30Jan, 2025
Language blog :
Thai
Share blog : 
30 January, 2025
Thai

Agile vs Waterfall: แนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

By

2 mins read
Agile vs Waterfall: แนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่เหมาะกับธุรกิจของคุณ

เมื่อธุรกิจต้องการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่ การเลือกแนวทางการพัฒนาที่เหมาะสมถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญ แนวทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ Agile และ Waterfall ซึ่งมีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน

บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Agile และ Waterfall พร้อมตัวอย่างการใช้งานจริงจากบริษัทเทคโนโลยีที่เลือก Agile ในการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของตลาด

แนวทาง Waterfall คืออะไร?

Waterfall เป็นแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์แบบดั้งเดิมที่ดำเนินงานเป็นลำดับขั้นตอน เช่นเดียวกับน้ำตกที่ไหลลงมาจากที่สูง แต่ละขั้นตอนต้องเสร็จสมบูรณ์ก่อนจะดำเนินการไปยังขั้นตอนถัดไป

ขั้นตอนหลักของ Waterfall:

  1. การวิเคราะห์ความต้องการ

  2. การออกแบบ

  3. การพัฒนา

  4. การทดสอบ

  5. การส่งมอบ

ข้อดีของ Waterfall:

  • โครงสร้างชัดเจน เหมาะสำหรับโครงการที่มีความต้องการแน่นอน

  • ง่ายต่อการวางแผนและบริหารจัดการ

  • การประเมินค่าใช้จ่ายและเวลาเป็นไปได้แม่นยำ

ข้อเสียของ Waterfall:

  • ไม่ยืดหยุ่น หากมีการเปลี่ยนแปลงในขั้นตอนหลัง จะต้องย้อนกลับไปแก้ไขงานเดิม

  • ใช้เวลานานก่อนจะเห็นผลลัพธ์ของโครงการ

  • ไม่เหมาะสำหรับโครงการที่มีความซับซ้อนหรือความต้องการที่เปลี่ยนแปลง

แนวทาง Agile คืออะไร?

Agile เป็นแนวทางที่เน้นความยืดหยุ่นและการพัฒนาแบบต่อเนื่อง แบ่งงานออกเป็น Sprint หรือระยะเวลาสั้น ๆ ที่มีการส่งมอบฟีเจอร์ย่อยอย่างต่อเนื่อง

หลักการสำคัญของ Agile:

  1. เน้นการทำงานร่วมกันระหว่างทีมและผู้ใช้

  2. การพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้งานได้จริงในทุก Sprint

  3. การตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

ข้อดีของ Agile:

  • ยืดหยุ่นต่อการเปลี่ยนแปลงความต้องการ

  • ผู้ใช้สามารถมีส่วนร่วมและให้ฟีดแบ็กตลอดกระบวนการ

  • เห็นผลลัพธ์และปรับปรุงได้เร็ว

ข้อเสียของ Agile:

  • ต้องการทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและประสานงานได้ดี

  • การวางแผนในระยะยาวอาจซับซ้อน

  • ไม่เหมาะกับโครงการที่มีข้อกำหนดชัดเจนตั้งแต่แรก

เปรียบเทียบ Agile และ Waterfall

หัวข้อ

Waterfall

Agile

โครงสร้าง

ลำดับขั้นตอนที่แน่นอน

ยืดหยุ่น แบ่งงานเป็น Sprint

ความยืดหยุ่น

ไม่ยืดหยุ่น หากต้องการเปลี่ยนแปลงต้องย้อนกลับไปเริ่มใหม่

ปรับเปลี่ยนได้ตลอดกระบวนการ

การส่งมอบ

ส่งมอบทั้งหมดเมื่อโครงการเสร็จสิ้น

ส่งมอบฟีเจอร์ย่อยได้อย่างต่อเนื่อง

เหมาะสำหรับ

โครงการที่มีความต้องการชัดเจนและซับซ้อนน้อย

โครงการที่ต้องปรับตัวตามฟีดแบ็กของผู้ใช้งาน

การมีส่วนร่วมของผู้ใช้

น้อย ผู้ใช้มีส่วนร่วมในขั้นตอนเริ่มต้นและสิ้นสุดเท่านั้น

สูง ผู้ใช้มีส่วนร่วมในทุก Sprint

 

ตัวอย่างการใช้งานจริง

กรณีศึกษา: บริษัทเทคโนโลยี
บริษัทเทคโนโลยีแห่งหนึ่งต้องการพัฒนาแอปพลิเคชันมือถือสำหรับการจองโต๊ะร้านอาหาร โดยมุ่งเน้นความสามารถในการตอบสนองต่อความคิดเห็นของผู้ใช้งาน

เลือกแนวทาง: Agile

  • เหตุผล: ความต้องการของผู้ใช้งานอาจเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา และต้องการฟีเจอร์ที่สามารถทดลองใช้และปรับปรุงได้รวดเร็ว

ผลลัพธ์:

  • แอปพลิเคชันรุ่นแรกเปิดตัวภายใน 2 เดือน

  • ได้รับฟีดแบ็กจากผู้ใช้จริงในช่วงต้น และปรับฟีเจอร์ให้ตรงกับความต้องการ

  • ความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น 30%

 

วิธีเลือกแนวทางที่เหมาะสม

  1. วิเคราะห์ความต้องการของโครงการ:

    • หากความต้องการชัดเจนตั้งแต่เริ่ม ให้เลือก Waterfall

    • หากความต้องการอาจเปลี่ยนแปลง เลือก Agile

  2. พิจารณาทรัพยากรและทีมงาน:

    • หากทีมมีประสบการณ์น้อยหรือทำงานร่วมกันครั้งแรก Waterfall อาจเหมาะกว่า

    • หากทีมมีประสบการณ์และการสื่อสารดี Agile จะได้ผลดีกว่า

  3. ดูความสำคัญของการส่งมอบอย่างต่อเนื่อง:

    • หากคุณต้องการส่งมอบฟีเจอร์ทีละส่วน Agile คือตัวเลือกที่เหมาะสม

  4. พิจารณาความซับซ้อนของโครงการ:

    • โครงการที่ซับซ้อนและต้องการการปรับปรุงตลอดเวลา ควรใช้ Agile

    • โครงการที่มีข้อกำหนดคงที่ Waterfall จะทำงานได้ดี

 

สรุป:

การเลือกแนวทางการพัฒนาซอฟต์แวร์ระหว่าง Agile และ Waterfall ขึ้นอยู่กับลักษณะของโครงการและเป้าหมายของธุรกิจ

  • Agile: เหมาะสำหรับโครงการที่ต้องการความยืดหยุ่นและการส่งมอบอย่างต่อเนื่อง

  • Waterfall: เหมาะสำหรับโครงการที่มีข้อกำหนดชัดเจนและต้องการการควบคุมที่เข้มงวด

ตัวอย่างจากบริษัทเทคโนโลยีแสดงให้เห็นว่า Agile สามารถช่วยให้การพัฒนาซอฟต์แวร์ตอบสนองต่อความต้องการของตลาดได้อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ Waterfall ยังคงมีบทบาทสำคัญในโครงการที่มีความต้องการแน่นอนการเลือกแนวทางที่เหมาะสมคือก้าวแรกที่สำคัญในการพัฒนาโครงการให้ประสบความสำเร็จ

Written by
Nat Nattaphon Bunsuwan
Nat Nattaphon Bunsuwan

Subscribe to follow product news, latest in technology, solutions, and updates

- More than 120,000 people/day visit to read our blogs

Other articles for you

20
March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
20 March, 2025
Inbound Marketing การตลาดแห่งการดึงดูด
การทำการตลาดในปัจจุบันมีรูปแบบที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากเพราะวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีในอดีตไม่ได้แปลว่าจะได้ผลลัพธ์ที่ดีในอนาคตด้วยเสมอไปประกอบการแข่งขันที่สูงขึ้นเรื่อยๆทำให้นักการตลาดต้องมีการปรับรูปแบบการทำการตลาดในการสร้างแรงดึงดูดผู้คนและคอยส่งมอบคุณค่าเพื่อให้เข้าถึงและสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ Inbound Marketing คืออะไร Inbound Marketing คือ การทำการตลาดผ่าน Content ต่างๆ เพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมายเข้ามา และตอบสนองความต้องการของลูกค้า โดยอาจจะทำผ่านเว็บไซต์ หรือผ่านสื่อ Social Media ต่าง ๆ ซึ่งในปัจจุบันนั้น Inbound Marketing เป็นที่นิยมมากขึ้นเพราะเครื่องมือและเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาในปัจจุบันทำให้การทำการตลาดแบบ Inbound Marketing นั้นทำง่ายกว่าเมื่อก่อนมาก นอกจากนี้การทำ Inbound Marketing ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์และความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้เป็นอย่างดีอีกด้วย หลักการของ Inbound Marketing Attract สร้าง

By

3 mins read
Thai
20
March, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
20 March, 2025
Preview email ด้วย Letter Opener
Letter Opener เป็น gem ของ ที่ใช้แสดงรูปแบบของอีเมลที่เราต้องการจะส่ง ก่อนที่จะส่งจริง เพื่อให้ง่ายและไวต่อการทดสอบ Let's Get started... Installation เพิ่ม Gem ใน Gemfile จากนั้นรัน `bundle install` # Gemfile group :development do gem "letter_opener" gem "letter_opener_web", "~> 1.0" end กำหนดการส่งอีเมลโดยใช้ letter_opener (กรณี Production จะใช้เป็น :smtp) # config/environments/development.rb config.action_mailer.delivery_method

By

3 mins read
Thai
20
March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
20 March, 2025
การเปลี่ยนทิศทางผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจ Startup หรือ Pivot or Preserve
อีกหนึ่งบททดสอบสำหรับการทำ Lean Startup ก็คือ Pivot หรือ Preserve ซึ่งหมายถึง การออกแบบหรือทดสอบสมมติฐานของผลิตภัณฑ์หรือแผนธุรกิจใหม่หลังจากที่แผนเดิมไม่ได้ผลลัพธ์อย่างที่คาดคิด จึงต้องเปลี่ยนทิศทางเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้ให้มากที่สุด ตัวอย่างการทำ Pivot ตอนแรก Groupon เป็น Online Activism Platform คือแพลตฟอร์มที่มีไว้เพื่อสร้างแคมเปญรณรงค์หรือการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในสังคม ซึ่งตอนแรกแทบจะไม่มีคนเข้ามาใช้งานเลย และแล้วผู้ก่อตั้ง Groupon ก็ได้เกิดไอเดียทำบล็อกขึ้นในเว็บไซต์โดยลองโพสต์คูปองโปรโมชั่นพิซซ่า หลังจากนั้น ก็มีคนสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เขาคิดใหม่และเปลี่ยนทิศทางหรือ Pivot จากกลุ่มลูกค้าเดิมเป็นกลุ่มลูกค้าจริง Pivot ถูกแบ่งออกเป็น 8 ประเภท Customer Need

By

3 mins read
Thai

Let’s build digital products that are
simply awesome !

We will get back to you within 24 hours!Go to contact us
Please tell us your ideas.
- Senna Labsmake it happy
Contact ball
Contact us bg 2
Contact us bg 4
Contact us bg 1
Ball leftBall rightBall leftBall right
Sennalabs gray logo28/11 Soi Ruamrudee, Lumphini, Pathumwan, Bangkok 10330+66 62 389 4599hello@sennalabs.com© 2022 Senna Labs Co., Ltd.All rights reserved.