hand lt
hand lt
hand lt
08Nov, 2024
Language blog :
Thai
Share blog : 
08 November, 2024
Thai

ข้อดีของ Responsive Web Design ในการทำ SEO ให้กับธุรกิจ

By

2 mins read
ข้อดีของ Responsive Web Design ในการทำ SEO ให้กับธุรกิจ

การออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับการใช้งานบนทุกอุปกรณ์ หรือที่เรียกว่า Responsive Web Design ไม่เพียงแต่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้สะดวกจากทุกขนาดหน้าจอเท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อการทำ SEO หรือการเพิ่มประสิทธิภาพให้เว็บไซต์ติดอันดับบนเครื่องมือค้นหาอย่าง Google อีกด้วย ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกถึงวิธีที่การออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive ช่วยเพิ่มคะแนน SEO ให้กับเว็บไซต์ รวมถึงความสำคัญของการทำให้เว็บไซต์รองรับทุกอุปกรณ์เพื่อให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้นและเพิ่มโอกาสในการสร้างยอดขาย

Responsive Web Design คืออะไร?

Responsive Web Design คือการออกแบบเว็บไซต์ที่มีความยืดหยุ่นในการแสดงผล ซึ่งสามารถปรับขนาดและโครงสร้างของหน้าเว็บตามขนาดหน้าจอของอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ใช้งาน เช่น โทรศัพท์มือถือ แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ การออกแบบแบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีในการเข้าถึงเว็บไซต์ ไม่ต้องเลื่อนซ้ายขวา หรือซูมเข้าออกเพื่อดูเนื้อหา

การทำให้เว็บไซต์รองรับทุกอุปกรณ์มีประโยชน์ไม่เพียงแต่กับผู้ใช้เท่านั้น แต่ยังมีผลดีต่อ SEO เนื่องจาก Google ให้ความสำคัญกับเว็บไซต์ที่ตอบสนองต่อการใช้งานของผู้ใช้ได้ดีและเป็นมิตรกับอุปกรณ์เคลื่อนที่

 

ข้อดีของ Responsive Web Design ในการทำ SEO

1. เพิ่มคะแนน SEO ด้วยการสร้างประสบการณ์ที่ดีต่อผู้ใช้

Google ให้ความสำคัญกับประสบการณ์ของผู้ใช้ (User Experience) และมองว่าเว็บไซต์ที่รองรับมือถือคือเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ การออกแบบแบบ Responsive ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายและสะดวก ไม่ว่าผู้ใช้จะเข้ามาดูเว็บไซต์จากอุปกรณ์ใดก็ตาม ทำให้ Google ให้คะแนน SEO ที่ดีขึ้น เนื่องจากการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ส่งผลต่อการจัดอันดับเว็บไซต์

ตัวอย่างของประสบการณ์ที่ดีจาก Responsive Design:

  • หน้าเว็บสามารถปรับตัวให้เข้ากับขนาดหน้าจอได้โดยอัตโนมัติ ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องขยายหรือลดขนาดของเนื้อหาเพื่ออ่าน

  • ลดปัญหาการละทิ้งหน้าเว็บไซต์ เนื่องจากผู้ใช้สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ทันทีโดยไม่ต้องรอนานหรือทำการซูมเข้าออก

2. การรวมลิงก์และ URL เดียวกัน ลดปัญหาการทำซ้ำของเนื้อหา

การใช้ Responsive Design ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมี URL เดียวสำหรับทุกขนาดหน้าจอ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้ไม่ว่าจะเข้าชมเว็บไซต์จากอุปกรณ์ใดก็จะถูกนำไปยัง URL เดียวกัน การมี URL เดียวช่วยลดปัญหาการทำซ้ำของเนื้อหา ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อ SEO

ข้อดีของการมี URL เดียว:

  • ลดปัญหาการทำซ้ำของเนื้อหาบนเว็บไซต์ ซึ่งส่งผลดีต่อการจัดอันดับในผลการค้นหา

  • การมี URL เดียวช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลของผู้ใช้เป็นไปได้อย่างง่ายดาย เพราะสามารถติดตามพฤติกรรมของผู้ใช้จากทุกอุปกรณ์ได้ในที่เดียว

3. ลดอัตราการตีกลับ (Bounce Rate)

Bounce Rate คืออัตราการออกจากเว็บไซต์โดยที่ผู้ใช้ไม่ได้เข้าชมหน้าอื่นบนเว็บไซต์ ซึ่งการออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะอยู่บนเว็บไซต์นานขึ้นและสำรวจเนื้อหาต่าง ๆ บนเว็บไซต์ ซึ่งจะช่วยลด Bounce Rate และทำให้ Google มองว่าเว็บไซต์มีคุณค่าและน่าสนใจ ส่งผลให้ได้คะแนน SEO ที่ดีขึ้น

ตัวอย่างการลด Bounce Rate ด้วย Responsive Design:

  • เว็บไซต์ที่มีการปรับตัวตามขนาดหน้าจอช่วยให้เนื้อหาสามารถดูและอ่านได้ง่าย ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกว่าเว็บไซต์ใช้งานยาก

  • การโหลดหน้าเว็บที่รวดเร็วและการใช้งานที่ราบรื่นช่วยเพิ่มความพึงพอใจและทำให้ผู้ใช้มีแนวโน้มที่จะสำรวจเนื้อหาเพิ่มเติม

4. ความเร็วในการโหลดหน้า (Page Speed)

Google ให้ความสำคัญกับความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ และ Responsive Design สามารถช่วยให้หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้นโดยการปรับขนาดของภาพและองค์ประกอบต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับหน้าจอที่ใช้งาน ซึ่งช่วยลดขนาดของไฟล์ที่ต้องโหลดและเพิ่มความเร็วในการเข้าถึงเนื้อหา ส่งผลดีต่อ SEO เพราะความเร็วในการโหลดหน้าเป็นปัจจัยหนึ่งที่ Google ใช้ในการจัดอันดับ

เทคนิคที่ช่วยเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้า:

  • ใช้ภาพขนาดเล็กและการบีบอัดภาพให้เหมาะสมกับอุปกรณ์

  • การเปิดใช้งาน Lazy Loading ซึ่งช่วยโหลดเฉพาะภาพและเนื้อหาที่ผู้ใช้กำลังดูเท่านั้น

5. ส่งผลดีต่อการจัดอันดับในเครื่องมือค้นหาของ Google

ตั้งแต่ปี 2015 เป็นต้นมา Google ได้เริ่มใช้อัลกอริทึมที่ให้คะแนนสูงกับเว็บไซต์ที่รองรับมือถือ (Mobile-Friendly) โดยเว็บไซต์ที่สามารถใช้งานได้ดีบนมือถือจะมีโอกาสได้รับการจัดอันดับสูงกว่าเว็บไซต์ที่ไม่รองรับมือถือ การใช้ Responsive Design จึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับธุรกิจที่ต้องการให้เว็บไซต์ได้รับการจัดอันดับสูงในผลการค้นหา ทำให้มีโอกาสถูกค้นพบได้ง่ายขึ้นและมีการเข้าชมที่เพิ่มขึ้น

 

กรณีศึกษา: เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์ที่ได้รับประโยชน์จาก Responsive Web Design

เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์รายหนึ่งได้ตัดสินใจปรับปรุงเว็บไซต์ให้รองรับทุกอุปกรณ์ โดยใช้เทคนิคการออกแบบ Responsive ซึ่งช่วยให้ลูกค้าสามารถดูสินค้า เลือกซื้อ และทำธุรกรรมการสั่งซื้อได้ง่ายไม่ว่าจะใช้อุปกรณ์ใดก็ตาม ก่อนหน้านี้ เว็บไซต์ของพวกเขายังไม่รองรับมือถือ ทำให้มีลูกค้าจำนวนมากละทิ้งหน้าเว็บเนื่องจากไม่สะดวกในการใช้งานผ่านมือถือ

การดำเนินการปรับปรุงเว็บไซต์

  1. การใช้ CSS Grid และ Media Queries: ทีมพัฒนาได้ใช้ CSS Grid และ Media Queries เพื่อปรับโครงสร้างของหน้าเว็บไซต์ให้สามารถตอบสนองต่อการใช้งานบนหน้าจอมือถือ โดยทำให้หน้าเว็บสามารถปรับขนาดได้อัตโนมัติตามอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ใช้งาน

  2. การบีบอัดภาพและใช้ Lazy Loading: ทีมงานได้บีบอัดภาพสินค้าและเปิดใช้ Lazy Loading เพื่อให้ภาพที่ยังไม่ถูกเลื่อนมาดูยังไม่โหลดทันที ทำให้หน้าเว็บโหลดได้เร็วขึ้น

  3. การจัดวางปุ่ม CTA ในตำแหน่งที่เหมาะสม: ปุ่ม “สั่งซื้อทันที” และ “ดูรายละเอียดเพิ่มเติม” ถูกจัดวางในตำแหน่งที่เข้าถึงง่ายและมีขนาดที่เหมาะสมกับหน้าจอมือถือ

ผลลัพธ์ที่ได้

หลังจากการปรับปรุงเว็บไซต์ให้เป็น Responsive เว็บไซต์ได้รับคะแนน SEO ที่ดีขึ้นจาก Google และสามารถขึ้นไปอยู่ในอันดับสูงขึ้นในผลการค้นหา นอกจากนี้ ยังพบว่าอัตราการเข้าชมจากผู้ใช้งานมือถือเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและทำธุรกรรมได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องซูมเข้าออกหรือต้องเลื่อนหน้าจอมากมาย ผลลัพธ์ที่ได้นี้ทำให้ยอดขายและการมีส่วนร่วมของลูกค้าเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

 

สรุป

การออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้แก่ผู้ใช้ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการทำ SEO ที่ส่งผลให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสถูกค้นพบได้ง่ายขึ้น ด้วยการปรับปรุงการออกแบบเว็บไซต์ให้รองรับทุกอุปกรณ์ ลดปัญหาการทำซ้ำของเนื้อหา ลด Bounce Rate และเพิ่มความเร็วในการโหลดหน้า การออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive ถือเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า ช่วยให้ธุรกิจของคุณเติบโตและเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้มากยิ่งขึ้น

 

Written by
Ya Piya Kirdpanya
Ya Piya Kirdpanya

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

03
December, 2024
UX for Psychology - Loss Aversion (ความกลัวการสูญเสีย)
3 December, 2024
UX for Psychology - Loss Aversion (ความกลัวการสูญเสีย)
หลายคนคงเคยเจอเหตุการต่างๆ บนโลกดิจิทัลที่สามารถนำพาเราไปเสียเงินหรือสมัครใช้บริการได้ง่าย ๆ ทั้งที่ไม่รู้ตัว ลองมาดูกันว่า พวกเขาเหล่านั้น ใช้วิธีหลอกล่อนักชอปอย่างเรากันอย่างไรบ้าง พื้นฐานของคนทั่วไปนั้นไม่อยากที่จะสูญเสียอะไรไป แม้แต่สิ่งที่อาจจะไม่จำเป็น เราอาจจะพบการทำการตลาดในเชิงนี้ได้บ่อย ๆ ทั้ง ๆ ที่เราไม่รู้ตัว และอาจจะไม่จำเป็นต้องซื้อแต่โดนกระตุ้นด้วยข้อมูลที่เรารับมาแบบงง ๆ เช่น Flash sale 40% สินค้าที่มีจำนวนจำกัด นั้นจะน่าสนใจมากกว่าการเดินเจอสินค้าเดียวกันในห้างที่ลดราคา 40% เช่นเดียวกัน ข้อความบนเว็บช็อปปิ้งที่ส่งมาหาคุณว่าสินค้าที่คุณเคยสนใจกำลังลดราคาอยู่ อย่าพลาดโอกาสที่จะซื้อตอนนี้ มักกระตุ้นความต้องการซื้อของเราได้เป็นอย่างดี เพราะเรากลัวที่จะเสียโอกาสดี

By

3 mins read
Thai
03
December, 2024
ทำไม Google Fonts ถึงเป็นทางเลือกที่ดีในการออกแบบเว็บไซต์
3 December, 2024
ทำไม Google Fonts ถึงเป็นทางเลือกที่ดีในการออกแบบเว็บไซต์
แต่ก่อน เวลาที่เว็บไซต์ถูกดีไซน์ด้วยฟอนต์แปลก ๆ หรือมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จะทำให้ผู้ใช้งานบางคนมองไม่เห็น เพราะในเครื่องของผู้ใช้งานไม่มีฟอนต์นั้น ระบบก็จะเลือกเอาฟอนต์อื่นในเครื่องขึ้นมาแสดงผล เห็นเป็นฟอนต์อื่นไป ทำให้ดีไซเนอร์ต้องแก้ปัญหาด้วยการทำรูปแล้วเอามาแปะในเว็บไซต์แทน หรือแม้ว่าจะแสดงผลตามที่ถูกออกแบบมา ความเร็วก็อาจเป็นปัญหาในการโหลดและเข้าถึง เพราะฟอนต์ถูกโหลดจากเซิร์ฟเวอร์ แต่สมัยนี้ไม่มีใครใจเย็นพอที่จะรออะไรนานๆ เพราะจากรายงานระบุว่า 40% ของคนที่เข้าเว็บไซต์ จะออกหรือปิดทันทีถ้ามีการโหลดนานกว่า 3 วินาที โดยเฉพาะนักช็อปออนไลน์เกือบครึ่งที่พร้อมจะหันหลังให้อีคอมเมิร์ซเว็บไซต์ที่โหลดช้ากว่า 2 วินาที และ 79% บอกว่ามีโอกาสที่จะไม่ใช้บริการอีก Google Fonts คืออะไร? (กันแน่) หลายคนคงรู้จัก Google Fonts แต่วันนี้เราจะพามาทำความรู้จักให้มากขึ้น

By

4 mins read
Thai
03
December, 2024
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
3 December, 2024
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital

By

4 mins read
English

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.