ทำ Email Marketing ยังไงให้คน LOVE
แม้ว่าปัจจุบัน ตัวเลขของผู้ใช้แอปพลิเคชันแชตออนไลน์และส่งข้อความผ่านมือถือนั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่อีเมลก็ยังคงเป็นส่วนสำคัญในการสื่อสารในโลกออนไลน์ และธุรกิจ เห็นได้จากจำนวนอีเมลในปี 2019 ที่มีมากถึง 3.9 ล้านล้านอีเมล และข้อมูลทางสถิติจาก statista คาดการณ์ว่า อีเมลจะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 4.48 ล้านล้านอีเมลภายในปี 2024 นี้
ในวันหนึ่ง ๆ จะมีอีเมลวิ่งเข้ามาใน mail box ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณเคยสมัครไว้ หรือไปเผลอกรอกอีเมล เพื่อรับเอกสารหรือไฟล์บางอย่าง บางอีเมลน่าสนใจ แต่ก็มีหลายฉบับที่อยาก unsubscribe เสียตอนนั้น แล้วแบบนี้ คุณจะทำยังไงให้เป็น 1 ในอีเมลที่ลูกค้าตอบรับ และสนใจโดยไม่ลบทิ้ง หรือ unsubscribe? วันนี้เรามีเคล็ดลับดี ๆ มาฝากกัน แต่ก่อนอื่นไปทำความเข้าใจกันก่อนว่า email marketing คืออะไร สำคัญอย่างไร
Email Marketing คืออะไร
เข้าใจง่าย ๆ เลยก็คือ การทำการตลาดผ่านอีเมล โดยแจ้งข่าวสาร แจ้งโปรโมชัน แก่กลุ่มเป้าหมาย ใช้เป็นช่องทางสื่อสารทางหนึ่ง แต่ทุกวันนี้แค่พิมพ์ข้อความส่งอีเมลหาลูกค้าอย่างเดียวไม่พอ ต้องปรับเนื้อหาให้เหมาะกับธุรกิจ และกลุ่มเป้าหมาย เพื่อให้การสื่อสารเห็นผลชัดเจนมากขึ้นด้วยเช่นกัน ลองมาดู 12 เทคนิคที่จะช่วยให้การทำ email marketing น่าสนใจ
1. Have a strong subject line
หัวข้อเรื่องอีเมล เป็นส่วนแรกที่คนได้รับอีเมลจะเห็น จะเป็นตัวบอกว่าอีเมลนี้มีจุดประสงค์หรือเกี่ยวกับอะไร ควรเป็นสิ่งที่คนรับสนใจ หรือต้องการ และทำให้ตัดสินใจเปิดอ่าน
ดังนั้น หัวข้ออีเมลที่ดี ควรจะต้อง
• สร้างความสนใจให้กับผู้รับได้ด้วยคำไม่กี่คำ (ยิ่งน้อยยิ่งเข้าใจได้ง่าย)
• บอกประโยชน์ หรือสิ่งที่จะได้รับจากอีเมล
• สรุปเนื้อหาองค์รวมของอีเมล
2. If 'Subject line' is king, Pre-header is queen
Pre-header เป็นส่วนที่แสดงถัดมาจาก Subject line ถือเป็นส่วนขยายที่จะอธิบายเพิ่มเติมจากหัวเรื่อง คล้ายกับ meta description ในเว็บ หากเลือกใช้คำที่สั้น กระชับ และดึงดูดก็จะทำให้คนเปิดอ่านได้ไม่ยาก ดังนั้น Pre-header ที่ดีควรจะ
• ไม่กล่าวเรื่องซ้ำกับหัวข้อเรื่อง แต่เป็นข้อมูลที่น่าสนใจต่างออกไป
• ไม่ควรยาวเกิน 80 ตัวอักษร เพราะอาจจะถูดตัดตามความยาวของหน้าจอที่เปิดอ่าน (ยิ่งอ่านในมือถือยิ่งเห็นน้อยมาก)
3. Be short and clear
โดยทั่วไปแล้ว คงไม่มีใครมานั่งเสียเวลาทำความเข้าใจเนื้อหาในอีเมลที่ยาวพรืดเป็นเวลานานสองนาน ฉะนั้น ควรให้ข้อมูลที่ผู้รับอีเมลต้องการ หรือที่คุณต้องการนำเสนออย่างตรงไปตรงมา วิธีนี้ จะทำให้ผู้รับรู้สึกว่าคุณให้ความสำคัญกับเวลาของเขา และยังเป็นการเพิ่มโอกาสให้ผู้รับกระทำการบางอย่าง เช่น กดดูโปรโมชัน ดูสินค้า เข้าเว็บไซต์ หรือติมตามช่องทางโซเชียลมีเดียได้อีกด้วย
4. Keep it on-brand
เมื่อผู้รับเปิดอีเมล เขาควรรู้ว่า อีเมลนี้เป็นของบริษัทคุณ ในอีกความหมายคือ ควรต้องมีการสร้างแบรนด์ให้กับอีเมลด้วย โดยการ
• ใช้โทนการสื่อสาร ให้เหมือนกับสื่อหรือช่องทางอื่น ๆ ของแบรนด์
• ใช้สี ฟอนต์ของแบรนด์ที่ล้อกับเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย
• ใส่โลโก้ ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ และ call-to-action (CTA) ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ บริการของคุณ เพื่อสร้าง brand awareness และเพิ่ม conversion
5. Layout can enhance user experience
คงไม่มีใครอยากอ่านอีเมลที่ดูยุ่งเหยิง ไม่เป็นระเบียบสักเท่าไหร่ การจัดเลเอาต์ด้วยหลัก user experience (UX) สามารถช่วยได้ โดยควรให้อีเมลมีพื้นที่ว่างให้ได้หายใจบ้าง และจัดเนื้อหาให้เป็นกลุ่มก้อนชัดเจน เพื่อให้อ่านง่ายและมีจุดนำสายตาที่ดี
6. Personalize every email
การคุยกับคนด้วยกัน ย่อมดีกว่าคุยกับหุ่นยนต์หรือระบบตอบรับอัตโนมัติ เช่นเดียวกับภาษาที่ใช้ในอีเมล ควรดูเป็นกันเอง และส่วนตัวกับผู้รับอีเมล นอกจากนั้น ในแต่ละอีเมลควรถูกออกแบบให้เข้ากับความต้องการหรือสิ่งที่แต่ละ segment ตามหา ยกตัวอย่างเช่น บางกลุ่มควรใช้โปรโมชันเป็นหลัก บางกลุ่มควรกล่าวถึงข้อมูลที่น่าสนใจแทนในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
7. Text + visual, not just text
ลองนึกถึงตอนที่เปิดอีเมลสักฉบับหนึ่ง แล้วเจอแต่ตัวอักษรสามสี่ย่อหน้า เป็นใครก็คงไม่อยากอ่าน เพราะดูไม่น่าจูงใจ แต่หากมีรูป วิดีโอที่สอดคล้องไปกับแบรนด์ GIF หรือแอนิเมชันประกอบด้วย ก็จะทำให้อีเมลของคุณดูน่าสนใจขึ้น
8. Emoji is a friend 🧡
ถ้าพูดถึง emoji แรก ๆ อาจจะมองว่าไม่จำเป็น หรือลดความน่าเชื่อถือของอีเมลลง แต่จริง ๆ แล้วการใส่อิโมจิในหัวเรื่องอีเมล หรือแม้แต่ในเนื้อหา สามารถเพิ่มโอกาสให้คนเปิดและคลิกได้ แต่สิ่งเดียวที่ต้องคำนึงคือ จุดประสงค์ของการใส่และความหมายของอิโมจิแต่ละตัวที่ใช้ ไม่เช่นนั้นอาจจะทำให้การสื่อสารผิดพลาดได้
9. Use a responsive design
ปัจจุบันนี้มีเครื่องมือที่เอื้ออำนวยความสะดวกให้กับการจัดการส่งอีเมลจำนวนมาก ๆ ในคราเดียว แถมยังสามารถช่วยติดตามผลเป็นรายการละเอียดยิบ และส่วนใหญ่เครื่องมือเหล่านี้มักจะมาพร้อมกับฟีเจอร์การออกแบบด้วย responsive design ซึ่งหมายความว่า ขนาดของอีเมลจะถูกปรับเปลี่ยนไปตาม device ที่ใช้งาน ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือมือถือ สิ่งนี้จำมีความจำเป็นที่จะต้องปรับให้เข้ากับพฤติกรรมของผู้ใช้งานให้มากที่สุด
(Image: htmlemailcheck)
10. Don’t send an email with no CTA
ปุ่ม Calls-to-action หรือ CTA เป็นส่วนที่สำคัญมากในการทำ email marketing เพราะเป็นส่วนที่ทำให้เกิด conversion โดยการคลิกเพื่อการกระทำบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการกดปุ่มเพื่อให้ลูกค้าเข้าชมสินค้าและซื้อของ เข้าชมเว็บไซต์ หรือแม้แต่การตอบกลับอีเมล เป็นต้น ซึ่งส่วนนี้จะมีผลต่อความประสบความสำเร็จของแผนการตลาดและ KPIs ที่ตั้งไว้อีกด้วย
CTA ที่ดีควรอยู่ในจุดที่เห็นได้ชัด น่าดึงดูด และใช้สรรพนามแทนตัวผู้ใช้งานเสมอ
11. "Unsubscribe" link is essential
Email marketing เป็นเครื่องมือที่ดีและมีประสิทธิภาพช่องทางหนึ่งที่ทำให้คุณได้สื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ถึงอย่างนั้น กลุ่มเป้าหมายก็มีโอกาสเปลี่ยนแปลงหรือเปลี่ยนใจได้ตามสเกลการเติบโตหรือการปรับเปลี่ยนของธุรกิจ
ถึงแม้เป็นสิ่งที่ยากทำจะใจ แต่ควรมี (และต้องมี - บางประเทศถือเป็นเรื่องกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคเลยทีเดียว) ปุ่ม Unsubscribe หรือปุ่มยกเลิกรับข่าวสารที่ชัดเจน เพื่อให้ลูกค้าเลือกตัดสินใจ ถ้าพบว่าเนื้อหาที่คุณส่งไม่เป็นที่ต้องการอีกต่อไป
(Image: keep)
12. Do A/B testing
การทำ A/B testing ใน email marketing ก็ไม่ต่างจาก digital marketing ตรงที่ ต้องลอง ลอง ลอง ปรับเปลี่ยน แล้วก็ลองอีก อัปเดตข้อมูลตรงนั้นตรงนี้ อยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าอีเมลนั้นมีประสิทธิภาพมากที่สุด ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนได้ตั้งเเต่ CTA สี รูป เลเอาต์ หรือแม้กระทั่งโทนที่สื่อสาร ลองจนได้คำตอบว่า อะไรปัง อะไรพัง
ยกตัวอย่างด้านล่าง แค่เปลี่ยน CTA จากเดิม Watch Webinar เป็น View Presentations & Slide ปรากฏว่ามีคนคลิกเข้าไปดูมากขึ้นถึง 49.6%
(Image: blog.optimizely)
แปลและเรียบเรียงจาก The Ultimate Guide to Email Design and 13 Best Practices, Kristen Baker