เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ดีที่สุดในปี 2025

การสร้างเว็บไซต์ไม่จำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากอีกต่อไป ปัจจุบันมี เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรี ที่ช่วยให้ทุกคนสามารถสร้างเว็บได้ง่าย ๆ โดยไม่ต้องมีความรู้ด้านโค้ดดิ้ง ไม่ว่าคุณจะต้องการสร้างเว็บไซต์ ธุรกิจ, บล็อก, ร้านค้าออนไลน์ หรือพอร์ตโฟลิโอ ก็สามารถทำได้ในไม่กี่คลิก

ในปี 2025 มี แพลตฟอร์มสร้างเว็บไซต์ฟรี มากมายที่ใช้งานง่าย รองรับ SEO และมีดีไซน์ที่สวยงาม บทความนี้จะพาคุณไปดู เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ดีที่สุด และ ข้อดี-ข้อเสียของแต่ละแพลตฟอร์ม

1. Wix – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ฟรีที่ใช้งานง่ายที่สุด

จุดเด่นของ Wix

• มี AI Website Builder ที่ช่วยสร้างเว็บไซต์ให้คุณโดยอัตโนมัติ

• มี เทมเพลตฟรีกว่า 900 แบบ รองรับธุรกิจหลากหลายประเภท

• ปรับแต่งได้ง่าย ด้วยระบบ Drag & Drop

• มี SEO Tools ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับ Google ได้ง่ายขึ้น

ข้อเสีย

• แพ็กเกจฟรีจะมี โฆษณาของ Wix บนเว็บไซต์

• ไม่สามารถเชื่อมโดเมนส่วนตัวได้ (ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจพรีเมียม)

เหมาะกับ: ธุรกิจขนาดเล็ก, บล็อกเกอร์, ร้านค้าออนไลน์ขนาดเล็ก

2. WordPress.com – ตัวเลือกยอดนิยมสำหรับบล็อกและธุรกิจ

จุดเด่นของ WordPress.com

• รองรับ SEO และปลั๊กอิน มากมาย

• มี ธีมฟรีและพรีเมียม ให้เลือกใช้งาน

• มีระบบจัดการเนื้อหาที่ใช้งานง่าย เหมาะกับบล็อกและเว็บไซต์ข่าว

ข้อเสีย

• แพ็กเกจฟรีจะมี โฆษณา และไม่สามารถติดตั้งปลั๊กอินเพิ่มได้

• ต้องเรียนรู้ระบบ CMS ซึ่งอาจซับซ้อนกว่าตัวเลือกอื่น

เหมาะกับ: บล็อก, เว็บไซต์ข่าว, ธุรกิจที่ต้องการขยายในอนาคต

3. Shopify (Starter Plan) – ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับร้านค้าออนไลน์

จุดเด่นของ Shopify

• มี ระบบ E-Commerce ที่ดีที่สุด

• รองรับ การชำระเงินออนไลน์ และการเชื่อมต่อกับ Marketplace

• ใช้งานง่าย ไม่ต้องมีความรู้ด้านเทคนิค

ข้อเสีย

• แพ็กเกจฟรีรองรับเฉพาะแผน Starter Plan เท่านั้น

• หากต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง เช่น Dropshipping ต้องอัปเกรดเป็นแพ็กเกจเสียเงิน

เหมาะกับ: ร้านค้าออนไลน์, ธุรกิจที่ต้องการขายของออนไลน์แบบมืออาชีพ

4. Webflow – ตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับนักออกแบบเว็บไซต์

จุดเด่นของ Webflow

• รองรับ การออกแบบขั้นสูง โดยไม่ต้องใช้โค้ด

• สามารถสร้าง แอนิเมชัน และ UI ที่ซับซ้อน ได้

• ใช้ CMS ที่ยืดหยุ่น กว่าแพลตฟอร์มอื่น

ข้อเสีย

• ต้องใช้เวลาเรียนรู้ เพราะมีฟีเจอร์เยอะ

• แพ็กเกจฟรีมีข้อจำกัดด้านโฮสติ้ง และไม่สามารถเชื่อมโดเมนเองได้

เหมาะกับ: นักออกแบบเว็บไซต์, เอเจนซี่, ธุรกิจที่ต้องการเว็บไซต์แบบ Custom

5. Google Sites – ตัวเลือกที่ง่ายที่สุดสำหรับมือใหม่

จุดเด่นของ Google Sites

• ใช้งานง่ายสุด ๆ เพียงลากและวาง

• ฟรี 100% ไม่มีค่าใช้จ่าย ไม่มีโฆษณา

• เชื่อมต่อกับ Google Drive และ Google Workspace ได้ง่าย

ข้อเสีย

• มีเทมเพลตให้เลือกน้อย ไม่สามารถปรับแต่งได้มาก

• ไม่เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการเว็บไซต์มืออาชีพ

เหมาะกับ: เว็บไซต์องค์กร, เอกสารภายในบริษัท, เว็บไซต์สำหรับงานนำเสนอ

6. Zyro – เครื่องมือสร้างเว็บไซต์ที่ราคาถูกและใช้งานง่าย

จุดเด่นของ Zyro

• มี AI Tool ช่วยสร้างคอนเทนต์และออกแบบโลโก้

• ใช้งานง่าย คล้ายกับ Wix แต่ราคาถูกกว่า

• รองรับ E-Commerce และ SEO

ข้อเสีย

• แพ็กเกจฟรีมีข้อจำกัดเรื่องโดเมนและฟีเจอร์ขั้นสูง

• ตัวเลือกการปรับแต่งยังไม่มากเท่า Webflow หรือ Wix

เหมาะกับ: ธุรกิจขนาดเล็ก, เว็บไซต์พอร์ตโฟลิโอ

สรุป