14Feb, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
14 February, 2025
Thai

ซอฟต์แวร์ ERP ปรับแต่งได้: ช่วยธุรกิจจัดการงานได้ดียิ่งขึ้น

By

2 mins read
ซอฟต์แวร์ ERP ปรับแต่งได้: ช่วยธุรกิจจัดการงานได้ดียิ่งขึ้น

ระบบ ERP (Enterprise Resource Planning) เป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการทำงานในแผนกต่าง ๆ เช่น การเงิน การผลิต การขาย การจัดซื้อ และคลังสินค้าได้อย่างเป็นระบบ อย่างไรก็ตาม ERP สำเร็จรูปบางตัวอาจไม่รองรับความต้องการเฉพาะของธุรกิจ

ERP ที่สามารถปรับแต่งได้ เป็นทางเลือกที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถ

  • เพิ่มหรือปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้เหมาะสมกับกระบวนการทำงาน

  • ลดการใช้ซอฟต์แวร์หลายระบบโดยรวมทุกฟังก์ชันไว้ในแพลตฟอร์มเดียว

  • ปรับแต่งระบบให้รองรับการเติบโตของธุรกิจในอนาคต

 

กรณีศึกษา: โรงงานผลิตสินค้าใช้ ERP ปรับแต่งได้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน

ปัญหาของโรงงานผลิตสินค้า

โรงงานผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีการจัดซื้อวัตถุดิบจำนวนมาก และต้องติดตามสินค้าคงคลังตลอดเวลา ปัญหาที่พบคือ

  • ระบบเดิมไม่สามารถเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างแผนกจัดซื้อ คลังสินค้า และฝ่ายผลิตได้

  • การคำนวณสต็อกวัตถุดิบทำได้ล่าช้า ทำให้เกิดสินค้าขาดหรือเกินสต็อก

  • ใช้ซอฟต์แวร์หลายระบบในการจัดการข้อมูล ทำให้เกิดข้อผิดพลาดและใช้เวลามากขึ้น

วิธีแก้ปัญหา

โรงงานเลือกใช้ Odoo ERP ซึ่งเป็นระบบ ERP ที่สามารถปรับแต่งได้ โดยเพิ่มโมดูลเฉพาะ

  • ปรับแต่งโมดูล สินค้าคงคลัง ให้สามารถแจ้งเตือนเมื่อวัตถุดิบใกล้หมด

  • เพิ่มฟังก์ชัน การจัดซื้ออัตโนมัติ ให้ระบบสามารถสร้างคำสั่งซื้อเมื่อวัตถุดิบถึงระดับต่ำสุด

  • เชื่อมต่อข้อมูลระหว่างแผนก ทำให้สามารถติดตามกระบวนการผลิตแบบเรียลไทม์

ผลลัพธ์ที่ได้

  • ลดปัญหาสินค้าขาดสต็อกลง 50 เปอร์เซ็นต์

  • ลดเวลาที่ใช้ในการจัดซื้อวัตถุดิบลง 40 เปอร์เซ็นต์

  • เพิ่มประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต ทำให้สามารถส่งมอบสินค้าได้เร็วขึ้น

 

ข้อดีของซอฟต์แวร์ ERP ที่สามารถปรับแต่งได้

1. บริหารจัดการข้อมูลได้เป็นระบบ

ERP ที่ปรับแต่งได้ช่วยให้ธุรกิจสามารถรวมข้อมูลจากหลายแผนกไว้ในระบบเดียว ทำให้สามารถติดตามสถานะการทำงานได้แบบเรียลไทม์ ลดข้อผิดพลาดจากการใช้ระบบแยกกัน

ตัวอย่าง: บริษัทผลิตอาหารใช้ ERP ที่เชื่อมโยงข้อมูลระหว่างฝ่ายผลิต ฝ่ายจัดซื้อ และฝ่ายบัญชี ทำให้สามารถตรวจสอบต้นทุนวัตถุดิบและกำไรต่อหน่วยได้ทันที

2. ปรับแต่งให้ตรงกับลักษณะธุรกิจ

ธุรกิจแต่ละประเภทมีความต้องการที่แตกต่างกัน ERP ที่สามารถปรับแต่งได้ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มหรือปรับเปลี่ยนโมดูลให้เหมาะสมกับกระบวนการทำงาน

ตัวอย่าง: บริษัทก่อสร้างใช้ ERP ที่ปรับแต่งให้รองรับการติดตามต้นทุนโครงการ และสามารถบริหารจัดการเอกสารสัญญาได้

3. ลดการใช้ซอฟต์แวร์หลายตัว

ERP ที่ดีช่วยให้สามารถรวมฟังก์ชันหลายอย่างไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ลดความยุ่งยากในการใช้ซอฟต์แวร์หลายระบบ

ตัวอย่าง: บริษัทอีคอมเมิร์ซใช้ ERP ที่สามารถรวมการจัดการคำสั่งซื้อ คลังสินค้า และบัญชีไว้ในระบบเดียว ทำให้ไม่ต้องใช้ซอฟต์แวร์แยกกัน

4. รองรับการขยายตัวของธุรกิจ

ธุรกิจที่เติบโตต้องการระบบที่สามารถขยายฟังก์ชันได้ในอนาคต เช่น การเพิ่มจำนวนผู้ใช้ หรือการเพิ่มโมดูลใหม่ ERP ที่ปรับแต่งได้ช่วยให้สามารถขยายระบบได้ตามต้องการ

ตัวอย่าง: ธุรกิจค้าส่งที่เริ่มจากการขายในประเทศ และขยายไปตลาดต่างประเทศสามารถเพิ่มโมดูลการจัดการภาษีนำเข้า-ส่งออกได้

 

แนะนำซอฟต์แวร์ ERP ที่สามารถปรับแต่งได้

1. Odoo ERP (เหมาะกับธุรกิจขนาดเล็กและกลาง)

  • โมดูลสามารถเลือกและปรับแต่งได้ตามความต้องการ

  • รองรับการจัดการบัญชี สินค้าคงคลัง และการขาย

  • ใช้งานได้ทั้งบนคลาวด์และติดตั้งบนเซิร์ฟเวอร์ขององค์กร

2. SAP Business One (เหมาะกับธุรกิจขนาดกลางและใหญ่)

  • รองรับการบริหารจัดการองค์กรแบบครบวงจร

  • สามารถเชื่อมต่อกับระบบการเงินและการจัดซื้อ

  • มีความยืดหยุ่นในการเพิ่มโมดูลเสริม

3. Microsoft Dynamics 365 (เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการระบบ ERP ที่เชื่อมต่อกับ Microsoft Ecosystem)

  • เชื่อมต่อกับ Microsoft Office และ Power BI ได้อย่างสมบูรณ์

  • รองรับธุรกิจหลายประเภท รวมถึงการผลิต การค้าปลีก และบริการ

  • สามารถปรับแต่งได้ตามความต้องการขององค์กร

 

วิธีเลือก ERP ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

1. วิเคราะห์ความต้องการของธุรกิจ

  • ต้องการฟังก์ชันอะไรบ้าง เช่น การจัดการสินค้าคงคลัง การเงิน หรือ HR

  • ระบบปัจจุบันมีข้อจำกัดอะไร และต้องการปรับปรุงจุดใด

2. เลือก ERP ที่มีความยืดหยุ่นและปรับแต่งได้

  • ระบบควรรองรับการเพิ่มโมดูลใหม่ในอนาคต

  • มี API ที่สามารถเชื่อมต่อกับซอฟต์แวร์อื่นที่ใช้อยู่

3. พิจารณาค่าใช้จ่ายและ ROI

  • ค่าใช้จ่ายของ ERP มีทั้งค่าลิขสิทธิ์ ค่าติดตั้ง และค่าบำรุงรักษา

  • คำนวณว่าระบบจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพได้มากน้อยเพียงใด

4. ทดลองใช้งานก่อนตัดสินใจ

  • หลายระบบมีเวอร์ชันทดลอง ควรทดลองใช้เพื่อดูว่าเหมาะสมกับองค์กรหรือไม่

 

สรุป

ERP ที่สามารถปรับแต่งได้เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถบริหารจัดการกระบวนการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดข้อผิดพลาด และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันขององค์กร จากกรณีศึกษาของโรงงานผลิตสินค้า การเลือกใช้ Odoo ERP ที่สามารถปรับแต่งให้รองรับการจัดการสินค้าคงคลังและการจัดซื้อ ทำให้ลดเวลาการทำงานและเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร

 

Written by
Ae Tharatip Maneewan
Ae Tharatip Maneewan

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

14
March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
14 March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
14
March, 2025
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
14 March, 2025
How SennaLabs helped S&P Food transform their online e-commerce business
S&P Food’s yearly revenues were 435 mils $USD. 10% of the revenue was from online sales. The board of directors felt that online sales should account for more. The digital

By

4 mins read
English
14
March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
14 March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.