วิธีการเตรียมตัวสำหรับการทำ User Acceptance Testing (UAT)

User Acceptance Test (UAT) คืออะไร?
User Acceptance Test (UAT) คือกระบวนการทดสอบซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์โดยผู้ใช้งานจริงหรือลูกค้า (อาจเรียกว่า “End-User Testing”) กระบวนการนี้เป็นกระบวนการสุดท้ายเพื่อทดสอบซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ ก่อนที่จะนำไปใช้จริงหรือเปิดให้บริการกับผู้ใช้ทั่วไป เพื่อให้มั่นใจได้ว่าซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์นี้พร้อมใช้งาน และสามารถใช้งานได้ตรงตามความต้องการของธุรกิจและผู้ใช้งาน โดยจะต้องผ่านเกณฑ์การยอมรับที่เรียกว่า Acceptance Criteria ที่ผู้ใช้งานและทีมพัฒนาระบบได้กำหนดขึ้นร่วมกันเสียก่อน จึงจะสามารถปล่อยโปรดักต์นั้นออกไปใช้งานจริงได้
สำหรับการ User Acceptance Test (UAT) ลูกค้าผู้ให้ Requirement จะมีส่วนร่วมในการทดสอบตั้งแต่กำหนดกรณีทดสอบ (Test Case/Scenario) ร่วมกับ QA โดย QA เป็นผู้จัดทำ Test Case/Scenario ส่วนลูกค้าเป็นผู้ตรวจสอบว่ากรณีทดสอบ (Test Case / Scenario) ที่ทาง QA จัดทำมานั้นทดสอบได้ตาม Requirement พูดคุยกันไว้แต่แรกหรือไม่จนถึงการประเมิน และตัดสินใจว่าระบบดังกล่าวจะสามารถนำไปใช้งานจริงได้หรือไม่ โดยมี QA เป็นผู้ดำเนินการสรุปผลการทดสอบ ถ้าสามารถนำไปใช้จริงได้ จะมีการทำเอกสารเพื่อส่งให้ทางลูกค้าลงนามอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษร (UAT Sign Off) ก่อนนำระบบไปใช้งานจริง ถ้าไม่สามารถใช้งานได้ตาม Requirement ที่ได้ทำการตกลง ระบบจะถูกนำไปปรับปรุงแก้ไข แล้วจะกลับเข้าสู่กระบวนการ UAT อีกครั้ง
User Acceptance Test (UAT) มีความสำคัญอย่างไร ?
User Acceptance Test (UAT) มีความสำคัญอย่างมากในกระบวนการพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ หากไม่ได้ทำการ User Acceptance Test (UAT) อาจจะมีผลกระทบอย่างมากต่อคุณภาพ และความพร้อมใช้งานของซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ที่ปล่อยออกไปให้ผู้ใช้งานจริงได้ใช้ โดยมีความสำคัญดังนี้ :
-
ตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์สอดคล้องกับ Requirement : การทำ User Acceptance Test (UAT) ช่วยในการตรวจสอบว่าซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ที่พัฒนาขึ้นมานั้น ผลลัพธ์ที่ออกมาตรงตามความต้องการของลูกค้าและผู้ใช้งาน เพื่อลดความเข้าใจผิดระหว่างทีมพัฒนาและลูกค้าผู้ให้ Requirement หากมีบัคเกิดขึ้น
-
ลดความเสี่ยงของการเจอบัคในการใช้งานจริง : การทำ User Acceptance Test (UAT) เป็นการทดสอบซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์โดยลูกค้า และผู้ใช้งานจริง อาจจะทำให้ช่วยให้ค้นพบบัค หรือปัญหาบางอย่างที่อาจจะไม่เจอในระหว่างกระบวนการซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ เนื่องจากที่ผ่านมาจะเป็นการทดสอบโดย QA ทำให้อาจจะมีบางการทดสอบที่ตกหล่น
-
ความมั่นใจของลูกค้าและผู้ใช้งาน : การทำ User Acceptance Test (UAT) ช่วยในการสร้างความมั่นใจของลูกค้าผู้ให้ Requirement และผู้ใช้งานจริงในซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ที่พัฒนา เนื่องจากลูกค้าผู้ให้ Requirement และผู้ใช้งานจริงสามารทดสอบความถูกต้องของการใช้งานว่าได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ และซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์มีความพร้อมสำหรับการใช้งานจริง
สรุปสั้น ๆ ได้ว่าการทำ User Acceptance Test (UAT) เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่ช่วยในการปรับปรุงคุณภาพและความพร้อมใช้งานของซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ ก่อนจะเริ่มให้ผู้ใช้งานจริงเข้ามาใช้งาน
การเตรียมตัวสำหรับการทำ User Acceptance Testing (UAT) ของชาวเซนน่าแล็บ ทำอย่างไร?
หลังจากที่ทราบแล้วว่าการทำ User Acceptance Test (UAT) มีความสำคัญอย่างไร ต่อไปจะเป็นการพูดถึงขั้นตอนทำ User Acceptance Test (UAT) ของชาวเซนน่าแล็บว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
-
นัดหมายการทำ User Acceptance Test (UAT) กับทางลูกค้า/ผู้ให้ Requirement
-
จัดทำ UAT Document สำหรับให้ลูกค้า/ผู้ให้ Requirement
-
ส่งกำหนดการสำหรับการทำ User Acceptance Test (UAT)ให้กับลูกค้า/ผู้ให้ Requirement
-
ทดสอบและซ้อมกันภายในทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ เพื่อเตรียมความพร้อมก่อนทำ User Acceptance Test (UAT) กับลูกค้า/ผู้ให้ Requirement
-
ถ้าทำการทดสอบกันภายในผ่านแล้ว ดำเนินตามไทม์ไลน์และกำหนดการที่นัดหมายกับลูกค้า
-
หากทดสอบแล้วไม่ผ่าน เจอบัค ทางทีมนักพัฒนาซอฟต์แวร์หรือโปรดักต์ต้องดำเนินการแก้ไข และทดสอบซ้ำอีกครั้งจนกว่าบัคนั้นจะได้รับการแก้ไข
-
ทำ User Acceptance Test (UAT) ตามกำหนดการที่นัดหมายกับลูกค้า
-
ถ้าสามารถนำไปใช้จริงได้ จะมีการทำเอกสารเพื่อส่งให้ทางลูกค้าลงนามอนุมัติเป็นลายลักษณ์อักษร (UAT Sign Off) ก่อนนำระบบไปใช้งานจริง
-
ถ้าไม่สามารถใช้งานได้ตาม Requirement ที่ได้ทำการตกลง ระบบจะถูกนำไปปรับปรุงแก้ไข แล้วจะกลับเข้าสู่กระบวนการ UAT อีกครั้ง


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








