26Mar, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
26 March, 2025
Thai

UX/UI ที่ดีช่วยลดเวลาการทำธุรกรรมได้อย่างไร?

By

2 mins read
UX/UI ที่ดีช่วยลดเวลาการทำธุรกรรมได้อย่างไร?

ในยุคที่ทุกอย่างต้องการความรวดเร็ว ธุรกรรมออนไลน์ กลายเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องออกแบบให้ผู้ใช้สามารถทำรายการได้อย่างรวดเร็วและไร้ปัญหา UX (User Experience) และ UI (User Interface) ที่ดีช่วยให้กระบวนการทำธุรกรรมมีความลื่นไหล ไม่ซับซ้อน และลดความยุ่งยากที่อาจทำให้ผู้ใช้ละทิ้งการทำรายการกลางคัน

แพลตฟอร์มสั่งอาหารเป็นตัวอย่างที่ดีของธุรกรรมที่ต้องการ UX/UI ที่มีประสิทธิภาพ เพราะลูกค้าต้องการสั่งอาหารอย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเสียเวลากับขั้นตอนที่ยุ่งยาก บทความนี้จะอธิบาย แนวทางการออกแบบ UX/UI ที่ช่วยลดเวลาการทำธุรกรรม พร้อมกรณีศึกษาของ แอป Food Delivery ที่สามารถลดเวลาการทำรายการลง 40% และเพิ่มจำนวนคำสั่งซื้อขึ้น 25%

 

ปัญหาที่พบในแพลตฟอร์มที่มี UX/UI ไม่ดี

  1. ขั้นตอนสั่งซื้อมากเกินไป – ผู้ใช้ต้องกรอกข้อมูลหลายขั้นตอนก่อนกดยืนยัน

  2. การเลือกเมนูใช้เวลานาน – ร้านอาหารมีเมนูเยอะ แต่ไม่มีระบบแนะนำเมนูโปรด

  3. ต้องกรอกที่อยู่ใหม่ทุกครั้ง – ทำให้เสียเวลาและอาจเกิดข้อผิดพลาด

  4. ไม่มีระบบ “สั่งซ้ำ” – ผู้ใช้ต้องเลือกเมนูเดิมซ้ำๆ ทุกครั้งที่ต้องการสั่งอาหาร

  5. กระบวนการชำระเงินไม่สะดวก – ไม่มีตัวเลือกชำระเงินที่เหมาะสม หรือขั้นตอนยุ่งยาก

 

แนวทางออกแบบ UX/UI ที่ช่วยลดเวลาการทำธุรกรรม

1. ใช้ระบบ “เมนูโปรด” เพื่อช่วยให้เลือกอาหารได้เร็วขึ้น

ปัญหา: ผู้ใช้ใช้เวลานานในการเลือกเมนูทุกครั้ง

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่ม ฟีเจอร์ “เมนูโปรด” ที่ให้ผู้ใช้บันทึกรายการอาหารที่สั่งบ่อย

  • ใช้ AI แนะนำเมนู ตามพฤติกรรมการสั่งซื้อ

  • จัดหมวดหมู่ร้านอาหารให้ค้นหาง่ายขึ้น เช่น "ร้านใกล้ฉัน", "ร้านโปรโมชัน", "อาหารที่คุณเคยสั่ง"

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ผู้ใช้สามารถเลือกเมนูได้เร็วขึ้น ลดเวลาการเลือกอาหารลง 30%

  • เพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ ไม่ต้องเสียเวลาค้นหาซ้ำ

 

2. เพิ่มระบบกรอกที่อยู่แบบอัตโนมัติ

ปัญหา: ผู้ใช้ต้องกรอกที่อยู่เองทุกครั้ง ทำให้เสียเวลาและอาจพิมพ์ผิด

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ ระบบบันทึกที่อยู่ ให้ผู้ใช้สามารถเลือกที่อยู่เดิมได้ง่าย

  • เพิ่ม การใช้ GPS และแผนที่อัตโนมัติ เพื่อลดขั้นตอนการกรอกที่อยู่

  • ใช้ Auto-fill ให้กรอกที่อยู่ได้รวดเร็วขึ้น

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ลดเวลาการกรอกที่อยู่จาก 30 วินาที เหลือเพียง 5 วินาที

  • ลดข้อผิดพลาดในการพิมพ์ที่อยู่ผิด

 

3. เพิ่มปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” เพื่อทำให้กระบวนการสั่งซ้ำง่ายขึ้น

ปัญหา: ผู้ใช้ต้องค้นหารายการอาหารเดิมทุกครั้งที่ต้องการสั่ง

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่ม ปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” (Reorder Button) บนหน้าแรกของแอป

  • แสดง ออเดอร์ที่เคยสั่งล่าสุด เพื่อให้กดสั่งซ้ำได้ทันที

  • ใช้ AI แนะนำอาหารที่ผู้ใช้มักสั่งบ่อย

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ผู้ใช้สามารถทำรายการซ้ำได้เร็วขึ้น ลดเวลาได้ถึง 40%

  • อัตราการสั่งซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 35%

 

 

4. ปรับปรุงกระบวนการชำระเงินให้รวดเร็วและง่ายขึ้น

ปัญหา: กระบวนการชำระเงินซับซ้อน ทำให้ผู้ใช้ล้มเลิกการสั่งซื้อ

แนวทางแก้ไข:

  • รองรับ การชำระเงินแบบ One-Click Payment เช่น Apple Pay, Google Pay

  • เพิ่ม ระบบบันทึกบัตรเครดิต/เดบิต ให้ผู้ใช้สามารถจ่ายได้รวดเร็วขึ้น

  • แสดง ตัวเลือกชำระเงินที่เหมาะสม ตามพฤติกรรมของผู้ใช้

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ลดอัตราการละทิ้งการสั่งซื้อในขั้นตอนชำระเงิน ลง 25%

  • ผู้ใช้สามารถชำระเงินได้เร็วขึ้น โดยใช้เวลาเพียง 10 วินาที

 

5. ปรับปรุง UI ให้เรียบง่าย และลดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็น

ปัญหา: UI ซับซ้อนเกินไป ทำให้ผู้ใช้ใช้เวลานานในการหาปุ่มกดสั่งซื้อ

แนวทางแก้ไข:

  • ออกแบบ ปุ่ม CTA (Call to Action) ที่ชัดเจน เช่น ปุ่ม “สั่งซื้อทันที”

  • ใช้ Layout ที่เรียบง่าย โดยลดข้อมูลที่ไม่จำเป็น

  • เพิ่ม สีสันที่ดึงดูด และไอคอนที่เข้าใจง่าย

ผลลัพธ์ที่ได้:

  • ลดเวลาในการทำธุรกรรมลงโดยเฉลี่ย 15%

  • ผู้ใช้เข้าใจวิธีใช้งานแอปได้ง่ายขึ้น

 

กรณีศึกษา: แอป Food Delivery ที่ปรับ UX/UI ให้การสั่งซื้อเร็วขึ้น

ปัญหาที่พบก่อนการปรับปรุง UX/UI

แอปสั่งอาหารแห่งหนึ่งพบว่า ผู้ใช้ใช้เวลานานในการเลือกเมนูและกรอกที่อยู่ ส่งผลให้เกิดปัญหาดังนี้:

  • กระบวนการเลือกเมนู ใช้เวลานานกว่า 2 นาที

  • ผู้ใช้ต้องกรอกที่อยู่เองทุกครั้ง ทำให้เกิดข้อผิดพลาด

  • ไม่มีระบบ “สั่งอีกครั้ง” ทำให้ผู้ใช้ต้องค้นหารายการอาหารเดิมทุกครั้ง

  • กระบวนการชำระเงินใช้เวลานาน ทำให้ผู้ใช้บางส่วนยกเลิกการสั่งซื้อ

 

การปรับปรุง UX/UI เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม

ทีม UX/UI ได้ทำการแก้ไขปัญหาดังนี้:

  1. เพิ่มฟีเจอร์ “เมนูโปรด” และ AI แนะนำอาหารที่เคยสั่ง

  2. ใช้ระบบกรอกที่อยู่แบบอัตโนมัติ ผ่าน GPS และ Auto-fill

  3. เพิ่มปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” ให้ผู้ใช้สามารถกดสั่งได้ทันที

  4. รองรับการชำระเงินแบบ One-Click Payment

 

ผลลัพธ์หลังการปรับปรุง UX/UI

  • เวลาการทำรายการลดลง 40% (จาก 2 นาที เหลือเพียง 1.2 นาที)

  • จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 25%

  • อัตราการสั่งซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 35%

  • อัตราการละทิ้งการสั่งซื้อในขั้นตอนชำระเงินลดลง 25%

 

สรุป

UX/UI ที่ดีสามารถช่วยลดเวลาการทำธุรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยทำให้กระบวนการสั่งซื้อง่ายขึ้นและลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ธุรกรรมรวดเร็วขึ้น ได้แก่:

  • เพิ่มระบบ “เมนูโปรด” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกอาหารได้เร็วขึ้น

  • ใช้ Auto-fill และ GPS เพื่อลดเวลาการกรอกที่อยู่

  • เพิ่มปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” เพื่อลดเวลาการทำรายการซ้ำ

  • ทำให้กระบวนการชำระเงินเร็วขึ้น ผ่าน One-Click Payment

  • ออกแบบ UI ให้เรียบง่าย และลดองค์ประกอบที่ซับซ้อน

กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า UX/UI ที่ดีช่วยเพิ่มความสะดวกให้ผู้ใช้ ลดเวลาการทำธุรกรรม และเพิ่มยอดขายได้จริง

 

Written by
Chu Chawit Supanichpol
Chu Chawit Supanichpol

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

01
April, 2025
UX for Psychology - Loss Aversion (ความกลัวการสูญเสีย)
1 April, 2025
UX for Psychology - Loss Aversion (ความกลัวการสูญเสีย)
หลายคนคงเคยเจอเหตุการต่างๆ บนโลกดิจิทัลที่สามารถนำพาเราไปเสียเงินหรือสมัครใช้บริการได้ง่าย ๆ ทั้งที่ไม่รู้ตัว ลองมาดูกันว่า พวกเขาเหล่านั้น ใช้วิธีหลอกล่อนักชอปอย่างเรากันอย่างไรบ้าง พื้นฐานของคนทั่วไปนั้นไม่อยากที่จะสูญเสียอะไรไป แม้แต่สิ่งที่อาจจะไม่จำเป็น เราอาจจะพบการทำการตลาดในเชิงนี้ได้บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้ตัว และอาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อแต่โดนกระตุ้นด้วยข้อมูลที่เรารับมาแบบงง ๆ เช่น Flash sale 40% สินค้าที่มีจำนวนจำกัด นั้นจะน่าสนใจมากกว่าการเดินเจอสินค้าเดียวกันในห้างที่ลดราคา 40% เช่นเดียวกัน ข้อความบนเว็บช็อปปิ้งที่ส่งมาหาคุณว่าสินค้าที่คุณเคยสนใจกำลังลดราคาอยู่ อย่าพลาดโอกาสที่จะซื้อตอนนี้ มักกระตุ้นความต้องการซื้อของเราได้เป็นอย่างดี เพราะเรากลัวที่จะเสียโอกาสดี

By

3 mins read
Thai
01
April, 2025
ทำไม Google Fonts ถึงเป็นทางเลือกที่ดีในการออกแบบเว็บไซต์
1 April, 2025
ทำไม Google Fonts ถึงเป็นทางเลือกที่ดีในการออกแบบเว็บไซต์
แต่ก่อน เวลาที่เว็บไซต์ถูกดีไซน์ด้วยฟอนต์แปลก ๆ หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะทำให้ผู้ใช้งานบางคนมองไม่เห็น เพราะในเครื่องของผู้ใช้งานไม่มีฟอนต์นั้น ระบบก็จะเลือกเอาฟอนต์อื่นในเครื่องขึ้นมาแสดงผล เห็นเป็นฟอนต์อื่นไป ทำให้ดีไซเนอร์ต้องแก้ปัญหาด้วยการทำรูปแล้วเอามาแปะในเว็บไซต์แทน หรือแม้ว่าจะแสดงผลตามที่ถูกออกแบบมา ความเร็วก็อาจเป็นปัญหาในการโหลดและเข้าถึง เพราะฟอนต์ถูกโหลดจากเซิร์ฟเวอร์ แต่สมัยนี้ไม่มีใครใจเย็นพอที่จะรออะไรนานๆ เพราะจากรายงานระบุว่า 40% ของคนที่เข้าเว็บไซต์ จะออกหรือปิดทันทีถ้ามีการโหลดนานกว่า 3 วินาที โดยเฉพาะนักช็อปออนไลน์เกือบครึ่งที่พร้อมจะหันหลังให้อีคอมเมิร์ซเว็บไซต์ที่โหลดช้ากว่า 2 วินาที และ 79% บอกว่ามีโอกาสที่จะไม่ใช้บริการอีก Google Fonts คืออะไร? (กันแน่) หลายคนคงรู้จัก Google Fonts แต่วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักให้มากขึ้น

By

4 mins read
Thai
01
April, 2025
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
1 April, 2025
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital

By

4 mins read
English

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.