02Apr, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
02 April, 2025
Thai

10 เทรนด์ UX/UI Design ในปี 2025

By

2 mins read
10 เทรนด์ UX/UI Design ในปี 2025

UX/UI Design เป็นหัวใจสำคัญของการสร้างประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้กับผู้ใช้บนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน เทรนด์การออกแบบเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วตามพฤติกรรมผู้ใช้และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในปี 2025 เราจะได้เห็น แนวโน้ม UX/UI ใหม่ ๆ ที่ช่วยทำให้การออกแบบดิจิทัลเป็นมิตรและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ในบทความนี้ เราจะพาไปดู 10 เทรนด์ UX/UI Design ที่คาดว่าจะมาแรงในปี 2025

1. AI-Driven UX/UI: การใช้ AI เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ของผู้ใช้

ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ Machine Learning กำลังเปลี่ยนโฉม UX/UI โดยช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถ ปรับแต่งประสบการณ์การใช้งานให้เข้ากับพฤติกรรมของแต่ละบุคคล

แนวโน้มที่น่าจับตามอง

  • AI-Generated UI: ระบบ AI จะสามารถ ออกแบบและปรับเปลี่ยน UI แบบเรียลไทม์ ตามพฤติกรรมของผู้ใช้

  • Personalized UX: AI จะช่วย แนะนำคอนเทนต์ ฟีเจอร์ และดีไซน์ที่เหมาะสม กับแต่ละบุคคล

  • AI Chatbots & Voice Assistants: ผู้ใช้จะสามารถ โต้ตอบกับแอปหรือเว็บไซต์ผ่าน AI ที่เข้าใจภาษามนุษย์ได้ดีขึ้น

ตัวอย่าง:
Netflix และ Spotify ใช้ AI เพื่อ แนะนำคอนเทนต์ที่ตรงกับความชอบของผู้ใช้ โดยอ้างอิงจากข้อมูลพฤติกรรมที่เก็บรวบรวม

 

2. Adaptive & Responsive UI: ดีไซน์ที่ปรับตัวตามอุปกรณ์และบริบทการใช้งาน

การออกแบบ UI ไม่ได้จำกัดแค่หน้าจอมือถือหรือคอมพิวเตอร์อีกต่อไป 2025 จะเป็นยุคของ "Multi-Device UX" ที่ต้องออกแบบให้รองรับอุปกรณ์ทุกประเภท

แนวโน้มที่น่าจับตามอง

  • UI ที่รองรับหลายแพลตฟอร์ม เช่น สมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, สมาร์ทวอทช์, Smart TV และอุปกรณ์ IoT

  • Context-Aware Design: UI สามารถ เปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ของผู้ใช้ เช่น ปรับสี UI ในที่แสงน้อย หรือขยายตัวอักษรสำหรับผู้สูงอายุ

  • Foldable & Wearable UI: การออกแบบ UX/UI ที่รองรับ สมาร์ทโฟนพับได้และอุปกรณ์สวมใส่

ตัวอย่าง:
Google ออกแบบ Material You ที่ UI สามารถ ปรับเปลี่ยนสีและโทนตามธีมที่ผู้ใช้เลือก

 

3. No-Code & Low-Code UI Design: ลดความซับซ้อนในการออกแบบ

เครื่องมือ No-Code และ Low-Code ทำให้ นักออกแบบ UX/UI และนักพัฒนาไม่จำเป็นต้องเขียนโค้ดซับซ้อน แต่สามารถ สร้าง UI ได้เร็วขึ้นผ่านเครื่องมือสำเร็จรูป

แนวโน้มที่น่าจับตามอง

  • AI-Assisted Design Tools: เครื่องมือออกแบบที่ใช้ AI สร้างและแนะนำองค์ประกอบ UX/UI

  • Drag-and-Drop UI Builders: แพลตฟอร์มสร้างแอปแบบ No-Code และ Low-Code จะได้รับความนิยมมากขึ้น

  • Collaborative Design: ทีมออกแบบสามารถ ทำงานร่วมกันแบบเรียลไทม์ ผ่านแพลตฟอร์มออกแบบที่เป็น Cloud-based

ตัวอย่าง:
Figma และ Webflow กำลังเป็นที่นิยม เพราะช่วยให้ นักออกแบบสามารถสร้าง UI ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาการเขียนโค้ด

 

4. Voice & Gesture-Based UX: อินเทอร์เฟซไร้สัมผัส

การโต้ตอบแบบ ไร้สัมผัส (Touchless UI) กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น โดยเน้นไปที่ เสียง (Voice UI) และท่าทาง (Gesture UI)

แนวโน้มที่น่าจับตามอง

  • Voice User Interface (VUI): UI ที่ใช้ เสียงเป็นช่องทางหลักในการสั่งงาน

  • Gesture-Based Navigation: การควบคุม UI ผ่าน การเคลื่อนไหวมือและร่างกาย

  • Haptic Feedback & Motion Sensors: ใช้ การสั่นและเซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว เพื่อเพิ่มประสบการณ์การใช้งาน

ตัวอย่าง:
Google Assistant และ Alexa ใช้ Voice UI เพื่อให้ผู้ใช้สามารถ สั่งงานโดยไม่ต้องแตะหน้าจอ

 

 

5. Dark Mode & Dynamic UI: การออกแบบที่ปรับเปลี่ยนได้ตามเวลาและสภาพแวดล้อม

Dark Mode ไม่ใช่แค่ เทรนด์ แต่กลายเป็นมาตรฐาน UX/UI ที่ช่วย ลดอาการล้าสายตาและประหยัดพลังงานแบตเตอรี่

แนวโน้มที่น่าจับตามอง

  • Auto Dark Mode: ระบบสามารถ เปลี่ยน UI เป็นโหมดมืดอัตโนมัติ ตามเวลาหรือแสงรอบข้าง

  • Dynamic UI Elements: UI สามารถ ปรับเปลี่ยนสี ขนาด และองค์ประกอบตามบริบทการใช้งาน

ตัวอย่าง:
Apple และ Android ใช้ ระบบ Dark Mode อัตโนมัติ ตามช่วงเวลาของวัน

 

6. Micro-Interactions & Motion UI: เพิ่มการตอบสนองของ UI

Micro-Interactions คือ แอนิเมชันขนาดเล็กที่เพิ่มความรู้สึกโต้ตอบกับผู้ใช้ เช่น การเปลี่ยนสีปุ่มเมื่อกด หรือแอนิเมชันโหลดหน้าเว็บ

แนวโน้มที่น่าจับตามอง

  • Subtle Animations: แอนิเมชันที่ ช่วยนำสายตาและสร้างอารมณ์ร่วม

  • Lottie & SVG Animations: ใช้ไฟล์แอนิเมชันแบบ SVG หรือ Lottie เพื่อให้การเคลื่อนไหวลื่นไหลขึ้น

  • State-Based Animations: UI สามารถ เปลี่ยนแปลงตามสถานะของผู้ใช้

ตัวอย่าง:
Facebook และ Instagram ใช้ Micro-Interactions เช่น Animation เมื่อกดไลก์หรือแชร์โพสต์

 

7.Ethical & Inclusive Design: การออกแบบเพื่อทุกคน

UX/UI ในปี 2025 จะต้องคำนึงถึง ความเป็นธรรม ความเป็นส่วนตัว และการเข้าถึงของทุกกลุ่มผู้ใช้

แนวโน้มที่น่าจับตามอง

  • Accessibility-First Design: ออกแบบให้รองรับ ผู้ใช้ที่มีข้อจำกัดทางร่างกายและการมองเห็น

  • Data Privacy UX: UI ที่ช่วยให้ ผู้ใช้สามารถควบคุมข้อมูลส่วนตัวได้ง่ายขึ้น

  • Neurodivergent-Friendly UX: รองรับผู้ใช้ที่มี ออทิสติกหรือภาวะทางจิตเวชต่าง ๆ

ตัวอย่าง:
Microsoft และ Apple พัฒนา ฟีเจอร์ Accessibility เพื่อให้ UI รองรับผู้ใช้ทุกกลุ่ม

 

สรุป:

AI และ Machine Learning จะช่วย ปรับแต่ง UX/UI ตามพฤติกรรมผู้ใช้

  • การออกแบบ UX/UI จะต้องรองรับ อุปกรณ์หลากหลายประเภท

  • No-Code & Low-Code ทำให้ การออกแบบ UI ง่ายขึ้น

  • Voice & Gesture-Based UX จะช่วย ลดการพึ่งพาสัมผัสหน้าจอ

  • การออกแบบที่ เป็นมิตรกับสายตาและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น

UX/UI ในปี 2025 จะเน้นไปที่การออกแบบที่ปรับตัวได้ ใช้ AI เป็นตัวช่วย และให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้มากขึ้น

 

Written by
Cream Wiraporn Soimalee
Cream Wiraporn Soimalee

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

05
June, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
5 June, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
05
June, 2025
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
5 June, 2025
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital

By

4 mins read
English
05
June, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
5 June, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.