hand lthand lt
18Mar, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
18 March, 2025
Thai

ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ใช้ระบบสำเร็จรูปหรือพัฒนาเองดี

By

2 mins read
ทำเว็บไซต์ขายของออนไลน์ ใช้ระบบสำเร็จรูปหรือพัฒนาเองดี

ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว แต่หนึ่งในคำถามสำคัญที่ผู้ประกอบการต้องตัดสินใจคือ ควรใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูป หรือพัฒนาระบบของตัวเอง

แพลตฟอร์มสำเร็จรูปอย่าง Shopify, WooCommerce และ Magento ช่วยให้ธุรกิจสามารถเริ่มต้นขายสินค้าออนไลน์ได้อย่างรวดเร็ว โดยมีเครื่องมือครบครัน ในขณะที่บางธุรกิจที่ต้องการฟังก์ชันเฉพาะหรือความสามารถในการขยายตัวอย่างอิสระ อาจเลือกพัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเอง

บทความนี้จะเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของทั้งสองตัวเลือก พร้อมกรณีศึกษาของแบรนด์แฟชั่นที่เริ่มต้นจาก WooCommerce และภายหลังพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซของตัวเอง

1. แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำเร็จรูปคืออะไร

แพลตฟอร์มสำเร็จรูปคือระบบที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถสร้างร้านค้าออนไลน์ได้โดยไม่ต้องพัฒนาโค้ดเอง มีฟีเจอร์มาตรฐาน เช่น ระบบตะกร้าสินค้า ระบบชำระเงิน การจัดการสต็อกสินค้า และเครื่องมือทางการตลาด

ตัวอย่างแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำเร็จรูปยอดนิยม

  • Shopify – ใช้งานง่าย รองรับธุรกิจขนาดเล็กถึงขนาดใหญ่

  • WooCommerce – ปลั๊กอินสำหรับ WordPress ที่ยืดหยุ่นและได้รับความนิยมสูง

  • Magento – รองรับร้านค้าออนไลน์ขนาดใหญ่และซับซ้อน

  • Lazada, Shopee – มาร์เก็ตเพลสที่ช่วยให้เริ่มขายของออนไลน์ได้ทันที

ข้อดีของแพลตฟอร์มสำเร็จรูป

  • ติดตั้งและใช้งานได้เร็ว สามารถเปิดร้านได้ภายในไม่กี่วัน

  • ต้นทุนเริ่มต้นต่ำกว่าการพัฒนาเอง

  • มีฟีเจอร์พื้นฐานครบครัน รองรับการชำระเงิน ระบบจัดส่ง และการจัดการลูกค้า

  • ไม่ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์และระบบความปลอดภัยเอง

ข้อเสียของแพลตฟอร์มสำเร็จรูป

  • ความยืดหยุ่นจำกัด ปรับแต่งฟังก์ชันได้เฉพาะที่แพลตฟอร์มรองรับ

  • ค่าใช้จ่ายอาจสูงขึ้นเมื่อขยายธุรกิจ มีค่าธรรมเนียมการขายหรือค่าปรับแต่งเพิ่มเติม

  • ข้อมูลลูกค้าและธุรกรรมถูกเก็บบนแพลตฟอร์มของผู้ให้บริการ

2. การพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซของตัวเอง

บางธุรกิจเลือกสร้างระบบของตัวเองเพื่อให้สามารถควบคุมทุกองค์ประกอบของร้านค้าออนไลน์ได้ ตั้งแต่ UI/UX, ระบบสต็อกสินค้า, การชำระเงิน, ไปจนถึงระบบ CRM

ข้อดีของการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซเอง

  • ปรับแต่งได้อย่างอิสระ สามารถออกแบบระบบให้ตรงกับความต้องการของธุรกิจ

  • ไม่มีค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม ลดต้นทุนระยะยาว

  • ควบคุมข้อมูลลูกค้าได้ 100 เปอร์เซ็นต์ สามารถนำข้อมูลไปใช้ทำการตลาดและวิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าได้เต็มที่

  • รองรับการขยายตัวในระยะยาว สามารถพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ได้ตามต้องการ

ข้อเสียของการพัฒนาระบบอีคอมเมิร์ซเอง

  • ใช้เงินลงทุนสูง ต้องพัฒนาระบบและดูแลรักษาเอง

  • ใช้เวลานานในการพัฒนา อาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือนในการสร้างระบบให้พร้อมใช้งาน

  • ต้องดูแลเซิร์ฟเวอร์และความปลอดภัยของข้อมูลเอง

3. เปรียบเทียบแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซสำเร็จรูปและการพัฒนาเอง

หัวข้อเปรียบเทียบ

แพลตฟอร์มสำเร็จรูป

พัฒนาระบบเอง

ต้นทุนเริ่มต้น

ต่ำกว่า มีค่า Subscription รายเดือน

สูง ต้องลงทุนพัฒนา

ความเร็วในการเริ่มต้น

เปิดร้านได้ทันที

ใช้เวลาพัฒนาหลายเดือน

ความยืดหยุ่น

จำกัด ปรับแต่งได้น้อย

ปรับแต่งได้ 100 เปอร์เซ็นต์

ค่าธรรมเนียมระยะยาว

มีค่าบริการรายเดือน หรือค่าธรรมเนียมการขาย

ไม่มีค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม

การควบคุมข้อมูล

ข้อมูลลูกค้าเก็บในระบบของแพลตฟอร์ม

ควบคุมข้อมูลได้เอง

ความสามารถในการขยายระบบ

อาจมีข้อจำกัด ต้องใช้ปลั๊กอินเพิ่มเติม

ปรับแต่งและขยายระบบได้อิสระ

4. กรณีศึกษา: แบรนด์แฟชั่นที่เริ่มจาก WooCommerce ก่อนสร้างแพลตฟอร์มของตัวเอง

ปัญหาก่อนการเปลี่ยนแปลง

แบรนด์แฟชั่นแห่งหนึ่งเริ่มต้นขายออนไลน์ผ่าน WooCommerce ซึ่งช่วยให้ธุรกิจสามารถเปิดร้านได้เร็วและมีฟีเจอร์พื้นฐานครบ แต่เมื่อธุรกิจขยายตัวพบปัญหาว่า

  • การบริหารสต็อกสินค้าและโลจิสติกส์เริ่มซับซ้อน

  • ระบบไม่รองรับฟีเจอร์เฉพาะ เช่น ระบบแนะนำสินค้า AI และ Loyalty Program

  • ค่าใช้จ่ายปลั๊กอินและค่าธรรมเนียมธุรกรรมสูงขึ้นเรื่อย ๆ

การปรับเปลี่ยนไปใช้แพลตฟอร์มของตัวเอง

  • พัฒนาแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของตัวเองที่รองรับระบบแนะนำสินค้า AI และ Loyalty Program

  • เชื่อมต่อกับระบบ ERP และระบบคลังสินค้าเพื่อให้การจัดการมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  • ลดค่าใช้จ่ายปลั๊กอินและค่าธรรมเนียมของ WooCommerce

ผลลัพธ์ที่ได้

  • ประสบการณ์ลูกค้าดีขึ้น อัตราการซื้อซ้ำเพิ่มขึ้น 40 เปอร์เซ็นต์

  • ลดต้นทุนค่าธรรมเนียมและค่าบริการปลั๊กอินลง 30 เปอร์เซ็นต์

  • รองรับการขยายธุรกิจไปยังช่องทางอื่น เช่น การขายผ่านแอปพลิเคชันของตัวเอง

5. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซควรเลือกทางไหน

  • หากต้องการเปิดร้านออนไลน์เร็ว และมีงบประมาณจำกัด แนะนำให้ใช้แพลตฟอร์มสำเร็จรูป เช่น Shopify หรือ WooCommerce

  • หากธุรกิจต้องการความยืดหยุ่นสูง และสามารถลงทุนระยะยาว การพัฒนาระบบของตัวเองอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่า

  • หากต้องการเริ่มต้นจากแพลตฟอร์มสำเร็จรูปและขยายภายหลัง อาจเริ่มจาก WooCommerce แล้วค่อยพัฒนาระบบเองเมื่อธุรกิจเติบโต

สรุป

แพลตฟอร์มสำเร็จรูปเหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการเปิดร้านได้รวดเร็วและต้นทุนต่ำ ส่วนการพัฒนาระบบเองเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการความยืดหยุ่นและสามารถลงทุนพัฒนาได้ในระยะยาว

ก่อนเลือกทางใดทางหนึ่ง ธุรกิจควรพิจารณา งบประมาณ ความต้องการของระบบ และแผนการขยายตัวในอนาคต เพื่อให้ได้แพลตฟอร์มที่เหมาะสมที่สุด

Written by
Ae Tharatip Maneewan
Ae Tharatip Maneewan

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

15
April, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
15 April, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
15
April, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
15 April, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
Letter Opener เป็น gem ของ ที่ใช้แสดงรูปแบบของอีเมลที่เราต้องการจะส่ง ก่อนที่จะส่งจริง เพื่อให้ง่ายและไวต่อการทดสอบ Let's Get started... Installation เพิ่ม Gem ใน Gemfile จากนั้นรัน `bundle install` # Gemfile group :development do gem "letter_opener" gem "letter_opener_web", "~> 1.0" end กำหนดการส่งอีเมลโดยใช้ letter_opener (กรณี Production จะใช้เป็น :smtp) # config/environments/development.rb config.action_mailer.delivery_method

By

3 mins read
Thai
15
April, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
15 April, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.