24Jul, 2024
Language blog :
Thai
Share blog : 
24 July, 2024
Thai

Continuous Delivery: ปลดล็อกศักยภาพการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

By

2 mins read
Continuous Delivery: ปลดล็อกศักยภาพการพัฒนาซอฟต์แวร์ด้วยระบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ

ในโลกธุรกิจยุคดิจิทัล ความเร็วและคุณภาพของซอฟต์แวร์เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง Continuous Delivery (CD) เป็นแนวปฏิบัติในการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้องค์กรสามารถปรับใช้ซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง โดยลดความเสี่ยงและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

continuous-delivery-solutions

Continuous Delivery คืออะไร?

Continuous Delivery เป็นกระบวนการที่เน้นการนำระบบอัตโนมัติมาใช้ในการสร้าง (Build) ทดสอบ (Test) และปรับใช้ (Deploy) ซอฟต์แวร์ ตั้งแต่ขั้นตอนแรกของการพัฒนาไปจนถึงการปล่อยให้ผู้ใช้ใช้งานจริง (Production) ซึ่งแตกต่างจากการปรับใช้ซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่มักใช้เวลานานและมีความเสี่ยงสูง

เจาะลึกกระบวนการ Continuous Delivery

  1. Continuous Integration (CI): นักพัฒนาจะรวมโค้ดของตนเข้ากับ Repository กลาง (เช่น Git) อย่างต่อเนื่อง โดยระบบจะทำการ Build และ Test อัตโนมัติทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงโค้ด ทำให้สามารถตรวจพบข้อผิดพลาดได้ตั้งแต่เนิ่นๆ

  2. Automated Testing: มีการทดสอบซอฟต์แวร์ในหลายระดับ เช่น:

  • Unit Testing: ทดสอบการทำงานของแต่ละส่วนของโค้ดแยกกัน

  • Integration Testing: ทดสอบการทำงานร่วมกันของส่วนต่างๆ ของโค้ด

  • End-to-End Testing: ทดสอบการทำงานของระบบทั้งหมด ตั้งแต่ Front-end ถึง Back-end

  1. Deployment Automation: กระบวนการปรับใช้ซอฟต์แวร์จะถูกทำให้เป็นอัตโนมัติด้วยเครื่องมือ เช่น Jenkins, GitLab CI/CD, หรือ CircleCI โดยระบบจะทำการเตรียมสภาพแวดล้อม ติดตั้ง dependencies และปรับใช้ซอฟต์แวร์บนเซิร์ฟเวอร์

  • Infrastructure as Code (IaC): เครื่องมืออย่าง Terraform หรือ Ansible ช่วยในการจัดการโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ให้เป็นไปตามที่กำหนดไว้ในโค้ด ช่วยให้การสร้างและปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเป็นไปได้อย่างรวดเร็วและสอดคล้องกัน

  • Containerization: เทคโนโลยี Container เช่น Docker ช่วยให้สามารถแพ็คเกจซอฟต์แวร์และ dependencies ทั้งหมดไว้ใน Container เดียว ทำให้สามารถปรับใช้ซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย

  1. Monitoring and Observability: ระบบจะตรวจสอบการทำงานของซอฟต์แวร์อย่างต่อเนื่องหลังจากการปรับใช้ โดยใช้เครื่องมือ เช่น Prometheus, Grafana, ELK Stack, หรือ Datadog เพื่อติดตาม Performance, Availability, และ Error Rates

  • Log Aggregation: รวบรวม Log จากระบบต่างๆ เพื่อวิเคราะห์หาสาเหตุของปัญหาและแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว

  • Alerting: ระบบจะส่งการแจ้งเตือนหากพบปัญหาที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของซอฟต์แวร์ ทำให้ทีมพัฒนาสามารถแก้ไขปัญหาได้ก่อนที่ผู้ใช้จะได้รับผลกระทบ

  1. Rollback and Recovery: หากพบปัญหาหลังจากการปรับใช้ ระบบสามารถย้อนกลับไปใช้เวอร์ชันก่อนหน้าได้อย่างรวดเร็ว และสามารถกู้คืนข้อมูลได้ในกรณีที่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

ประโยชน์ของ Continuous Delivery

  • เพิ่มความเร็วในการปรับใช้: ลดระยะเวลาในการปล่อยซอฟต์แวร์สู่ตลาดได้อย่างมีนัยสำคัญ

  • ลดความผิดพลาดและความเสี่ยง: ลดความเสี่ยงของข้อผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้นจากการปรับใช้ด้วยมือ และสามารถย้อนกลับได้อย่างรวดเร็วหากพบปัญหา

  • เพิ่มประสิทธิภาพ: ช่วยให้ทีมพัฒนาสามารถโฟกัสกับการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ ได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องเสียเวลากับงานซ้ำๆ

  • เพิ่มความน่าเชื่อถือ: กระบวนการปรับใช้ที่เป็นมาตรฐานและทำซ้ำได้ ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของซอฟต์แวร์

สรุป

Continuous Delivery เป็นแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ทันสมัย ช่วยให้องค์กรสามารถปรับใช้ซอฟต์แวร์ได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และมีความน่าเชื่อถือ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจในยุคดิจิทัลที่การแข่งขันสูง

Written by
Pooh Phuvit Jaruratkit
Pooh Phuvit Jaruratkit

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

01
April, 2025
JS class syntax
1 April, 2025
JS class syntax
เชื่อว่าหลายๆคนที่เขียน javascript กันมา คงต้องเคยสงสัยกันบ้าง ว่า class ที่อยู่ใน js เนี่ย มันคืออะไร แล้วมันมีหน้าที่ต่างกับการประกาศ function อย่างไร? เรามารู้จักกับ class ให้มากขึ้นกันดีกว่า class เปรียบเสมือนกับ blueprint หรือแบบพิมพ์เขียว ที่สามารถนำไปสร้างเป็นสิ่งของ( object ) ตาม blueprint หรือแบบพิมพ์เขียว( class ) นั้นๆได้ โดยภายใน class

By

4 mins read
Thai
01
April, 2025
15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G
1 April, 2025
15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G
ผู้ให้บริการเครือข่ายในสหรัฐฯ ได้เปิดตัว 5G ในหลายรูปแบบ และเช่นเดียวกับผู้ให้บริการเครือข่ายในยุโรปหลายราย แต่… 5G มันคืออะไร และทำไมเราต้องให้ความสนใจ บทความนี้ได้รวบรวม 15 สิ่งที่ทุกธุรกิจต้องรู้เกี่ยวกับ 5G เพราะเราปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันกำลังจะถูกใช้งานอย่างกว้างขวางขึ้น 1. 5G หรือ Fifth-Generation คือยุคใหม่ของเทคโนโลยีเครือข่ายไร้สายที่จะมาแทนที่ระบบ 4G ที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งมันไม่ได้ถูกจำกัดแค่มือถือเท่านั้น แต่รวมถึงอุปกรณ์ทุกชนิดที่เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตได้ 2. 5G คือการพัฒนา 3 ส่วนที่สำคัญที่จะนำมาสู่การเชื่อมต่ออุปกรณ์ไร้สายต่างๆ ขยายช่องสัญญาณขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็วในการเชื่อมต่อ การตอบสนองที่รวดเร็วขึ้นในระยะเวลาที่น้อยลง ความสามารถในการเชื่อมต่ออุปกรณ์มากกว่า 1 ในเวลาเดียวกัน 3. สัญญาณ 5G นั้นแตกต่างจากระบบ

By

4 mins read
Thai
01
April, 2025
จัดการ Array ด้วย Javascript (Clone Deep)
1 April, 2025
จัดการ Array ด้วย Javascript (Clone Deep)
ในปัจจุบันนี้ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าภาษาที่ถูกใช้ในการเขียนเว็บต่าง ๆ นั้น คงหนีไม่พ้นภาษา Javascript ซึ่งเป็นภาษาที่ถูกนำไปพัฒนาเป็น framework หรือ library ต่าง ๆ มากมาย ผู้พัฒนาหลายคนก็มีรูปแบบการเขียนภาษา Javascript ที่แตกต่างกัน เราเลยมีแนวทางการเขียนที่หลากหลาย มาแบ่งปันเพื่อน ๆ เกี่ยวกับการจัดการ Array ด้วยภาษา Javascript กัน เรามาดูตัวอย่างกันเลยดีกว่า โดยปกติแล้วการ copy ค่าจาก value type ธรรมดา สามารถเขียนได้ดังนี้

By

4 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.