10Apr, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
10 April, 2025
Thai

เปลี่ยน UX/UI ให้สนุกจนผู้ใช้อยากเปิดแอปทุกวัน

By

2 mins read
เปลี่ยน UX/UI ให้สนุกจนผู้ใช้อยากเปิดแอปทุกวัน

ในยุคดิจิทัล การเรียนรู้ออนไลน์กลายเป็นทางเลือกสำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะหรือศึกษาเพิ่มเติมจากทุกที่ทุกเวลา อย่างไรก็ตาม แอปพลิเคชันการศึกษา มักเผชิญกับปัญหาด้าน การมีส่วนร่วมของผู้เรียน (Engagement) และอัตราการใช้งาน (Retention Rate) ซึ่งทำให้ผู้ใช้เลิกใช้งานก่อนที่จะบรรลุเป้าหมาย

UX/UI ที่ดี สามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้โดยการออกแบบที่ เข้าใจง่าย สนุก และมีแรงจูงใจ ให้ผู้ใช้เรียนรู้ต่อไป บทความนี้จะวิเคราะห์ วิธีออกแบบ UX/UI สำหรับแอปพลิเคชันการศึกษา ผ่านกรณีศึกษาของ แอปเรียนภาษาอังกฤษที่เพิ่มอัตราการใช้งานหลังจากปรับ UI

 

1. กรณีศึกษา: แอปเรียนภาษาอังกฤษที่เพิ่มอัตราการใช้งานหลังจากปรับ UI

แอปพลิเคชันเรียนภาษาอังกฤษแห่งหนึ่งพบว่า

  • ผู้ใช้ส่วนใหญ่ เลิกใช้งานภายใน 1 สัปดาห์แรก

  • ผู้เรียนขาดแรงจูงใจและไม่รู้สึกสนุกกับการเรียน

  • ระบบ UI ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ใหม่ปรับตัวลำบาก

หลังจากปรับ UX/UI ด้วยแนวทางต่อไปนี้ แอปสามารถ

  • เพิ่มอัตราการใช้งานต่อเนื่องขึ้น 45%

  • ลดอัตราการเลิกใช้งานลง 30%

  • ทำให้ผู้เรียนมี Engagement สูงขึ้นผ่านระบบ Gamification

 

2. การใช้ Gamification เพื่อเพิ่มแรงจูงใจให้ผู้เรียน

ปัญหาที่พบ

  • ผู้ใช้รู้สึกเบื่อเพราะรูปแบบการเรียนรู้ซ้ำซาก

  • ไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจนหรือแรงจูงใจในการเรียนต่อ

  • การเรียนรู้ไม่มีรางวัลหรือสิ่งกระตุ้นให้กลับมาใช้งาน

แนวทางการปรับปรุง UX/UI

  • เพิ่มระบบ "Level Up" และ Badge Reward

    • เมื่อผู้เรียนทำบทเรียนสำเร็จ จะได้รับ คะแนนสะสมหรือเหรียญ

    • มี ตราสัญลักษณ์ (Badges) ที่มอบให้เมื่อผู้ใช้บรรลุเป้าหมาย เช่น "ผู้เรียนระดับเริ่มต้น" หรือ "ผู้เชี่ยวชาญภาษา"

  • ใช้ระบบ Challenge และ Leaderboard

    • ให้ผู้เรียนแข่งขันกัน เช่น "เรียนให้ครบ 7 วันเพื่อปลดล็อกรางวัลพิเศษ"

    • Leaderboard แสดงผลคะแนนของผู้เรียนคนอื่นเพื่อเพิ่มแรงจูงใจ

  • สร้างระบบ Daily Streak และ Mission-Based Learning

    • มีภารกิจรายวัน เช่น "ทำแบบฝึกหัด 5 ข้อวันนี้" เพื่อกระตุ้นให้กลับมาใช้งาน

    • หากผู้ใช้เรียนติดต่อกันเป็นเวลา 7 วัน จะได้รับรางวัลพิเศษ

ผลลัพธ์: ผู้เรียนมีความสนุกและแรงจูงใจในการเรียนมากขึ้น ทำให้ใช้งานแอปต่อเนื่อง

 

3. การออกแบบ UI ที่ใช้งานง่ายและเป็นมิตรกับผู้ใช้

ปัญหาที่พบ

  • UI ซับซ้อนเกินไป ผู้ใช้ใหม่ไม่สามารถเข้าใจการทำงานของแอปได้เร็วพอ

  • เมนูหลักมีตัวเลือกเยอะ ทำให้ผู้ใช้สับสน

  • รูปแบบตัวอักษรและสีของ UI ไม่สื่อถึงอารมณ์ที่เป็นมิตรและกระตุ้นการเรียน

แนวทางการปรับปรุง UX/UI

  • ใช้ UI ที่เรียบง่ายและมีโครงสร้างชัดเจน

    • ลดจำนวนเมนูหลักให้เหลือเพียง 3-5 ตัวเลือกที่จำเป็น เช่น บทเรียน, คำศัพท์, แบบฝึกหัด, โปรไฟล์

    • ใช้ไอคอนที่เข้าใจง่าย เช่น รูปหนังสือ, ไมโครโฟนสำหรับการฝึกพูด

  • ใช้สีและฟอนต์ที่ช่วยกระตุ้นการเรียนรู้

    • ใช้ สีสดใส เช่น น้ำเงิน, เขียว หรือส้ม เพื่อทำให้ UI ดูน่าสนใจ

    • ฟอนต์ควรเป็น Sans-serif ที่อ่านง่ายและทันสมัย

  • เพิ่มระบบ Onboarding ที่ช่วยให้ผู้ใช้เข้าใจการทำงานของแอปเร็วขึ้น

    • ใช้ Tutorial แนะนำวิธีใช้งานในหน้าแรก

    • มี ปุ่ม "เริ่มต้นใช้งาน" พร้อมคำอธิบายที่ชัดเจน

ผลลัพธ์: ผู้ใช้ใหม่สามารถเข้าใจการใช้งานได้ง่ายขึ้น ลดอัตราการออกจากแอปตั้งแต่วันแรก

 

4. การสร้างระบบแจ้งเตือนให้ผู้เรียนกลับมาใช้งานแอปบ่อยขึ้น

ปัญหาที่พบ

  • ผู้ใช้มักลืมเข้าแอปหลังจากใช้งานไปสักระยะ

  • ไม่มีระบบแจ้งเตือนหรือแรงจูงใจให้กลับมาเรียนต่อ

  • ไม่มีการติดตามความคืบหน้าของผู้เรียน

แนวทางการปรับปรุง UX/UI

  • ใช้ Push Notification ที่กระตุ้นให้ผู้เรียนกลับมา

    • "คุณเหลืออีกแค่ 1 บทเรียนในการปลดล็อค Badge ถัดไป!"

    • "เรียนวันนี้เพื่อรักษา Streak ของคุณ!"

  • ส่งอีเมลแจ้งเตือนเป็นระยะ

    • แจ้งให้ผู้ใช้ทราบถึงความคืบหน้าของพวกเขา เช่น "คุณเรียนไปแล้ว 50% ของหลักสูตร!"

  • สร้างระบบ Personalization เพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนกลับมา

    • ระบบจะแนะนำ บทเรียนต่อไป ตามระดับและความคืบหน้าของแต่ละคน

ผลลัพธ์: ผู้ใช้กลับมาใช้งานแอปต่อเนื่อง ทำให้อัตราการเลิกใช้งานลดลง

 

5. องค์ประกอบ UX/UI ที่ช่วยให้แอปการศึกษาประสบความสำเร็จ

UX ที่ดีต้องมี

  • ระบบเรียนรู้ที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้แต่ละคน

  • ฟังก์ชันการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน

  • ระบบแจ้งเตือนที่ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ลืมกลับมาเรียน

UI ที่ดีต้องมี

  • ดีไซน์ที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับผู้ใช้

  • สีและฟอนต์ที่ช่วยกระตุ้นสมาธิและการเรียนรู้

  • องค์ประกอบแบบ Gamification ที่ทำให้การเรียนรู้สนุกขึ้น

 

6. สรุปผลการปรับปรุง UX/UI และผลลัพธ์ที่ได้

หลังจากทำการปรับปรุง UX/UI แอปเรียนภาษาอังกฤษสามารถ

  • เพิ่มอัตราการใช้งานต่อเนื่องขึ้น 45%

  • ลดอัตราการเลิกใช้งานลง 30%

  • ทำให้ผู้เรียนมี Engagement สูงขึ้นผ่านระบบ Gamification

แนวทางสำคัญในการออกแบบ UX/UI สำหรับแอปการศึกษา

  1. ใช้ Gamification เช่น Level Up, Badges และ Challenge เพื่อกระตุ้นการเรียน

  2. ออกแบบ UI ให้เรียบง่าย ใช้งานสะดวก และมีสีสันที่ดึงดูด

  3. ใช้ระบบแจ้งเตือนและ Personalization เพื่อให้ผู้เรียนกลับมาใช้งานแอปบ่อยขึ้น

แอปพลิเคชันการศึกษาที่ออกแบบ UX/UI อย่างเหมาะสม ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้ใช้เรียนรู้ได้ดีขึ้น แต่ยังช่วยให้แอปมีอัตราการใช้งานที่สูงขึ้นและสร้างความภักดีของผู้ใช้ในระยะยาว

 

Written by
Chu Chawit Supanichpol
Chu Chawit Supanichpol

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

01
July, 2025
UX for Psychology - Loss Aversion (ความกลัวการสูญเสีย)
1 July, 2025
UX for Psychology - Loss Aversion (ความกลัวการสูญเสีย)
หลายคนคงเคยเจอเหตุการต่างๆ บนโลกดิจิทัลที่สามารถนำพาเราไปเสียเงินหรือสมัครใช้บริการได้ง่าย ๆ ทั้งที่ไม่รู้ตัว ลองมาดูกันว่า พวกเขาเหล่านั้น ใช้วิธีหลอกล่อนักชอปอย่างเรากันอย่างไรบ้าง พื้นฐานของคนทั่วไปนั้นไม่อยากที่จะสูญเสียอะไรไป แม้แต่สิ่งที่อาจจะไม่จำเป็น เราอาจจะพบการทำการตลาดในเชิงนี้ได้บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้ตัว และอาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อแต่โดนกระตุ้นด้วยข้อมูลที่เรารับมาแบบงง ๆ เช่น Flash sale 40% สินค้าที่มีจำนวนจำกัด นั้นจะน่าสนใจมากกว่าการเดินเจอสินค้าเดียวกันในห้างที่ลดราคา 40% เช่นเดียวกัน ข้อความบนเว็บช็อปปิ้งที่ส่งมาหาคุณว่าสินค้าที่คุณเคยสนใจกำลังลดราคาอยู่ อย่าพลาดโอกาสที่จะซื้อตอนนี้ มักกระตุ้นความต้องการซื้อของเราได้เป็นอย่างดี เพราะเรากลัวที่จะเสียโอกาสดี

By

3 mins read
Thai
01
July, 2025
ทำไม Google Fonts ถึงเป็นทางเลือกที่ดีในการออกแบบเว็บไซต์
1 July, 2025
ทำไม Google Fonts ถึงเป็นทางเลือกที่ดีในการออกแบบเว็บไซต์
แต่ก่อน เวลาที่เว็บไซต์ถูกดีไซน์ด้วยฟอนต์แปลก ๆ หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะทำให้ผู้ใช้งานบางคนมองไม่เห็น เพราะในเครื่องของผู้ใช้งานไม่มีฟอนต์นั้น ระบบก็จะเลือกเอาฟอนต์อื่นในเครื่องขึ้นมาแสดงผล เห็นเป็นฟอนต์อื่นไป ทำให้ดีไซเนอร์ต้องแก้ปัญหาด้วยการทำรูปแล้วเอามาแปะในเว็บไซต์แทน หรือแม้ว่าจะแสดงผลตามที่ถูกออกแบบมา ความเร็วก็อาจเป็นปัญหาในการโหลดและเข้าถึง เพราะฟอนต์ถูกโหลดจากเซิร์ฟเวอร์ แต่สมัยนี้ไม่มีใครใจเย็นพอที่จะรออะไรนานๆ เพราะจากรายงานระบุว่า 40% ของคนที่เข้าเว็บไซต์ จะออกหรือปิดทันทีถ้ามีการโหลดนานกว่า 3 วินาที โดยเฉพาะนักช็อปออนไลน์เกือบครึ่งที่พร้อมจะหันหลังให้อีคอมเมิร์ซเว็บไซต์ที่โหลดช้ากว่า 2 วินาที และ 79% บอกว่ามีโอกาสที่จะไม่ใช้บริการอีก Google Fonts คืออะไร? (กันแน่) หลายคนคงรู้จัก Google Fonts แต่วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักให้มากขึ้น

By

4 mins read
Thai
01
July, 2025
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
1 July, 2025
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital

By

4 mins read
English

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.