UX/UI กับแอป Food Delivery: ทำอย่างไรให้ลูกค้าสั่งอาหารได้เร็วขึ้น?

2 mins read

Published

10 March, 2025

Language

Thai

Written by

Share

UX/UI กับแอป Food Delivery: ทำอย่างไรให้ลูกค้าสั่งอาหารได้เร็วขึ้น?

แอปพลิเคชันสั่งอาหารได้รับความนิยมอย่างมากในปัจจุบัน แต่หลายแพลตฟอร์มยังคงเผชิญกับความท้าทายเรื่อง ความเร็วในการทำรายการสั่งซื้อ ลูกค้าต้องเสียเวลานานในการเลือกเมนู กรอกข้อมูลที่อยู่ และยืนยันคำสั่งซื้อ ซึ่งอาจทำให้เกิด Drop-off Rate สูง หรือทำให้ลูกค้าหันไปใช้บริการจากคู่แข่งที่สะดวกกว่ามาก

การออกแบบ UX/UI ที่ดี สามารถช่วยให้กระบวนการสั่งอาหารง่ายขึ้น ลดความซับซ้อน และช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจได้เร็วขึ้น บทความนี้จะพูดถึง แนวทางปรับปรุง UX/UI ในแอป Food Delivery และกรณีศึกษาของแอปส่งอาหารที่ปรับ UI ส่งผลให้ ระยะเวลาทำรายการลดลง 40% และจำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 25%

หลักการออกแบบ UX/UI ให้การสั่งอาหารรวดเร็วขึ้น

1. ใช้ "เมนูโปรด" เพื่อช่วยให้ลูกค้าตัดสินใจเร็วขึ้น

ปัญหา: ลูกค้าส่วนใหญ่ใช้เวลานานในการค้นหาร้านอาหารหรือเมนูที่ต้องการ

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่มฟีเจอร์ "เมนูโปรด" หรือ "ร้านโปรด" ให้ลูกค้าสามารถบันทึกร้านที่ชอบ

  • ใช้ AI แนะนำเมนูยอดนิยมของผู้ใช้ ตามพฤติกรรมการสั่งซื้อ

  • แสดง หมวดหมู่เมนูที่สั่งบ่อย เช่น "เมนูที่คุณอาจชอบ"

ตัวอย่าง: หลังจากเพิ่มฟีเจอร์ "เมนูโปรด" ลูกค้าสามารถเลือกเมนูที่ต้องการได้เร็วขึ้น 35%

 

2. ระบบกรอกที่อยู่อัตโนมัติ ลดเวลาใส่ข้อมูล

ปัญหา: ลูกค้าต้องพิมพ์ที่อยู่ทุกครั้งก่อนสั่งอาหาร ซึ่งใช้เวลานานและอาจทำให้เกิดข้อผิดพลาด

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ GPS และระบบกรอกที่อยู่อัตโนมัติ เพื่อดึงที่อยู่ปัจจุบันของลูกค้า

  • อนุญาตให้ บันทึกที่อยู่ที่ใช้บ่อย เช่น "บ้าน", "ที่ทำงาน"

  • เพิ่ม Auto-Suggestion สำหรับที่อยู่ที่เคยใช้

ตัวอย่าง: หลังจากใช้ระบบกรอกที่อยู่อัตโนมัติ เวลาที่ใช้ในการสั่งซื้อลดลง 20%

 

3. ปุ่ม “สั่งอีกครั้ง” สำหรับเมนูที่เคยสั่ง

ปัญหา: ลูกค้าหลายคนสั่งอาหารซ้ำๆ แต่ต้องไปค้นหาร้านและเลือกเมนูใหม่ทุกครั้ง

แนวทางแก้ไข:

  • เพิ่มปุ่ม "สั่งอีกครั้ง" (Reorder) ที่แสดงเมนูที่ลูกค้าเคยสั่งไว้

  • ออกแบบให้สามารถ ปรับแต่งคำสั่งซ้ำได้ง่าย เช่น เพิ่มหรือเปลี่ยนเมนูบางรายการ

  • แสดง เมนูยอดนิยมที่ลูกค้าเคยสั่งในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน

ตัวอย่าง: หลังจากเพิ่มปุ่ม "สั่งอีกครั้ง" อัตราการทำรายการสั่งซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 30%

 

4. ปรับปรุงการออกแบบ UI ให้เข้าใจง่ายขึ้น

ปัญหา: หน้าแสดงเมนูมีข้อมูลเยอะเกินไป ทำให้ลูกค้าตัดสินใจยาก

แนวทางแก้ไข:

  • ใช้ ไอคอนและรูปภาพที่โดดเด่น แทนข้อความที่ซับซ้อน

  • แสดง ปุ่มสั่งซื้อตรงหน้าแรกของร้านอาหาร เพื่อลดจำนวนคลิก

  • ใช้ สีที่ชัดเจน เช่น ปุ่ม "เพิ่มลงตะกร้า" ควรใช้สีเด่นเพื่อง่ายต่อการมองเห็น

ตัวอย่าง: หลังจากปรับปรุง UI ให้เรียบง่ายขึ้น เวลาตัดสินใจสั่งอาหารลดลง 15%

 

5. โหลดเร็วและทำงานลื่นไหล

ปัญหา: แอปโหลดช้า ทำให้ลูกค้าหงุดหงิดและอาจยกเลิกคำสั่งซื้อ

แนวทางแก้ไข:

  • ลดขนาดไฟล์ภาพเมนูให้โหลดเร็วขึ้น

  • ใช้ Caching เพื่อเก็บข้อมูลร้านที่ลูกค้าดูบ่อย

  • ปรับปรุง Backend และ API เพื่อลดเวลาโหลดรายการอาหาร

ตัวอย่าง: หลังจากปรับปรุงความเร็วของแอปให้โหลดเร็วขึ้นจาก 5 วินาที เหลือ 2 วินาที อัตราการละทิ้งตะกร้าลดลง 25%

 

กรณีศึกษา: แอปส่งอาหารที่ปรับ UI เพื่อลดระยะเวลาการสั่งซื้อ

ปัญหาที่พบก่อนการปรับปรุง UX/UI

แอปสั่งอาหารรายหนึ่งพบว่าผู้ใช้ใช้เวลานานในการเลือกเมนูและกรอกที่อยู่ ส่งผลให้

  • อัตราการละทิ้งคำสั่งซื้อสูง

  • ลูกค้าใช้เวลานานกว่าจะกดสั่งอาหาร

  • ลูกค้าส่วนใหญ่สั่งเมนูเดิมซ้ำๆ แต่ต้องเริ่มขั้นตอนใหม่ทุกครั้ง

 

 

การแก้ไขและการปรับปรุง UX/UI

ทีมออกแบบ UX/UI ได้ทำการปรับปรุงแอปโดย:

  • เพิ่ม ฟีเจอร์ "เมนูโปรด" และ "ร้านโปรด"

  • ใช้ ระบบกรอกที่อยู่อัตโนมัติผ่าน GPS

  • เพิ่มปุ่ม "สั่งอีกครั้ง" สำหรับเมนูที่เคยสั่ง

  • ปรับ UI ให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยใช้ภาพและไอคอนช่วยนำทาง

  • ปรับปรุงระบบให้โหลดรายการอาหารได้เร็วขึ้น

 

ผลลัพธ์หลังการปรับปรุง UX/UI

หลังจากปรับปรุง UX/UI พบว่า

  • เวลาการทำรายการลดลง 40%

  • จำนวนคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้น 25%

  • อัตราการสั่งอาหารซ้ำเพิ่มขึ้น 30%

  • คะแนนรีวิวของแอปดีขึ้นจาก 3.9 เป็น 4.6 ดาว

 

สรุป

UX/UI มีบทบาทสำคัญในการทำให้ แอป Food Delivery ใช้งานง่ายขึ้น และช่วยเพิ่มยอดขาย ปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดเวลาการสั่งซื้อ ได้แก่

  • ฟีเจอร์ "เมนูโปรด" และ "ร้านโปรด" เพื่อลดเวลาค้นหา

  • ระบบกรอกที่อยู่อัตโนมัติ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น

  • ปุ่ม "สั่งอีกครั้ง" ช่วยให้ลูกค้าสั่งอาหารซ้ำได้เร็วขึ้น

  • การออกแบบ UI ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้ ทำให้เลือกเมนูได้ง่ายขึ้น

  • ปรับปรุงความเร็วของแอป เพื่อลดเวลาโหลด

กรณีศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า UX/UI ที่ดีสามารถช่วยเพิ่มยอดขาย ลด Drop-off Rate และทำให้ลูกค้ากลับมาใช้บริการบ่อยขึ้น หากแพลตฟอร์มของคุณต้องการให้ลูกค้าสั่งซื้อได้เร็วขึ้น UX/UI คือสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง

Written by
Ya Piya Kirdpanya
Ya Piya Kirdpanya

Share

Keep me posted
to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

More than 120,000 people/day  visit to read our blogs

Related articles

Explore all

Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง
17 Nov, 2025

by

Preview email ด้วย Letter Opener
Preview email ด้วย Letter Opener
Letter Opener เป็น gem ของ ที่ใช้แสดงรูปแบบของอีเมลที่เราต้องการจะส่ง ก่อนที่จะส่งจริง เพื่อให้ง่ายและไวต่อการทดสอบ Let's Get started... Installation เพิ่ม Gem ใน Gemfile จากนั้นรัน `bundle install` # Gemfile group :development do gem "letter_opener" gem "letter_opener_web", "~> 1.0" end กำหนดการส่งอีเมลโดยใช้ letter_opener (กรณี Production จะใช้เป็น :smtp) # config/environments/development.rb config.action_mailer.delivery_method
17 Nov, 2025

by

การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need
17 Nov, 2025

by

Contact Senna Labs at :

hello@sennalabs.com28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599
© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved. | Privacy policy