UX/UI ที่ดีช่วยลดเวลาการทำธุรกรรมได้อย่างไร?

ในยุคที่ทุกอย่างต้องการความรวดเร็ว ธุรกรรมออนไลน์ กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถทำรายการได้อย่างรวดเร็วและไร้ปัญหา UX (User Experience) และ UI (User Interface) ที่ดีช่วยให้กระบวนการทำธุรกรรมมีความลื่นไหล ไม่ซับซ้อน และลดความยุ่งยากที่อาจทำให้ผู้ใช้ละทิ้งการทำรายการกลางคัน
แพลตฟอร์มสั่งอาหารเป็นตัวอย่างที่ดีของธุรกรรมที่ต้องการ UX/UI ที่มีประสิทธิภาพ เพราะลูกค้าต้องการสั่งอาหารอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนที่ยุ่งยาก บทความนี้จะอธิบาย แนวทางการออกแบบ UX/UI ที่ช่วยลดเวลาการทำธุรกรรม พร้อมกรณีศึกษาของ แอป Food Delivery ที่สามารถลดเวลาการทำรายการลง 40% และเพิ่มจำนวนคำสั่งซื้อขึ้น 25%
ปัญหาที่พบในแพลตฟอร์มที่มี UX/UI ไม่ดี
-
ขั้นตอนสั่งซื้อมากเกินไป – ผู้ใช้ต้องกรอกข้อมูลหลายขั้นตอนก่อนกดยืนยัน
-
การเลือกเมนูใช้เวลานาน – ร้านอาหารมีเมนูเยอะ แต่ไม่มีระบบแนะนำเมนูโปรด
-
ต้องกรอกที่อยู่ใหม่ทุกครั้ง – ทำให้เสียเวลาและอาจเกิดข้อผิดพลาด
-
ไม่มีระบบ “สั่งซ้ำ” – ผู้ใช้ต้องเลือกเมนูเดิมซ้ำๆ ทุกครั้งที่ต้องการสั่งอาหาร
-
กระบวนการชำระเงินไม่สะดวก – ไม่มีตัวเลือกชำระเงินที่เหมาะสม หรือขั้นตอนยุ่งยาก
แนวทางออกแบบ UX/UI ที่ช่วยลดเวลาการทำธุรกรรม
1. ใช้ระบบ “เมนูโปรด” เพื่อช่วยให้เลือกอาหารได้เร็วขึ้น
ปัญหา: ผู้ใช้ใช้เวลานานในการเลือกเมนูทุกครั้ง
แนวทางแก้ไข:
-
เพิ่ม ฟีเจอร์ “เมนูโปรด” ที่ให้ผู้ใช้บันทึกรายการอาหารที่สั่งบ่อย
-
ใช้ AI แนะนำเมนู ตามพฤติกรรมการสั่งซื้อ
-
จัดหมวดหมู่ร้านอาหารให้ค้นหาง่ายขึ้น เช่น "ร้านใกล้ฉัน", "ร้านโปรโมชัน", "อาหารที่คุณเคยสั่ง"
ผลลัพธ์ที่ได้:
-
ผู้ใช้สามารถเลือกเมนูได้เร็วขึ้น ลดเวลาการเลือกอาหารลง 30%
-
เพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาซ้ำ
2. เพิ่มระบบกรอกที่อยู่แบบอัตโนมัติ
ปัญหา: ผู้ใช้ต้องกรอกที่อยู่เองทุกครั้ง ทำให้เสียเวลาและอาจพิมพ์ผิด
แนวทางแก้ไข:
-
ใช้ ระบบบันทึกที่อยู่ ให้ผู้ใช้สามารถเลือกที่อยู่เดิมได้ง่าย
-
เพิ่ม การใช้ GPS และแผนที่อัตโนมัติ เพื่อลดขั้นตอนการกรอกที่อยู่
-
ใช้ Auto-fill ให้กรอกที่อยู่ได้รวดเร็วขึ้น
ผลลัพธ์ที่ได้:
-
ลดเวลาการกรอกที่อยู่จาก 30 วินาที เหลือเพียง 5 วินาที
-
ลดข้อผิดพลาดในการพิมพ์ที่อยู่ผิด
3. เพิ่มปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” เพื่อทำให้กระบวนการสั่งซ้ำง่ายขึ้น
ปัญหา: ผู้ใช้ต้องค้นหารายการอาหารเดิมทุกครั้งที่ต้องการสั่ง
แนวทางแก้ไข:
-
เพิ่ม ปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” (Reorder Button) บนหน้าแรกของแอป
-
แสดง ออเดอร์ที่เคยสั่งล่าสุด เพื่อให้กดสั่งซ้ำได้ทันที
-
ใช้ AI แนะนำอาหารที่ผู้ใช้มักสั่งบ่อย
ผลลัพธ์ที่ได้:
-
ผู้ใช้สามารถทำรายการซ้ำได้เร็วขึ้น ลดเวลาได้ถึง 40%
-
อัตราการสั่งซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 35%
4. ปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้รวดเร็วและง่ายขึ้น
ปัญหา: กระบวนการชำระเงินซับซ้อน ทำให้ผู้ใช้ล้มเลิกการสั่งซื้อ
แนวทางแก้ไข:
-
รองรับ การชำระเงินแบบ One-Click Payment เช่น Apple Pay, Google Pay
-
เพิ่ม ระบบบันทึกบัตรเครดิต/เดบิต ให้ผู้ใช้สามารถจ่ายได้รวดเร็วขึ้น
-
แสดง ตัวเลือกชำระเงินที่เหมาะสม ตามพฤติกรรมของผู้ใช้
ผลลัพธ์ที่ได้:
-
ลดอัตราการละทิ้งการสั่งซื้อในขั้นตอนชำระเงิน ลง 25%
-
ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาเพียง 10 วินาที
5. ปรับปรุง UI ให้เรียบง่าย และลดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น
ปัญหา: UI ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ใช้เวลานานในการหาปุ่มกดสั่งซื้อ
แนวทางแก้ไข:
-
ออกแบบ ปุ่ม CTA (Call to Action) ที่ชัดเจน เช่น ปุ่ม “สั่งซื้อทันที”
-
ใช้ Layout ที่เรียบง่าย โดยลดข้อมูลที่ไม่จำเป็น
-
เพิ่ม สีสันที่ดึงดูด และไอคอนที่เข้าใจง่าย
ผลลัพธ์ที่ได้:
-
ลดเวลาในการทำธุรกรรมลงโดยเฉลี่ย 15%
-
ผู้ใช้เข้าใจวิธีใช้งานแอปได้ง่ายขึ้น
กรณีศึกษา: แอป Food Delivery ที่ปรับ UX/UI ให้การสั่งซื้อเร็วขึ้น
ปัญหาที่พบก่อนการปรับปรุง UX/UI
แอปสั่งอาหารแห่งหนึ่งพบว่า ผู้ใช้ใช้เวลานานในการเลือกเมนูและกรอกที่อยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาดังนี้:
-
กระบวนการเลือกเมนู ใช้เวลานานกว่า 2 นาที
-
ผู้ใช้ต้องกรอกที่อยู่เองทุกครั้ง ทำให้เกิดข้อผิดพลาด
-
ไม่มีระบบ “สั่งอีกครั้ง” ทำให้ผู้ใช้ต้องค้นหารายการอาหารเดิมทุกครั้ง
-
กระบวนการชำระเงินใช้เวลานาน ทำให้ผู้ใช้บางส่วนยกเลิกการสั่งซื้อ
การปรับปรุง UX/UI เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม
ทีม UX/UI ได้ทำการแก้ไขปัญหาดังนี้:
-
เพิ่มฟีเจอร์ “เมนูโปรด” และ AI แนะนำอาหารที่เคยสั่ง
-
ใช้ระบบกรอกที่อยู่แบบอัตโนมัติ ผ่าน GPS และ Auto-fill
-
เพิ่มปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” ให้ผู้ใช้สามารถกดสั่งได้ทันที
-
รองรับการชำระเงินแบบ One-Click Payment
ผลลัพธ์หลังการปรับปรุง UX/UI
-
เวลาการทำรายการลดลง 40% (จาก 2 นาที เหลือเพียง 1.2 นาที)
-
จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 25%
-
อัตราการสั่งซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 35%
-
อัตราการละทิ้งการสั่งซื้อในขั้นตอนชำระเงินลดลง 25%
สรุป
UX/UI ที่ดีสามารถช่วยลดเวลาการทำธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้กระบวนการสั่งซื้อง่ายขึ้นและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกรรมรวดเร็วขึ้น ได้แก่:
-
เพิ่มระบบ “เมนูโปรด” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกอาหารได้เร็วขึ้น
-
ใช้ Auto-fill และ GPS เพื่อลดเวลาการกรอกที่อยู่
-
เพิ่มปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” เพื่อลดเวลาการทำรายการซ้ำ
-
ทำให้กระบวนการชำระเงินเร็วขึ้น ผ่าน One-Click Payment
-
ออกแบบ UI ให้เรียบง่าย และลดองค์ประกอบที่ซับซ้อน
กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า UX/UI ที่ดีช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ ลดเวลาการทำธุรกรรม และเพิ่มยอดขายได้จริง


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








