รีวิว 5 แอปพลิเคชันสั่งอาหารในประเทศไทย
ในช่วง Covid-19 มีหลายธุรกิจที่ได้รับผลกระทบให้ปิดกิจการชั่วคราว หรือดำเนินกิจการได้อย่างไม่เต็มรูปแบบทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ ธุรกิจอาหารก็เป็น 1 ในธุรกิจที่ได้รับผลกระทบนี้เช่นกัน โดยเจ้าของธุรกิจร้านอาหารถูกสั่งให้เปิดทำการในระยะเวลาที่น้อยลงหรือห้ามไม่ให้ลูกค้านั่งรับประทานอาหารในร้าน
เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้เราจะรับมืออย่างไรดี และเราจะยังสามารถทานอาหารจากร้านโปรดได้อีกหรือไม่ Pain Point นี้ทำให้มีผู้คิดค้นธุรกิจ Food Delivery App หรือแอปพลิเคชันสั่งอาหาร เพื่อช่วยให้พ่อค้าแม่ค้ายังสามารถขายอาหารได้ตามปกติเพียงแค่ย้ายมาขายบน Online Platform และผู้ซื้อก็ยังสามารถกดสั่งอาหารได้ตามปกติจากแอปพลิเคชัน ซึ่ง Solution นี้ช่วยแก้ไขปัญหาโดยการที่แอปพลิเคชันสั่งอาหารกลายเป็นตัวกลางที่สร้าง Connection ให้แก่ผู้ขายและผู้ซื้อ วันนี้ Senna Labs จะมารีวิว 5 แอปพลิเคชันสั่งอาหารในประเทศไทยให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ
1. Grab
หากพูดถึงแอปพลิเคชันนี้ เชื่อว่าหลาย ๆ คนน่าจะรู้จักกันดี เพราะเกือบจะเป็นแอปแรก ๆ ที่มีบริการส่งอาหารแบบ Delivery โดยเฉพาะในช่วงโควิดระบาด นอกจากนั้นยังมีบริการอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การเรียกรถ Taxi หรือ Grab Car สำหรับเดินทาง Grab Mart สำหรับสั่งซื้อของสดจากร้านค้าและซุปเปอร์มาเก็ตต่าง ๆ รวมไปถึง Grab Express ที่ไว้เรียกใช้บริการส่งของได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเข้าแอปเดียวใช้งานได้หลากหลายฟังก์ชัน นอกจากนั้นยังให้บริการครอบคลุมกว่า 35 จังหวัดทั่วประเทศไทย
-
ค่าบริการและโค้ดส่วนลด : ในส่วนของค่าจัดส่งนั้นจะเริ่มต้นอยู่ที่ 10 บาท โดยการสั่งอาหารจะมีขั้นต่ำอยู่ที่ 80 บาท หากสั่งไม่ถึงขั้นต่ำจะมีค่าคำสั่งซื้อขนาดเล็ก (Small Order) 20 บาท แต่แอปพลิเคชันนี้มักจะมี Deal ส่วนลดของร้านต่าง ๆ เป็นระยะ หากเราเลือกสั่งร้านอาหารที่เข้าร่วมรายการก็สามารถใส่โค้ดเพื่อลดค่าอาหารได้ด้วย
-
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, GrabPay, Alipay, บัตรเครดิต/บัตรเดบิต, Rabbit Line Pay และหักบัญชีอัตโนมัติ
-
Customer Support : หากพบปัญหาเกี่ยวกับการสั่งอาหาร สามารถเข้าไปที่ Help Center ภายในแอปพลิเคชัน Grab และสามารถเลือกแชตคุยกับพนักงาน หรือกดปุ่มโทรเพื่อติดต่อเจ้าหน้าที่ได้
จุดเด่น : มีร้านอาหารที่หลากหลายและมีโปรโมชั่นเด็ด ๆ ออกมาเป็นระยะ นอกจากนี้มักจะมีร้านที่เปิดในช่วงเวลากลางคืนเข้าร่วมรายการ หากหิวดึก ๆ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการสั่งอาหาร รวมทั้งหากมีการ Subscription Grab Unlimited ก็จะได้ส่วนลดต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น ค่าส่งฟรี ลดค่าส่ง ฯลฯ
2. Food Panda
แอปพลิเคชัน Food Panda ถือว่าเป็นอีกหนึ่งแอปสั่งอาหารที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากมีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมมากกว่า 77 จังหวัดทั่วประเทศไทย และรวมร้านอาหารเด็ด ๆ ดัง ๆ ไว้กว่า 1,000 ร้านเลยทีเดียว สามารถสั่งอาหารได้ตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถสั่งอาหารล่วงหน้าได้นานถึง 3 วัน และมีฟังก์ชัน Shops ที่สามารถสั่งของสดหรือของใช้จากร้านค้า เช่น Tops Daily, Lotus’s, Big C และ Watsons เป็นต้น รวมทั้งมีบริการมอบส่วนลดสำหรับลูกค้าที่ใช้ฟีเจอร์ Dine In เพื่อไปรับประทานอาหารที่ร้าน
-
ค่าบริการและโค้ดส่วนลด : ค่าส่งเริ่มต้นจะอยู่ที่ 5 บาทเท่านั้น โดยการสั่งอาหารจะต้องสั่งขั้นต่ำ 70 บาทขึ้นไป หากสั่งไม่ถึงราคาขั้นต่ำจะมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม
-
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, บัตรเครดิต/เดบิต และรวมทั้ง PayPal
-
Customer Support : หากพบปัญหาเกี่ยวกับการสั่งอาหาร สามารถติดต่อได้ผ่านทาง Help Center ภายในแอปพลิเคชัน Foodpanda
จุดเด่น : ให้บริการครอบคลุมกว่า 77 จังหวัด เรียกว่ามากกว่าทุกแอปพลิเคชันสั่งอาหารเจ้าอื่น ๆ รวมทั้งมีฟีเจอร์ Dine In ที่ให้ส่วนลดเมื่อเข้าไปรับประทานอาหารในร้านอีกด้วย
3. LINE MAN
LINE MAN แอปพลิเคชันสั่งอาหารที่มีพื้นที่ให้บริการครอบคลุมถึง 77 จังหวัดทั่วไทย โดยรวมร้านอาหารทั้งในห้างสรรพสินค้าและร้านอาหาร Local ตามพื้นที่ต่าง ๆ มากกว่า 500,000 ร้าน ภายในแอปจะมีการแยก Categories เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเลือกร้านอาหารตามความต้องการได้ง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น ร้านอาหารใกล้บ้าน ประเภทของอาหาร และร้านอาหารแบรนด์ต่าง ๆ เป็นต้น หากสั่งอาหารจากร้านที่มีหลายสาขา แอปจะแสดงผลสาขาที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด และยังแสดงผลให้เห็นด้วยว่ามีสาขาไหนในเครืออีกบ้าง นอกจากนั้น LINE MAN ยังมีระบบสั่งอาหารสองร้าน ส่งเที่ยวเดียว (เฉพาะร้านค้าที่ร่วมรายการ) โดยคิดค่าส่งเพียงแค่ครั้งเดียวจากร้านแรก ระบบนี้ช่วยให้ผู้ใช้งานประหยัดค่าส่งและแถมยังได้กินของอร่อยเพิ่มอีกด้วย หากคุณเป็นสายสะสม Line Points แอป LINE MAN ถือว่าตอบโจทย์คุณเป็นอย่างมาก เพราะเราสามารถเอา Points ที่สะสมมาใช้เป็นส่วนลดค่าอาหารได้
-
ค่าบริการและโค้ดส่วนลด : ค่าส่งเริ่มต้นเพียง 0 บาทเท่านั้น แต่หากยอดคำสั่งซื้อต่ำกว่า 80 บาท จะมีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับคำสั่งซื้อขนาดเล็ก (Small Order) จนกว่าจะครบยอด 80 บาท LINE MAN ยังมีโค้ดส่วนลดหากชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของธนาคารที่เข้าร่วม หรือสั่งอาหารจากร้านอาหารที่เป็น Partner กับ LINE MAN นอกจากนั้นบางร้านอาหารยังมีส่วนลดพิเศษหากสั่งอาหารถึงยอดขั้นต่ำของทางร้านอีกด้วย
-
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, QR PromptPay, บัตรเครดิต/เดบิต, Rabbit LINE Pay, Mobile Banking และ Line Points
-
Customer Support : หากพบปัญหาเกี่ยวกับการสั่งอาหาร สามารถติดต่อฝ่าย Support ได้ผ่านทาง Help Center ในแอปพลิเคชัน
จุดเด่น : สามารถใช้ Line Points จ่ายแทนเงินสดได้ และยังมีระบบสั่งสองร้าน ส่งเที่ยวเดียว ของ LINE MAN ที่ไม่เหมือนใคร สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคที่อยากสั่งอาหารจากหลายร้านได้ในครั้งเดียว
4. Robinhood
ถือว่า Robinhood เป็นแอปพลิเคชันขวัญใจร้านอาหาร Local เลยก็ว่าได้ เนื่องจากทางแอปไม่เก็บค่า GP (Gross Profit) จึงทำให้มีพ่อค้าแม่ค้ารายย่อยจำนวนมากสนใจเปิดระบบร้านอาหารไว้บนแพลตฟอร์มนี้ เหตุนี้ทำให้ราคาอาหารในแอป Robinhood จะถูกกว่าราคาอาหารในแอปพลิเคชันอื่น เพราะราคาโดยส่วนใหญ่ตรงกับ Standard ที่ขายหน้าร้านตามปกติหรืออาจสูงขึ้นมานิดเล็กน้อย ทำให้ลูกค้าแฮปปี้กับการสั่งอาหารมากยิ่งขึ้น แอปยังมีระบบร้านแนะนำ ร้านใกล้คุณ และแยกหมวดหมู่ของประเภทอาหารไว้อย่างชัดเจน
-
ค่าบริการและโค้ดส่วนลด : ค่าส่งเริ่มต้นที่ 15 บาท แต่ในช่วงเทศกาลพิเศษค่าส่งอาจจะถูกกว่านั้น หากยอดคำสั่งซื้อต่ำกว่า 70 บาท จะมีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับคำสั่งซื้อขนาดเล็ก (Small Order) 20 บาท Robinhood ยังมีส่วนลดค่าส่งพิเศษเฉพาะร้านหากสั่งอาหารถึงยอดขั้นต่ำ และโค้ดส่วนลดพิเศษเพิ่มเติมหากชำระเงินผ่านบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)
-
ช่องทางการชำระเงิน : บัตรเครดิต/เดบิต, Mobile Banking และ Wallet ของ Shopee Pay และ True Money Wallet
-
Customer Support : หากพบปัญหาเกี่ยวกับการสั่งอาหาร สามารถติดต่อฝ่าย Support ผ่านทาง Line OA, Call Center, Email และบนหน้าเว็บไซต์
จุดเด่น : มีร้าน Local เล็ก ๆ หลายร้านให้เลือกต่างจากแอปพลิเคชันอื่นที่มีร้านค้าร้ายย่อยน้อย และราคาอาหารถูกเพราะส่วนมากราคาจะตรงตามกับ Standard ของหน้าร้าน ไม่มีบวกเพิ่ม
5. ShopeeFood
สายช็อปปิ้งรู้กันหรือไม่ แอปพลิเคชันอย่าง Shopee ก็มีระบบสั่งอาหารเช่นกัน โดยส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหารแบรนด์ดังต่าง ๆ ที่มีดีลลดราคาพิเศษสูงถึง 50% นอกจากนั้นยังมีช่วง Flash Sale ให้เก็บโค้ดลดแบบคุ้ม ๆ แถมยังมีการแจกโค้ดลดค่าส่งอีกด้วย สำหรับผู้ที่ชอบสะสม Shopee Coin ก็ยังสามารถนำมาใช้เป็นส่วนลดได้เช่นกัน เรียกได้ว่าเป็นแอปที่ตอบโจทย์สายช็อปไทยอย่างแท้จริง เพราะนอกจากจะสามารถซื้อของใช้ในชีวิตประจำวันได้แล้วยังอิ่มท้องในแอปพลิเคชันเดียวได้อีกต่างหาก
-
ค่าบริการและโค้ดส่วนลด : ค่าส่งขึ้นอยู่กับระยะห่างของแต่ละพื้นที่ แต่เราสามารถเก็บโค้ดลดค่าส่งมาช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้ หากยอดคำสั่งซื้อต่ำกว่า 80 บาท จะมีการเรียกเก็บค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับคำสั่งซื้อขนาดเล็ก (Small Order) 20 บาท
-
ช่องทางการชำระเงิน : เงินสด, QR PromptPay, บัตรเครดิตเดบิต และ Shopee Pay
-
Customer Support : หากพบปัญหาเกี่ยวกับการสั่งอาหาร สามารถติดต่อฝ่าย Support ผ่านทาง Chat with Shopee ในแอปพลิเคชันได้ทันที
จุดเด่น : มี Deal ราคาพิเศษของร้านอาหารแบรนด์ใหญ่ ๆ ค่อนข้างเยอะ สามารถใช้ Shopee Coin จ่ายแทนเงินสดได้
และนี่ก็คือ 5 แอปพลิเคชันยอดนิยมสำหรับการสั่งอาหารแบบเดลิเวอรี่ในประเทศไทยที่เรานำมาฝากให้อ่านกัน ซึ่งแต่ละเจ้าก็มีจุดดี-จุดด้อยแตกต่างกันไป การจะตัดสินใจเลือกใช้นั้นทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสะดวกของผู้ใช้งาน สถานที่ รวมทั้งโปรโมชันอื่น ๆ เช่น บางบัตรเครดิตอาจจะมีคะแนนเพิ่มเติมเมื่อสั่งอาหารกับเจ้านี้ หรือได้ส่วนลดจากบัตรเครดิตเมื่อสั่งอาหารจากแอปนี้ เป็นต้น
References:
https://www.robinhood.in.th/about-us/
https://notebookspec.com/web/554028-15-hits-food-delivery-apps