ซอฟต์แวร์ ERP ปรับแต่งได้: ช่วยธุรกิจจัดการงานได้ดียิ่งขึ้น

ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการทำงานในแผนกต่าง ๆ เช่น การเงิน การผลิต การขาย การจัดซื้อ และคลังสินค้าได้อย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ERP สำเร็จรูปบางตัวอาจไม่รองรับความต้องการเฉพาะของธุรกิจ
ERP ที่สามารถปรับแต่งได้ เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ
-
เพิ่มหรือปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เหมาะสมกับกระบวนการทำงาน
-
ลดการใช้ซอฟต์แวร์หลายระบบโดยรวมทุกฟังก์ชันไว้ในแพลตฟอร์มเดียว
-
ปรับแต่งระบบให้รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
กรณีศึกษา: โรงงานผลิตสินค้าใช้ ERP ปรับแต่งได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
ปัญหาของโรงงานผลิตสินค้า
โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีการจัดซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก และต้องติดตามสินค้าคงคลังตลอดเวลา ปัญหาที่พบคือ
-
ระบบเดิมไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแผนกจัดซื้อ คลังสินค้า และฝ่ายผลิตได้
-
การคำนวณสต็อกวัตถุดิบทำได้ล่าช้า ทำให้เกิดสินค้าขาดหรือเกินสต็อก
-
ใช้ซอฟต์แวร์หลายระบบในการจัดการข้อมูล ทำให้เกิดข้อผิดพลาดและใช้เวลามากขึ้น
วิธีแก้ปัญหา
โรงงานเลือกใช้ Odoo ERP ซึ่งเป็นระบบ ERP ที่สามารถปรับแต่งได้ โดยเพิ่มโมดูลเฉพาะ
-
ปรับแต่งโมดูล สินค้าคงคลัง ให้สามารถแจ้งเตือนเมื่อวัตถุดิบใกล้หมด
-
เพิ่มฟังก์ชัน การจัดซื้ออัตโนมัติ ให้ระบบสามารถสร้างคำสั่งซื้อเมื่อวัตถุดิบถึงระดับต่ำสุด
-
เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างแผนก ทำให้สามารถติดตามกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์
ผลลัพธ์ที่ได้
-
ลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกลง 50 เปอร์เซ็นต์
-
ลดเวลาที่ใช้ในการจัดซื้อวัตถุดิบลง 40 เปอร์เซ็นต์
-
เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ทำให้สามารถส่งมอบสินค้าได้เร็วขึ้น
ข้อดีของซอฟต์แวร์ ERP ที่สามารถปรับแต่งได้
1. บริหารจัดการข้อมูลได้เป็นระบบ
ERP ที่ปรับแต่งได้ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมข้อมูลจากหลายแผนกไว้ในระบบเดียว ทำให้สามารถติดตามสถานะการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ลดข้อผิดพลาดจากการใช้ระบบแยกกัน
ตัวอย่าง: บริษัทผลิตอาหารใช้ ERP ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายบัญชี ทำให้สามารถตรวจสอบต้นทุนวัตถุดิบและกำไรต่อหน่วยได้ทันที
2. ปรับแต่งให้ตรงกับลักษณะธุรกิจ
ธุรกิจแต่ละประเภทมีความต้องการที่แตกต่างกัน ERP ที่สามารถปรับแต่งได้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนโมดูลให้เหมาะสมกับกระบวนการทำงาน
ตัวอย่าง: บริษัทก่อสร้างใช้ ERP ที่ปรับแต่งให้รองรับการติดตามต้นทุนโครงการ และสามารถบริหารจัดการเอกสารสัญญาได้
3. ลดการใช้ซอฟต์แวร์หลายตัว
ERP ที่ดีช่วยให้สามารถรวมฟังก์ชันหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ลดความยุ่งยากในการใช้ซอฟต์แวร์หลายระบบ
ตัวอย่าง: บริษัทอีคอมเมิร์ซใช้ ERP ที่สามารถรวมการจัดการคำสั่งซื้อ คลังสินค้า และบัญชีไว้ในระบบเดียว ทำให้ไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์แยกกัน
4. รองรับการขยายตัวของธุรกิจ
ธุรกิจที่เติบโตต้องการระบบที่สามารถขยายฟังก์ชันได้ในอนาคต เช่น การเพิ่มจำนวนผู้ใช้ หรือการเพิ่มโมดูลใหม่ ERP ที่ปรับแต่งได้ช่วยให้สามารถขยายระบบได้ตามต้องการ
ตัวอย่าง: ธุรกิจค้าส่งที่เริ่มจากการขายในประเทศ และขยายไปตลาดต่างประเทศสามารถเพิ่มโมดูลการจัดการภาษีนำเข้า-ส่งออกได้
แนะนำซอฟต์แวร์ ERP ที่สามารถปรับแต่งได้
1. Odoo ERP (เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง)
-
โมดูลสามารถเลือกและปรับแต่งได้ตามความต้องการ
-
รองรับการจัดการบัญชี สินค้าคงคลัง และการขาย
-
ใช้งานได้ทั้งบนคลาวด์และติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร
2. SAP Business One (เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางและใหญ่)
-
รองรับการบริหารจัดการองค์กรแบบครบวงจร
-
สามารถเชื่อมต่อกับระบบการเงินและการจัดซื้อ
-
มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มโมดูลเสริม
3. Microsoft Dynamics 365 (เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการระบบ ERP ที่เชื่อมต่อกับ Microsoft Ecosystem)
-
เชื่อมต่อกับ Microsoft Office และ Power BI ได้อย่างสมบูรณ์
-
รองรับธุรกิจหลายประเภท รวมถึงการผลิต การค้าปลีก และบริการ
-
สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการขององค์กร
วิธีเลือก ERP ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ
1. วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจ
-
ต้องการฟังก์ชันอะไรบ้าง เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง การเงิน หรือ HR
-
ระบบปัจจุบันมีข้อจำกัดอะไร และต้องการปรับปรุงจุดใด
2. เลือก ERP ที่มีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้
-
ระบบควรรองรับการเพิ่มโมดูลใหม่ในอนาคต
-
มี API ที่สามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่นที่ใช้อยู่
3. พิจารณาค่าใช้จ่ายและ ROI
-
ค่าใช้จ่ายของ ERP มีทั้งค่าลิขสิทธิ์ ค่าติดตั้ง และค่าบำรุงรักษา
-
คำนวณว่าระบบจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใด
4. ทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจ
-
หลายระบบมีเวอร์ชันทดลอง ควรทดลองใช้เพื่อดูว่าเหมาะสมกับองค์กรหรือไม่
สรุป
ERP ที่สามารถปรับแต่งได้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กร จากกรณีศึกษาของโรงงานผลิตสินค้า การเลือกใช้ Odoo ERP ที่สามารถปรับแต่งให้รองรับการจัดการสินค้าคงคลังและการจัดซื้อ ทำให้ลดเวลาการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร


Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates
Other articles for you



Let’s build digital products that are simply awesome !
We will get back to you within 24 hours!Go to contact us








