10Feb, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
10 February, 2025
Thai

ซอฟต์แวร์บริหารเวลา: ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำงาน

By

2 mins read
ซอฟต์แวร์บริหารเวลา: ประหยัดทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการทำงาน

ทำไมธุรกิจต้องใช้ซอฟต์แวร์บริหารเวลา

การบริหารเวลาเป็นสิ่งสำคัญสำหรับธุรกิจทุกประเภท โดยเฉพาะบริษัทที่ต้องจัดการโปรเจกต์ งานที่มีเดดไลน์ หรือการทำงานเป็นทีม การใช้วิธีติดตามเวลาทำงานแบบเดิม เช่น การจดบันทึก หรือการอัปเดตสถานะงานผ่านอีเมล อาจทำให้เกิดความล่าช้าและประสิทธิภาพลดลง

ซอฟต์แวร์บริหารเวลาช่วยให้ธุรกิจสามารถ

  • ติดตามเวลาที่ใช้ไปกับแต่ละงานหรือโปรเจกต์

  • วิเคราะห์และปรับปรุงการใช้เวลาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

  • ตรวจสอบสถานะงานแบบเรียลไทม์ ลดปัญหาการส่งงานล่าช้า

  • ลดภาระการทำงานที่ซ้ำซ้อน และช่วยให้พนักงานจัดลำดับความสำคัญได้ดีขึ้น

บทความนี้จะแนะนำเครื่องมือที่ช่วยจัดการเวลาให้มีประสิทธิภาพและคุ้มค่าพร้อมกรณีศึกษาของบริษัทออกแบบที่นำซอฟต์แวร์นี้มาใช้เพื่อติดตามโปรเจกต์และลดปัญหาการส่งงานล่าช้า

กรณีศึกษา: บริษัทออกแบบใช้ซอฟต์แวร์บริหารเวลาเพื่อติดตามโปรเจกต์

ปัญหาของบริษัทออกแบบ

บริษัทออกแบบกราฟิกขนาดเล็กต้องรับโปรเจกต์จากลูกค้าหลายรายพร้อมกัน แต่ไม่มีระบบติดตามเวลาที่ใช้ในแต่ละโปรเจกต์ ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น

  • งานบางส่วนล่าช้าเพราะไม่ได้จัดลำดับความสำคัญอย่างเหมาะสม

  • พนักงานใช้เวลานานเกินไปกับงานบางส่วนโดยไม่รู้ตัว

  • ยากต่อการประเมินว่าควรคิดค่าใช้จ่ายกับลูกค้าอย่างไร

วิธีแก้ปัญหา

บริษัทตัดสินใจใช้ Toggl ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ติดตามเวลาแบบง่ายที่ช่วยให้ทีมสามารถ

  • บันทึกเวลาที่ใช้ไปกับแต่ละโปรเจกต์

  • ตั้งเตือนเวลาเมื่อใช้เวลานานเกินไปในงานใดงานหนึ่ง

  • วิเคราะห์ว่าพนักงานแต่ละคนใช้เวลาทำงานอย่างไร

ผลลัพธ์ที่ได้

  • เวลาส่งมอบงานเร็วขึ้น 25 เปอร์เซ็นต์

  • ทีมสามารถวิเคราะห์และปรับปรุงการใช้เวลาได้ดีขึ้น

  • ลดความล่าช้าในการส่งงานลง 40 เปอร์เซ็นต์

ประโยชน์ของซอฟต์แวร์บริหารเวลาสำหรับธุรกิจ

1. ติดตามเวลาทำงานอย่างแม่นยำ

  • ซอฟต์แวร์ช่วยให้พนักงานและผู้จัดการสามารถติดตามเวลาที่ใช้ไปกับแต่ละงาน

  • ลดความสับสนเกี่ยวกับการใช้เวลาและช่วยให้ทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ตัวอย่าง: บริษัทไอทีใช้ Clockify เพื่อตรวจสอบว่าทีมพัฒนาใช้เวลากับแต่ละฟีเจอร์ของซอฟต์แวร์นานแค่ไหน

2. ปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน

  • สามารถดูว่างานไหนใช้เวลานานเกินไป และปรับกลยุทธ์การทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ช่วยให้พนักงานโฟกัสกับงานสำคัญได้ดีขึ้น

ตัวอย่าง: บริษัทสถาปัตย์ใช้ Toggl เพื่อตรวจสอบว่างานออกแบบแต่ละส่วนใช้เวลาเท่าไหร่ และปรับแผนการทำงานให้เหมาะสม

3. ลดปัญหาการส่งงานล่าช้า

  • ซอฟต์แวร์ช่วยให้ทีมติดตามความคืบหน้าของโปรเจกต์ และแจ้งเตือนเมื่อใกล้ถึงกำหนดส่ง

  • ลดโอกาสที่งานจะถูกลืมหรือค้างอยู่ในขั้นตอนใดขั้นตอนหนึ่ง

ตัวอย่าง: บริษัทผลิตคอนเทนต์ใช้ Monday.com เพื่อติดตามว่างานเขียน บรรณาธิการ และออกแบบภาพกราฟิกเสร็จตามกำหนดเวลาหรือไม่

4. ช่วยบริหารทรัพยากรและต้นทุนได้ดีขึ้น

  • การติดตามเวลาทำงานช่วยให้ธุรกิจสามารถคำนวณต้นทุนของแต่ละโปรเจกต์ได้อย่างแม่นยำ

  • ป้องกันการทำงานเกินเวลาที่จำเป็นและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของทีม

ตัวอย่าง: บริษัทที่ปรึกษาใช้ Clockify เพื่อติดตามชั่วโมงทำงานของพนักงาน และคำนวณค่าใช้จ่ายที่เหมาะสมกับลูกค้าแต่ละราย

แนะนำซอฟต์แวร์บริหารเวลาที่ใช้งานง่ายและคุ้มค่า

1. Clockify (เหมาะกับธุรกิจทุกขนาด ใช้งานฟรี)

  • ราคา: ฟรีสำหรับฟีเจอร์พื้นฐาน แพ็กเกจพรีเมียมเริ่มต้นที่ 4.99 ดอลลาร์ต่อเดือน

  • จุดเด่น:

    • ติดตามเวลาทำงานแบบแมนนวลหรืออัตโนมัติ

    • รองรับการทำงานแบบทีม และสามารถดูรายงานเวลาการทำงานของแต่ละคนได้

    • เชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่น เช่น Trello และ Asana

2. Toggl (เหมาะสำหรับทีมที่ต้องการติดตามเวลาทำงานและวิเคราะห์ประสิทธิภาพ)

  • ราคา: ฟรีสำหรับฟีเจอร์พื้นฐาน แพ็กเกจพรีเมียมเริ่มต้นที่ 9 ดอลลาร์ต่อเดือน

  • จุดเด่น:

    • ระบบบันทึกเวลาแบบอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชันเตือนเมื่อใช้เวลานานเกินไป

    • มีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์ประสิทธิภาพการทำงาน

    • รองรับการทำงานผ่านเว็บและแอปมือถือ

3. Monday.com (เหมาะสำหรับการจัดการโปรเจกต์และติดตามเวลาการทำงานแบบทีม)

  • ราคา: เริ่มต้นที่ 8 ดอลลาร์ต่อผู้ใช้ต่อเดือน

  • จุดเด่น:

    • ใช้สำหรับติดตามโปรเจกต์ งาน และเวลาทำงานของทีม

    • มีเครื่องมือช่วยวิเคราะห์และปรับปรุงแผนงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    • สามารถเชื่อมต่อกับแอปอื่น ๆ เช่น Google Calendar และ Slack

วิธีเลือกซอฟต์แวร์บริหารเวลาที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

  1. เลือกตามขนาดของทีม:

  • ถ้าคุณต้องการเครื่องมือง่าย ๆ และฟรี → Clockify

  • ถ้าคุณต้องการระบบติดตามเวลาและการวิเคราะห์การทำงาน → Toggl

  • ถ้าคุณต้องการบริหารทั้งเวลาและโปรเจกต์ในที่เดียว → Monday.com

  1. พิจารณาฟีเจอร์ที่จำเป็น:

  • หากต้องการเพียงระบบบันทึกเวลา → Clockify หรือ Toggl

  • หากต้องการระบบที่ช่วยวางแผนงานและจัดการทีม → Monday.com

  1. ดูงบประมาณ:

  • Clockify มีเวอร์ชันฟรีที่สามารถใช้ได้ในธุรกิจขนาดเล็ก

  • Toggl และ Monday.com มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม แต่มีฟีเจอร์ที่ครอบคลุมมากกว่า

สรุป

ซอฟต์แวร์บริหารเวลาช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามและวิเคราะห์เวลาการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดปัญหาการส่งงานล่าช้า และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของทีม จากกรณีศึกษาของบริษัทออกแบบที่ใช้ Toggl พวกเขาสามารถจัดการเวลาได้ดีขึ้น ลดเวลาส่งมอบงาน และทำให้ทีมทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

Written by
Opal Piyaporn Kijtikhun
Opal Piyaporn Kijtikhun

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

20
March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
20 March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
20
March, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
20 March, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
Letter Opener เป็น gem ของ ที่ใช้แสดงรูปแบบของอีเมลที่เราต้องการจะส่ง ก่อนที่จะส่งจริง เพื่อให้ง่ายและไวต่อการทดสอบ Let's Get started... Installation เพิ่ม Gem ใน Gemfile จากนั้นรัน `bundle install` # Gemfile group :development do gem "letter_opener" gem "letter_opener_web", "~> 1.0" end กำหนดการส่งอีเมลโดยใช้ letter_opener (กรณี Production จะใช้เป็น :smtp) # config/environments/development.rb config.action_mailer.delivery_method

By

3 mins read
Thai
20
March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
20 March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.