UX/UI กับ SaaS Platforms: ทำอย่างไรให้การใช้งานเป็นมิตรกับผู้ใช้?

DesignBusiness
2 mins read
2 mins read

Published

24 March, 2025

Language

Thai

Written by

Share

UX/UI กับ SaaS Platforms: ทำอย่างไรให้การใช้งานเป็นมิตรกับผู้ใช้?

ซอฟต์แวร์ในรูปแบบ SaaS (Software as a Service) ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในหลายอุตสาหกรรม ไม่ว่าจะเป็นซอฟต์แวร์สำหรับการบัญชี การบริหารลูกค้า หรือการจัดการทรัพยากรองค์กร อย่างไรก็ตาม แพลตฟอร์ม SaaS ที่ออกแบบ UX/UI ไม่ดี อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่ายากต่อการใช้งานและนำไปสู่การละทิ้งระบบ

การออกแบบ UX/UI ที่ดีช่วยให้ซอฟต์แวร์มี อินเทอร์เฟซที่เข้าใจง่าย ลดความซับซ้อน และทำให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้เร็วขึ้น บทความนี้จะอธิบาย แนวทางออกแบบ UX/UI สำหรับ SaaS Platforms และกรณีศึกษาของ ซอฟต์แวร์บัญชีที่ปรับ UX/UI ส่งผลให้อัตราการใช้งานซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 50%

ความสำคัญของ UX/UI ใน SaaS Platforms

แพลตฟอร์ม SaaS ต้องเผชิญกับความท้าทายที่แตกต่างจากซอฟต์แวร์ประเภทอื่น ผู้ใช้ต้องสามารถ เรียนรู้วิธีใช้งานได้ง่าย และทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่ต้องใช้เวลามากเกินไป

หาก UX/UI ออกแบบไม่ดี อาจเกิดปัญหาต่อไปนี้:

  • ผู้ใช้ รู้สึกสับสน กับเมนูที่ซับซ้อน

  • กระบวนการตั้งค่าหรือใช้งาน ใช้เวลานานเกินไป

  • ผู้ใช้ต้องพึ่งพาฝ่ายสนับสนุนลูกค้ามากเกินไป

  • อัตราการเลิกใช้บริการ (Churn Rate) สูงขึ้น

 

แนวทางออกแบบ UX/UI ให้ SaaS Platforms ใช้งานง่ายขึ้น

1. ออกแบบ Dashboard ให้เป็นมิตรกับผู้ใช้ (Intuitive Dashboard Design)

ปัญหา: ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญได้ง่าย ต้องใช้เวลาค้นหาข้อมูลนาน

แนวทางแก้ไข:

  • ออกแบบ Dashboard ให้เข้าใจง่าย โดยแสดงข้อมูลสำคัญที่ผู้ใช้ต้องการเป็นอันดับแรก

  • ใช้ Graph, Charts หรือ Widgets เพื่อนำเสนอข้อมูลให้อ่านง่ายขึ้น

  • อนุญาตให้ ผู้ใช้สามารถปรับแต่ง Dashboard ได้เอง ตามความต้องการ

ตัวอย่าง: หลังจากปรับ Dashboard ให้แสดงสรุปข้อมูลทางการเงินที่เข้าใจง่ายขึ้น อัตราการใช้งานฟีเจอร์สำคัญเพิ่มขึ้น 40%

 

2.ใช้ไอคอนแทนข้อความเพื่อลดความซับซ้อน (Visual Cues & Icon-based Navigation)

ปัญหา: เมนูและตัวเลือกต่างๆ มีข้อความยาวเกินไป ทำให้ผู้ใช้ต้องอ่านเยอะ

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ ไอคอนที่เข้าใจง่าย แทนข้อความยาวๆ เช่น ไอคอนรูปใบแจ้งหนี้แทน “ออกใบแจ้งหนี้”

  • ใช้ Tooltip หรือ Hover-over Messages อธิบายเพิ่มเติมเมื่อผู้ใช้ต้องการข้อมูล

  • ลดจำนวนเมนูที่ไม่จำเป็น จัดหมวดหมู่ให้ชัดเจน

ตัวอย่าง: หลังจากเปลี่ยนเมนูจากข้อความยาวๆ เป็นไอคอน เวลาที่ใช้ในการค้นหาเมนูลดลง 30%

 

3. ลดขั้นตอนการตั้งค่าและการเริ่มต้นใช้งาน (Simplified Onboarding & Setup)

ปัญหา: ผู้ใช้ใหม่ต้องใช้เวลานานในการตั้งค่าระบบ ทำให้บางรายเลิกใช้ซอฟต์แวร์

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ Onboarding Guide ช่วยแนะนำผู้ใช้ในครั้งแรกที่ใช้งาน

  • ใช้ Wizard-based Setup ให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าระบบได้ง่ายขึ้น

  • เพิ่ม Template หรือ Pre-set Options ให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นได้ทันที

ตัวอย่าง: หลังจากเพิ่ม Onboarding Wizard ให้ผู้ใช้ใหม่ เวลาการตั้งค่าลดลง 50% และอัตราการใช้งานซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 35%

 

4. เพิ่มฟีเจอร์ช่วยเหลือภายในระบบ (Contextual Help & Tutorials)

ปัญหา: ผู้ใช้ต้องโทรหาฝ่ายสนับสนุนลูกค้าบ่อยเกินไปเพราะไม่เข้าใจการใช้งาน

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่ม ปุ่ม Help หรือ FAQs ในหน้าต่างๆ ที่ผู้ใช้อาจมีคำถาม

  • ใช้ Interactive Tutorials หรือ Walkthroughs อธิบายฟีเจอร์สำคัญ

  • ใช้ Chatbot หรือ AI Assistant ตอบคำถามเบื้องต้น

ตัวอย่าง: หลังจากเพิ่มฟีเจอร์ Help ในทุกหน้าจอ จำนวนคำขอความช่วยเหลือลดลง 40%

 

5. รองรับการใช้งานบนมือถือ (Mobile-Friendly UX/UI)

ปัญหา: ซอฟต์แวร์ไม่รองรับการใช้งานบนมือถือ ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องการเข้าถึงข้อมูลด่วนเกิดความไม่สะดวก

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ Responsive Design ให้ระบบแสดงผลได้ดีบนทุกอุปกรณ์

  • ลดองค์ประกอบที่ไม่จำเป็นบนมือถือ เช่น เมนูที่ซับซ้อน

  • เพิ่ม One-Click Actions ให้สามารถทำรายการสำคัญได้เร็วขึ้น

ตัวอย่าง: หลังจากปรับ UI ให้รองรับมือถือ อัตราการเข้าถึงระบบผ่านมือถือเพิ่มขึ้น 60%

 

กรณีศึกษา: การปรับปรุง UX/UI ของซอฟต์แวร์บัญชีออนไลน์

ปัญหาที่พบก่อนการปรับปรุง UX/UI

ซอฟต์แวร์บัญชีออนไลน์แห่งหนึ่งได้รับฟีดแบคจากลูกค้าว่า

  • ระบบใช้งานยากและซับซ้อน

  • Dashboard แสดงข้อมูลเยอะเกินไป ทำให้ผู้ใช้รู้สึกสับสน

  • ต้องใช้เวลานานในการตั้งค่า ก่อนจะเริ่มใช้งานได้

  • ไม่มีคำแนะนำในหน้าต่างๆ ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพาฝ่ายสนับสนุนลูกค้า

 

การแก้ไขและการปรับปรุง UX/UI

ทีมออกแบบ UX/UI ได้ทำการปรับปรุงโดย:

  • ออกแบบ Dashboard ใหม่ ให้เรียบง่ายขึ้น

  • ใช้ ไอคอนแทนข้อความที่ซับซ้อน

  • เพิ่ม Onboarding Wizard ให้ผู้ใช้สามารถตั้งค่าได้เร็วขึ้น

  • เพิ่ม ระบบช่วยเหลือในทุกหน้าจอ เพื่อลดภาระฝ่ายสนับสนุนลูกค้า

 

ผลลัพธ์หลังการปรับปรุง UX/UI

หลังจากปรับปรุง UX/UI พบว่า

  • อัตราการใช้งานซอฟต์แวร์เพิ่มขึ้น 50%

  • จำนวนคำขอช่วยเหลือลดลง 40%

  • เวลาที่ใช้ในการตั้งค่าลดลง 50%

  • คะแนนความพึงพอใจจากลูกค้าเพิ่มขึ้นจาก 3.8 เป็น 4.6 ดาว

 

สรุป

การออกแบบ UX/UI สำหรับ SaaS Platforms ต้องเน้น ความง่ายในการใช้งาน ลดความซับซ้อน และเพิ่มฟีเจอร์ช่วยเหลือผู้ใช้ ปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้ SaaS ใช้งานง่ายขึ้น ได้แก่

  • Dashboard ที่เข้าใจง่าย

  • ไอคอนแทนข้อความเพื่อความกระชับ

  • Onboarding ที่ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มต้นได้เร็วขึ้น

  • ฟีเจอร์ช่วยเหลือในระบบเพื่อลดภาระฝ่ายสนับสนุน

  • รองรับการใช้งานบนมือถือ

กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า UX/UI ที่ดีสามารถทำให้แพลตฟอร์ม SaaS ใช้งานง่ายขึ้น ลดอัตราการละทิ้งระบบ และเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากต้องการให้ซอฟต์แวร์ของคุณประสบความสำเร็จ UX/UI เป็นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

Written by
Chu Chawit Supanichpol
Chu Chawit Supanichpol

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
13 Nov, 2025

by

How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
How Senna Labs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital
13 Nov, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
13 Nov, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy