11Jul, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
11 July, 2025
Thai

การโหลดหน้าเว็บที่ช้าและไม่ตอบสนอง

By

2 mins read
การโหลดหน้าเว็บที่ช้าและไม่ตอบสนอง

ความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ Google ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์บนผลการค้นหา และยังมีผลโดยตรงต่อ User Experience (UX) หากเว็บไซต์ของคุณโหลดช้า ผู้ใช้จะรู้สึกหงุดหงิดและอาจออกจากเว็บไซต์ก่อนที่พวกเขาจะได้ดูข้อมูลหรือทำธุรกรรมที่ต้องการ ซึ่งส่งผลให้ Bounce Rate สูงและ Conversion Rate ต่ำ ในบทความนี้จะพูดถึง วิธีการปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์ และหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดที่ทำให้เว็บไซต์โหลดช้า

 

ทำไมความเร็วในการโหลดหน้าเว็บถึงสำคัญ?

1. ผลต่อประสบการณ์ผู้ใช้ (UX)

การโหลดหน้าเว็บที่ช้าสามารถทำให้ผู้ใช้รู้สึกหงุดหงิดและไม่พอใจ ซึ่งจะทำให้พวกเขาตัดสินใจออกจากเว็บไซต์ (เพิ่ม Bounce Rate) และไม่ทำการกระทำที่ต้องการ เช่น การซื้อสินค้า การสมัครสมาชิก หรือการกรอกฟอร์ม การที่เว็บไซต์โหลดช้าเป็นการเสียโอกาสในการให้บริการลูกค้าและสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดี

2. ผลต่อ SEO

Google ได้ประกาศว่า Page Speed หรือความเร็วในการโหลดเว็บไซต์เป็นปัจจัยที่ใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ โดยเฉพาะใน Mobile-First Indexing ซึ่งหมายความว่า Google จะใช้เวอร์ชันมือถือของเว็บไซต์เป็นเกณฑ์หลักในการจัดอันดับ การทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นจะช่วยให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นในผลการค้นหาของ Google

3. ผลกระทบต่อ Conversion Rate

เว็บไซต์ที่โหลดเร็วทำให้ลูกค้าสามารถทำการซื้อหรือทำธุรกรรมได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องรอให้หน้าเว็บโหลดซ้ำหรือโหลดนานเกินไป หากเว็บไซต์โหลดช้า ผู้ใช้มักจะออกจากเว็บไซต์ก่อนทำการซื้อ ซึ่งจะส่งผลต่อ Conversion Rate ที่ลดลง

วิธีการปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์

1. การบีบอัดไฟล์ (Compression)

การบีบอัดไฟล์ CSS, JavaScript, และ HTML ช่วยลดขนาดของไฟล์ที่ต้องโหลดในหน้าเว็บและทำให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น การใช้เทคนิค GZIP หรือ Brotli Compression ช่วยให้การโหลดเว็บไซต์มีประสิทธิภาพมากขึ้น

วิธีการบีบอัดไฟล์:

  • ใช้เครื่องมือบีบอัดไฟล์ CSS, JS และ HTML เพื่อลดขนาดของไฟล์

  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าไฟล์ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ได้ใช้งานถูกลบออกจากเว็บไซต์

2. การลดขนาดของภาพ

การใช้ภาพที่มีขนาดใหญ่เกินไปหรือไม่ได้รับการบีบอัดสามารถทำให้การโหลดหน้าเว็บช้าได้ การปรับขนาดภาพและการบีบอัดภาพเป็นวิธีที่ดีในการลดเวลาในการโหลดหน้าเว็บไซต์

วิธีการปรับขนาดภาพ:

  • ใช้ฟอร์แมตภาพที่มีขนาดไฟล์เล็กเช่น WebP หรือ JPEG สำหรับภาพที่มีความละเอียดสูง

  • ใช้เครื่องมือบีบอัดภาพ เช่น TinyPNG หรือ ImageOptim เพื่อให้ภาพมีขนาดเล็กลงโดยไม่สูญเสียคุณภาพ

  • ใช้ Lazy Loading สำหรับการโหลดภาพที่ไม่จำเป็นต้องแสดงในทันที

3. การใช้ Content Delivery Network (CDN)

CDN คือเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก การใช้ CDN ช่วยให้การโหลดเว็บไซต์เร็วขึ้น เนื่องจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดกับผู้ใช้จะเป็นคนส่งข้อมูลให้ ซึ่งช่วยลดระยะเวลาในการโหลดหน้าเว็บ

วิธีการใช้ CDN:

  • ใช้ CDN สำหรับการเก็บข้อมูลไฟล์ที่มีขนาดใหญ่ เช่น ภาพ, วิดีโอ หรือไฟล์ CSS/JS

  • เลือกผู้ให้บริการ CDN ที่มีเซิร์ฟเวอร์ที่ครอบคลุมทั่วโลก เพื่อให้ผู้ใช้สามารถโหลดข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุด

4. การลดการใช้ JavaScript ที่ไม่จำเป็น

การใช้ JavaScript ในเว็บไซต์มากเกินไปอาจทำให้เว็บไซต์โหลดช้า เพราะ JavaScript จะทำให้บราวเซอร์ต้องทำงานมากขึ้นในการประมวลผลหน้าเว็บ ดังนั้นการลบสคริปต์ที่ไม่จำเป็นหรือไม่ใช้งานจะช่วยเพิ่มความเร็ว

วิธีการลดการใช้ JavaScript:

  • ตรวจสอบและลบสคริปต์ที่ไม่จำเป็นจากเว็บไซต์

  • ใช้ Asynchronous Loading สำหรับ JavaScript เพื่อให้การโหลดหน้าส่วนอื่น ๆ ไม่ถูกขัดจังหวะ

5. การใช้ Browser Caching

การตั้งค่า Cache-Control จะช่วยให้ไฟล์ที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงบ่อยๆ เช่น รูปภาพ, CSS, และ JS ถูกเก็บไว้ในแคชของเบราว์เซอร์ ผู้ใช้จะไม่ต้องโหลดไฟล์เหล่านี้ใหม่ทุกครั้งที่เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดเว็บไซต์

วิธีการตั้งค่า Browser Caching:

  • กำหนดระยะเวลาในการเก็บไฟล์ในแคช เช่น 1 สัปดาห์ หรือ 1 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไฟล์

  • ใช้ Expires Headers เพื่อบอกเบราว์เซอร์ว่าไฟล์ไหนที่ควรเก็บไว้ในแคช

กรณีศึกษา: เว็บไซต์ท่องเที่ยวปรับการโหลดหน้าเว็บและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งาน

เว็บไซต์ท่องเที่ยว ที่ให้บริการจองทริปต่างประเทศและโรงแรมได้ตระหนักถึงความสำคัญของการโหลดหน้าเว็บที่รวดเร็ว จึงได้ทำการปรับปรุง ความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ โดยการลดขนาดของภาพที่ใช้ในเว็บไซต์, ใช้ CDN, และปรับ Lazy Loading สำหรับภาพที่ไม่จำเป็นต้องแสดงในทันที

การปรับปรุงที่ทำ:

  • บีบอัดภาพ ที่ใช้บนเว็บไซต์และเลือกใช้ฟอร์แมต WebP ซึ่งสามารถลดขนาดไฟล์ภาพได้มาก

  • ใช้ CDN เพื่อกระจายการโหลดข้อมูลจากเซิร์ฟเวอร์ที่ใกล้ที่สุดกับผู้ใช้

  • เพิ่มการใช้ Caching เพื่อให้ผู้ใช้ที่กลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์ไม่ต้องดาวน์โหลดข้อมูลซ้ำ

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้น: หลังจากการปรับปรุงการโหลดเว็บไซต์ ลูกค้าสามารถเข้าถึงข้อมูลทริปได้เร็วขึ้น

  • อันดับ SEO ดีขึ้น: การโหลดที่เร็วขึ้นช่วยให้ Bounce Rate ลดลงและ Dwell Time เพิ่มขึ้น ทำให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับที่ดีขึ้นใน Google

  • การจองทริปผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 30%: การปรับความเร็วของเว็บไซต์ช่วยให้ผู้ใช้สามารถทำการจองทริปได้สะดวกและรวดเร็ว

สรุป

การทำ SEO และการออกแบบ UX/UI ที่ดีมีผลโดยตรงต่อความเร็วในการโหลดเว็บไซต์ ซึ่งเป็นปัจจัยที่สำคัญในการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้ การบีบอัดไฟล์, การใช้ CDN, การปรับขนาดภาพ, และการใช้ Lazy Loading สามารถช่วยให้เว็บไซต์โหลดเร็วขึ้นและส่งผลต่อ SEO ที่ดีขึ้น กรณีศึกษาจากเว็บไซต์ท่องเที่ยว ที่ปรับการโหลดหน้าเว็บและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานทำให้ SEO ดีขึ้น และ การจองผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 30% เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การปรับปรุงความเร็วของเว็บไซต์มีผลต่อประสิทธิภาพทั้งในด้าน UX และ SEO.

 

Written by
Mic Noppawit Chavanadul
Mic Noppawit Chavanadul

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

16
July, 2025
JS class syntax
16 July, 2025
JS class syntax
เชื่อว่าหลายๆคนที่เขียน javascript กันมา คงต้องเคยสงสัยกันบ้าง ว่า class ที่อยู่ใน js เนี่ย มันคืออะไร แล้วมันมีหน้าที่ต่างกับการประกาศ function อย่างไร? เรามารู้จักกับ class ให้มากขึ้นกันดีกว่า class เปรียบเสมือนกับ blueprint หรือแบบพิมพ์เขียว ที่สามารถนำไปสร้างเป็นสิ่งของ( object ) ตาม blueprint หรือแบบพิมพ์เขียว( class ) นั้นๆได้ โดยภายใน class

By

4 mins read
Thai
16
July, 2025
15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G
16 July, 2025
15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G
ผู้ให้บริการเครือข่ายในสหรัฐฯ ได้เปิดตัว 5G ในหลายรูปแบบ และเช่นเดียวกับผู้ให้บริการเครือข่ายในยุโรปหลายราย แต่… 5G มันคืออะไร และทำไมเราต้องให้ความสนใจ บทความนี้ได้รวบรวม 15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G เพราะเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันกำลังจะถูกใช้งานอย่างกว้างขวางขึ้น 1. 5G หรือ Fifth-Generation คือยุคใหม่ของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่จะมาแทนที่ระบบ 4G ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมันไม่ได้ถูกจำกัดแค่มือถือเท่านั้น แต่รวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ 2. 5G คือการพัฒนา 3 ส่วนที่สำคัญที่จะนำมาสู่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ขยายช่องสัญญาณขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ การตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นในระยะเวลาที่น้อยลง ความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์มากกว่า 1 ในเวลาเดียวกัน 3. สัญญาณ 5G นั้นแตกต่างจากระบบ

By

4 mins read
Thai
16
July, 2025
จัดการ Array ด้วย Javascript (Clone Deep)
16 July, 2025
จัดการ Array ด้วย Javascript (Clone Deep)
ในปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาที่ถูกใช้ในการเขียนเว็บต่าง ๆ นั้น คงหนีไม่พ้นภาษา Javascript ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกนำไปพัฒนาเป็น framework หรือ library ต่าง ๆ มากมาย ผู้พัฒนาหลายคนก็มีรูปแบบการเขียนภาษา Javascript ที่แตกต่างกัน เราเลยมีแนวทางการเขียนที่หลากหลาย มาแบ่งปันเพื่อน ๆ เกี่ยวกับการจัดการ Array ด้วยภาษา Javascript กัน เรามาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า โดยปกติแล้วการ copy ค่าจาก value type ธรรมดา สามารถเขียนได้ดังนี้

By

4 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.