งธีมให้เหมาะสมกับสไตล์ร้านค้า สามารถเลือกสีสัน การจัดวาง และฟอนต์ที่ตรงกับภาพลักษณ์ของธุรกิจ ทั้งนี้ยังสามารถเพิ่มแบนเนอร์ โปรโมชัน หรือข้อเสนอพิเศษที่หน้าแรกเพื่อดึงดูดลูกค้าได้อีกด้วย

 

กรณีศึกษา: ร้านขายของเล่นออนไลน์ที่ใช้ WooCommerce ในการขยายฐานลูกค้า

ร้านขายของเล่นออนไลน์แห่งหนึ่งเริ่มต้นสร้างเว็บไซต์ของตัวเองโดยใช้ WooCommerce บน WordPress เพื่อให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อสินค้าได้จากที่บ้าน โดย WooCommerce ช่วยให้การจัดการสินค้าคงคลัง การชำระเงิน และการจัดส่งเป็นไปอย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ ร้านขายของเล่นนี้ได้เพิ่มฟังก์ชันที่ตอบโจทย์ลูกค้า เช่น

  1. การแสดงสินค้าแบบแกลเลอรี่: WooCommerce ช่วยให้ร้านค้าสามารถแสดงภาพสินค้าอย่างชัดเจนและสวยงาม ทำให้ลูกค้าสามารถเลือกดูสินค้าได้อย่างง่ายดาย

  2. ระบบการชำระเงินที่หลากหลาย: ร้านค้านี้ได้เลือกใช้ช่องทางการชำระเงินหลายรูปแบบเพื่อความสะดวกของลูกค้า

  3. การตั้งค่าการจัดส่งและระบบติดตาม: WooCommerce มีระบบจัดส่งสินค้าที่สามารถเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของธุรกิจและลูกค้า

  4. การใช้คูปองและส่วนลด: WooCommerce มีฟังก์ชันที่ช่วยให้ร้านค้าสามารถสร้างคูปองและส่วนลดพิเศษเพื่อดึงดูดลูกค้า ทำให้การตลาดและการโปรโมชันเป็นไปอย่างง่ายดาย

การใช้ WooCommerce ทำให้ร้านขายของเล่นออนไลน์นี้สามารถเข้าถึงลูกค้าใหม่ ๆ และขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น ทั้งยังมีการจัดการข้อมูลสินค้าที่เป็นระบบมากขึ้นอีกด้วย

 

ข้อดีของการใช้ WooCommerce ในการทำธุรกิจออนไลน์

1. ฟังก์ชันที่ครบครันสำหรับการขายสินค้า

WooCommerce มีเครื่องมือครบครันสำหรับการจัดการร้านค้าออนไลน์ ทั้งในด้านการจัดการสินค้าคงคลัง การจัดการการสั่งซื้อ และการชำระเงิน ทำให้ธุรกิจสามารถจัดการงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

2. รองรับการชำระเงินและการจัดส่งหลายช่องทาง

WooCommerce มีช่องทางการชำระเงินและการจัดส่งที่ยืดหยุ่น ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถปรับการชำระเงินให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ ไม่ว่าจะเป็นการเก็บเงินปลายทาง การโอนเงิน หรือการชำระผ่านบัตรเครดิต

3. การปรับแต่งที่ยืดหยุ่น

ธุรกิจสามารถปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงกับภาพลักษณ์ของแบรนด์ได้ ทั้งการเลือกธีม สีสัน รูปแบบการแสดงผล รวมถึงการเพิ่มปลั๊กอินเสริมที่ช่วยให้การทำงานของ WooCommerce มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

4. ความสามารถในการขยายฟังก์ชันการทำงาน

WooCommerce รองรับปลั๊กอินเสริมมากมายที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มฟังก์ชันใหม่ ๆ ได้ตามต้องการ เช่น ระบบสมาชิก ระบบแนะนำสินค้า หรือการเชื่อมต่อกับเครื่องมือการตลาดอื่น ๆ

 

ข้อสรุป

WooCommerce เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับการสร้างร้านค้าออนไลน์บน WordPress ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถจัดการการขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างครบครัน ทั้งการจัดการสินค้า การชำระเงิน และการจัดส่ง การปรับแต่ง WooCommerce ให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจช่วยให้ร้านค้าสามารถขยายฐานลูกค้าและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น

ด้วยตัวเลือกการปรับแต่งที่ยืดหยุ่นและฟังก์ชันการทำงานที่ครบครัน WooCommerce จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับธุรกิจที่ต้องการสร้างร้านค้าออนไลน์ และในกรณีของร้านขายของเล่นออนไลน์ที่ได้เพิ่มฟังก์ชันต่าง ๆ ผ่าน WooCommerce ก็ได้ช่วยให้ร้านค้าขยายการเข้าถึงและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า

 

Written by
Ryu Taruch Budrungroge
Ryu Taruch Budrungroge

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

03
December, 2024
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
3 December, 2024
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
03
December, 2024
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
3 December, 2024
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital

By

4 mins read
English
03
December, 2024
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
3 December, 2024
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.